ตอนที่แล้วบทที่ 7 ชายสารเลวกับหญิงร่าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 9 ดอกไม้ไฟนั้นสวยงาม แต่มันกลับไม่ยั่งยืน (1)

บทที่ 8 เซี่ยเย่อย่าเศร้าไปเลยนะ


ในขณะที่รถแล่นผ่านหน้าเขาออกไปอย่างช้าๆ ฮานอี้เฟิงก็มองเห็นซีเซี่ยเย่ที่นั่งอยู่ในรถและเธอก็กำลังหันหน้าออกไปมองนอกกระจกรถอีกทาง

เขารู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะตามเธอไปดีรึเปล่า แต่หลังจากที่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง อารมณ์สับสนที่ฉายชัดออกมาทางแววตาของเขาก็สงบลง และสุดท้ายมันก็กลับมาเป็นปกติเหมือนกับก่อนหน้านี้

และจู่ๆ เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของ ซีซินอี้ ก็ดังเข้ามาหูของเขา

“อี้เฟิง ฉัน… ฉันทำอะไรผิดไปรึเปล่า? ทำไมพี่สาวของฉัน เธอถึงได้…”

เมื่อฮานอี้เฟิงหันกลับมา เขาก็เห็นใบหน้าบอบบางที่โศกเศร้าของซีซินอี้ ดวงตาที่สวยงามของหล่อนมีน้ำตาเอ่อล้นอยู่ และหล่อนก็พยายามสะกดกลั้นมันเอาไว้โดยการกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างหนัก และเมื่อเขาได้เห็นมัน เขาก็รู้สึกปวดใจ และอดที่จะเห็นใจหล่อนขึ้นมาไม่ได้

เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี จึงทำได้เพียงแค่กระชับอ้อมแขนที่โอบรอบเอวของหล่อนให้แน่นขึ้น และดึงหล่อนให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขาเพียงเท่านั้น

จากนั้นซีซินอี้ก็กอดตอบเขาแน่น และส่งเสียงร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่

เขามองไปข้างหน้าอย่างครุ่นคิด พลางมองดูรถที่หายไปในสายหมอกหนา จากนั้นฮานอี้เฟิงถอนสายตาออกอย่างเย็นและเพ่งความสนใจมาที่ซีซินอี้ที่ฝังตัวเองในอ้อมกอดของเขาและเอาแต่ร้องไห้ ใบหน้าที่ไม่แยแสของเขาก็เริ่มผ่อนคลายลง จากนั้นเขาก็พูดออกไปเบาๆ ว่า “โอเค ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ เราจะค่อยๆ อธิบายสิ่งเหล่านี้ให้เธอฟังทีหลัง เธอเป็นคนมีเหตุผล เพราะอย่างนั้นเธอจะเข้าใจเราสองคนแน่”

“แต่ว่า… เมื่อกี้ฉันเห็นเธอ ฉันก็แทบจะใจสลาย พ่อบอกว่าเธอไม่ได้กลับบ้านมานานมากแล้ว เธอจะโทษพ่อกับแม่เพราะพวกเราแน่ๆ …”

“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย ขึ้นรถก่อนเถอะ คุณลุงกับคุณป้ากำลังรอเราอยู่ที่ร้าน อิมเพอเรอร์ นะ”

ฮานอี้เฟิงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋า และเช็ดน้ำตาให้หล่อนอย่างระมัดระวัง เขาเปิดประตูรถ และพูดเกลี้ยกล่อมหล่อนออกไปว่า “ขึ้นรถก่อนเถอะ”

ซีซินอี้สูดลมหายใจเข้า และกลืนก้อนสะอื้นลงไปในลำคอ ก่อนที่จะขึ้นไปนั่งรถพร้อมทั้งน้ำตา

รถแล่นไปยัง Emperor Entertainment City ที่อยู่ทางตอนเหนือของเมือง ระหว่างทางซีเซี่ยเย่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว บรรยากาศภายในรถเต็มไปด้วยความเศร้าโศก มันดูอึดอัดมากจนซูหนานรู้สึกได้ถึงความขมขื่นที่กำลังลอยอบอวลอยู่ในลำคอของหล่อน

หล่อนอยากจะปลอบโยนเธอ แต่เมื่อหล่อนเห็นซีเซี่ยเย่ที่กำลังเอนหลังพิงเบาะและมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับพยายามสงบสติอารมณ์ หล่อนก็ทำได้เพียงแค่ปิดปากของตัวเองเอาไว้ ท่ามกลางแสงสลัวภายนอกที่สาดส่องเข้ามาในรถที่เงียบสงบ หากใครมองเข้ามาก็ต้องเห็นถึงความโดดเดี่ยวและฟุ้งซ่านของหล่อนอย่างแน่นอน

“เซี่ยเย่อย่าเศร้าไปเลยนะ… ฉันขอโทษ ฉัน… ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรทำแบบนั้น แต่ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ ตอนที่เห็นว่าพวกเขาทั้งสองคนกำลังมีความสุข ฉันก็ทนไม่ได้จริงๆ ฉันโมโหจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว! พวกเขาทั้งสองคนมีความสุขหลังจากที่ทำร้ายเธอได้ยังไงกัน?”

ซูหนานยื่นมือออกไปจับไหล่ของเซี่ยเย่ทั้งสองข้าง หล่อนมองดูใบหน้าที่สวยและสง่างามของเซี่ยเย่ ก่อนที่หล่อนจะถามออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลว่า “เธอบอกฉันมาสิ เซี่ยเย่ เธอยังปล่อยวางไม่ได้ใช่ไหม? นี่มันก็ผ่านมาตั้งนานหลายปีแล้ว แต่ที่เธอยังเปลี่ยนใจไปรักใครไม่ได้ มันก็เป็นเพราะเธอยังไม่ปล่อยวางจากฮานอี้เฟิงไปอย่างนั้นเหรอ? ใช่ไหม? บอกฉันมาสิ!”

มือของซูหนานที่ย่นออกมาจับที่ซีเซี่ยเย่ยังคงเขย่าไม่หยุด และถามออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

เมื่อซูหนานยังเอาแต่เขย่าตัวเธอไม่หยุด ซีเซี่ยเย่ก็รู้สึกวิงเวียนขึ้นมาทันที เพราะงั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่ยกมือขึ้นไปจับมือของหล่อนที่วางอยู่บนไหล่เอาไว้ จากนั้นริมฝีปากสีแดงสดของเธอซีดเซียวเล็กน้อยก็เปล่งเสียงพูดออกไปด้วยความเหนื่อยล้าว่า “ซูหนาน หยุดพูดได้แล้ว ขอฉันอยู่คนเดียวสักพักได้ไหม?”

“คำถามนี้มันตอบยากมากนักรึไง? ซีเซี่ยเย่!”

ซูหนานจ้องมองตรงมาที่เธอด้วยแววตาที่แน่วแน่

ซีเซี่ยเย่ตกตะลึงขึ้นมาในทันที จากนั้นเธอก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เธอวางมือไปบนแขนของซูหนาน เมื่อเธอหันไปมองที่ซูหนาน เธอก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดออกไปเบาๆ ว่า “เรื่องของเขากับฉันมันกลายเป็นอดีตนานแล้ว…”

มันกลายเป็นอดีตนานแล้ว…

เธอรู้อยู่แล้วว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันผ่านมานานแล้ว และในใจของเธอก็มีแต่เครื่องหมายหยุดเต็มไปหมด

Empire Entertainment City เป็นย่านการค้าที่มีระดับมากที่สุดเพียงแห่งเดียวในเมือง Z

ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ประกอบการที่คนรวยๆ มักจะมาใช้เงินกัน และส่วนใหญ่ก็เป็นคนมีฐานะกันทั้งนั้น

ตระกูลซูก็ถือว่าเป็นตระกูลแห่งวรรณกรรม เพราะพ่อของซูหนานเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัย A ในขณะที่แม่ของหล่อนก็เป็นผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการศึกษาของใจกลางเมือง พวกเขาเป็นคนสำคัญของเมือง Z เพราะอย่างนั้นซูหนานจึงถือได้ว่าเป็นลูกสาวของตระกูลที่มีชื่อเสียงเช่นกัน

ปกติแล้วซูหนานมักจะไปที่ อิมเพอเรอร์ บ่อยๆ ไม่เพียงแต่อาหารที่นั่นจะอร่อยแล้วเท่านั้น แต่ที่นั่นยังมีบริการที่ครบวงจร เพราะอย่างนั้นหล่อนจึงรู้สึกพึงพอใจกับการบริการลูกค้าที่ไร้ที่ติของพนักงานต้อนรับที่นั่น

และทุกครั้งที่ซูหนานชวนซีเซี่ยเย่ไปทานอาหารด้วยกัน 8 ใน 10 ครั้ง หล่อนก็มักจะไปที่ อิมเพอเรอร์ เสมอ และเมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า เซี่ยเย่ก็เริ่มที่จะเคยชินกับมันเช่นกัน เธอจึงตัดสินใจได้ทันทีว่าจะไปทานอาหารค่ำที่อิมเพอเรอร์ หลังจากที่ซูหนานกลับมา

หลังจากที่อาหารและเครื่องดื่มมาเสิร์ฟที่โต๊ะ เซี่ยเย่ก็รินเครื่องดื่มให้ตัวเองกับหล่อนคนละแก้ว ใบหน้าของเธอซีดเซียว และเมื่อซูหนานเห็นเช่นนี้ หล่อนก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมา

“ดื่มกับฉันสักหน่อยสิ คืนนี้ ฉันมาต้อนรับเธอกลับบ้านขนาดนี้ เธอจะไม่ดื่มกับฉันหน่อยเหรอ?”

ซีเซี่ยเย่ขมวดคิ้วมุ่น หลังจากที่เธอดื่มเครื่องดื่มในแก้วนั้นจนหมด เธอก็หันไปพูดกับซูหนานที่ยังดูเป็นกังวลเบาๆ ว่า "อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นสิ ฉันก็บอกไปแล้วไงว่าฉันสบายดี"

จากนั้นเธอก็เอื้อมมือออกไปเทเครื่องดื่มลงในแก้วให้ตัวเองอีกครั้ง แต่ซูหนานกลับยื่นมือออกมาตีมือเธอ หล่อนแย่งขวดเหล้าในมือของเธอไป จากนั้นหล่อนก็เทมันลงในแก้วให้เธอประมาณครึ่งแก้ว และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ถ้าเธออยากจะดื่ม ฉันก็จะดื่มเป็นเพื่อนเธอเอง แต่ท้องของเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะงั้นก็ดื่มน้อยๆ หน่อย เธอดื่มแค่ครึ่งแก้วก็พอแล้ว เดี๋ยวฉันจะดื่มเต็มแก้วเอง”

ซูหนานยกแก้วของหล่อนขึ้นดื่มประมาณ 2 – 3 แก้ว

มีรอยยิ้มจางๆ อยู่บนใบหน้าของซีเซี่ยเย่ เธอมองลงไปที่เครื่องดื่มครึ่งแก้วที่อยู่ตรงหน้าเธอ จากนั้นก็พูดออกไปว่า “ขอบคุณมากนะ ซูหนาน”

สำหรับซูหนานแล้ว ซีเซี่ยเย่รู้สึกขอบคุณหล่อนมาตลอด หลายปีที่ผ่านมานี้ มีเพียงซูหนานคนเดียวเท่านั้นที่มักจะอยู่เคียงข้างเธอในวันที่ลมแรง และหล่อนก็มักจะเตือนให้หล่อนใส่เสื้อผ้าหนาๆ เสมอ และเมื่อใดที่เธอต้องตกอยู่ในช่วงเวลาที่ลำบาก หล่อนก็จะเป็นคนแรกที่ปรากฏตัวเสมอ และจะคอยดื่มเป็นเพื่อนและพูดคุยกับเธอ...

ซูหนานยื่นมือออกไปดึงมือที่เย็นเฉียบของเซี่ยเย่ที่วางอยู่บนโต๊ะมากุมเอาไว้ จากนั้นหล่อนก็พูดออกไปเบาๆ ว่า “ยัยโง่ เราต้องมาพูดเรื่องนี้กันด้วยงั้นเหรอ? เซี่ยเย่ เธออย่าเศร้าไปเลยนะ บนโลกใบนี้ยังมีผู้ชายดีๆ อีกตั้งเยอะตั้งแยะ การที่เธอยังเอาตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับขยะที่รกโลกอย่างฮานอี้เฟิง มันไม่คุ้มค่าเลยจริงๆ นะ!”

ซีเซี่ยเย่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เธอเพียงแค่สูดลมหายใจเข้าเพียงเท่านั้น จากนั้นเธอก็หันมองออกไปนอกหน้าต่าง และสิ่งที่สะท้อนเข้ามาในดวงตาของเธอก็คือแสงไฟที่เจิดจ้า หลอดไฟนีออนส่องแสงระยิบระยับมาจนดวงตาของเธอเริ่มเจ็บ

ก่อนที่เธอจะตกอยู่ในอาการมึนงง เธอก็นึกไปถึงท่าท่างที่ไม่แยแสของฮานอี้เฟิงในตอนที่เขาเดินจากไปในตอนนั้น ต่อให้พยายามสักแค่ไหน หรือต่อให้เธอต้องทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองมากเท่าไหร่ เธอก็ไม่สามารถรั้งให้เขากลับมาหาเธอได้...

“ปล่อยผมไปเถอะ เซี่ยเย่ คุณก็รู้ว่าผมรักคนอื่นแล้ว และคนๆ นั้นก็ไม่ใช่คุณ”

“เราปล่อยวางซึ่งกันและกันเถอะนะ และเวลาก็จะทำให้คุณลืมมันได้ ผมหวังว่าคุณจะมีชีวิตที่ดี และผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อเป็นการตอบแทนคุณ'

เธอจำได้ว่าตอนนั้นที่เขาเดินจากไป สภาพอากาศก็เป็นเหมือนอย่างวันนี้เช่นกัน

เธอจำได้ว่าตอนนั้น เธออยากจะตามเขาไป แต่เมื่อเธอเห็นผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ในรถของเขา เธอก็สูญเสียความตั้งใจของเธอไปในทันที

และสุดท้าย เธอไม่แม้แต่จะถามเขาออกไปว่าทำไม หรือขอให้เขาอธิบายเหตุผลกับเธอ แต่เธอกลับเอาแต่ยืนอยู่ใต้ไฟข้างถนนและเอาแต่ตากฝนอยู่อย่างนั้นตลอดทั้งคืน จนกระทั่งรุ่งสาง เธอรู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอมันแข็งและชาไปหมดทั้งตัว เธอหัวเราะออกมาด้วยความงุนงงกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น

เพราะความเฉยเมยของเขาเมื่อหันหลังเดินกลับไป ความหวังทั้งหมดของเธอจึงกลายเป็นเหมือนกับเมฆที่เคลื่อนผ่านไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ สิ่งที่เหลือคือความเจ็บปวดรวดร้าวภายในใจ มันเป็นความเจ็บปวดที่รู้สึกได้ถึงในกระดูก ความเจ็บปวดที่ทำให้เธอรู้สึกมึนงง

จู่ ๆ เธอก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งหัวใจที่อ่อนล้าและชาชินของเธอก็รู้สึกราวกับถูกแทงเจ็บปวดรวดร้าวไปหมด สุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอจึงลุกขึ้น และหันไปพูดกับซูหนานว่า “ฉันขอออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อยนะ”

ซูหนานตกใจไปครู่หนึ่ง หล่อนอยากจะลุกไปลากตัวเธอกลับมา แต่โทรศัพท์ในกระเป๋าของเธอก็ดังขึ้นมาพอดี...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด