บทที่ 8 วีรบุรุษผู้ช่วยเหลือสาวงาม (2)
สิงอวี้เซิงกล่าว “เขาให้เจ้าสำนึกผิด เจ้าไม่เกรงกลัวที่จะหลับในห้องโถงใหญ่ แล้วข้าจะต้องกลัวอะไร?”
มู่ฉางถิงได้ฟังก็หัวเราะขึ้นมา “เจ้าเองก็ไม่ได้ทึ่มนี่ เหตุใดทุกครั้งที่เขารังแกเจ้า เจ้ากลับไม่ต่อต้านเล่า?”
สีหน้าของสิงอวี้เซิงเปลี่ยนไป มู่ฉางถิงเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร เกรงว่าตนเองจะถูกขุ่นเคืองอีกครั้ง รีบกระแอมไอออกมาเสียงหนึ่ง กล่าว “นั่นอะไร...ข้าหิวแล้ว โจ๊กนี้ให้ข้าใช่หรือไม่?”
สิงอวี้เซิงประคองถ้วยโจ๊กยื่นให้แก่เขา มู่ฉางถิงยื่นมือออกไปรับ มือของเขาหยุดชั่วคราว แล้วดึงโจ๊กกลับคืน
เด็กหนุ่มหลุบตาลง ขนตาแพยาวกระพริบเล็กน้อย ราวกับปีกของผีเสื้อที่กำลังสยายบิน
มู่ฉางถิงมองเขาที่ใช้ช้อนคนโจ๊กในถ้วยอย่างเหม่อลอย จากนั้นตักขึ้นมาหนึ่งคำเต็มๆ แล้วเป่าเบาๆ แล้วจึงยื่นไปที่ปากของตน รอให้เขาอ้าปากรับ
สิงอวี้เซิงนั้นราวกับลูกแมวป่าที่อยู่ข้างทาง มักจะเลียแผลทำความสะอาดตนเองตามลำพัง วางท่าป้องกันและปฏิเสธผู้อื่นอยู่เสมอ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาปรารถนาให้ผู้อื่นแสดงความเมตตาต่อเขา หากว่ากระทำต่อเขาอย่างไร เขาจะใช้วิธีของตนในการตอบแทน
มุมปากของมู่ฉางถิงมีรอยยิ้ม กินโจ๊กเข้าไปอย่างเชื่อฟัง
โจ๊กเนื้อสับถ้วยเล็ก สำหรับผู้อื่นแล้วอาจไม่ใช่เรื่องยากเท่าใด แต่สำหรับสิงอวี้เซิงผู้คุ้นเคยกับการถูกกีดกันในทุกทางแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นแล้ว
เมื่อฟู่ซีเฟิงลอบเข้าไปในห้องโถงใหญ่พร้อมกับกล่องอาหาร มู่ฉางถิงกำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้ารูปปั้นของผู้อาวุโส ท่าทีราวกับสำนึกผิดอย่างจริงจัง
ฟู่ซีเฟิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ผู้ใดจะรู้ว่าเมื่อเดินเข้าไปมองใกล้ๆ ก็ต้องพูดไม่ออกแล้ว
มู่ฉางถิงมีนกน้อยหนึ่งตัวอยู่ในมือของเขา เขาใช้ปลายนิ้วตนเองลูบหัวของนกน้อยนั้นเบาๆ
ฟู่ซีเฟิงนั่งลงตรงหน้าของมู่ฉางถิง เปิดกล่องอาหาร กล่าวกับเขาว่า “ข้าเป็นห่วงเจ้ามากเช่นนี้ แต่เจ้านั้นดีนัก จับลูกน้องมาเล่นแล้ว มันมาจากไหน?”
"ข้ารู้สึกเบื่อไม่ได้หรือ" ดวงตาของมู่ฉางถิงเป็นประกายเมื่อเห็นเนื้อในกล่องอาหาร วางนกน้อยลงด้านข้าง ให้มันเล่นด้วยตนเอง เขามองหาของกินไป ก็เอ่ยตอบกลับช้าๆ อย่างสบายๆ “มันมาจากห้องโถงใหญ่ โง่ยิ่งนัก อาจจะกำลังฝึกบิน”
หลังจากกัดขาหมูหนึ่งคำ สีหน้าของมู่ฉางถิงก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ เขาประสานมือเข้าหากันอย่างมีความสุข กล่าวอย่างจริงใจว่า “อามิตตาพุทธ!ขอบคุณผู้มีพระคุณฟู่ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากท่าน สามวันนี้ข้าคงไม่ได้กินเนื้อที่ชิ้นใหญ่เช่นนี้ อนาถนัก!”
ฟู่ซีเฟิงตะคอกอย่างเย็นชา “เนื้อถูกป้อนเข้าท้องสุนัขไปหมดแล้ว วันๆ รู้จักเพียงแต่กินเนื้อ”
มู่ฉางถิงส่ายศีรษะกล่าวว่า “ไม่ใช่ไม่ใช่ หากว่าพวกนี้หายไปแล้ว เป็นคนจะมีความน่าสนใจอะไรเล่า?”
ฟู่ซีเฟิงคร้านจะต่อปากต่อคำกับเขา มองไปยังท่าทางของเขา ดูเหมือนว่าจะดีขึ้นไม่น้อย ใจดวงหนึ่งก็ค่อยๆ มั่นคงขึ้น
ฟู่ซีเฟิงกล่าว “กระดูกของเจ้าแข็งยิ่งนัก ถูกโบยด้วยแส้ยี่สิบครั้งไม่ทำให้เจ้าถึงตาย เมื่อคืนนี้เจ้ารอดมาได้อย่างไร?”
มู่ฉางถิงตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น เงยหน้ามองไปที่เขา เอ่ยถาม “...ไม่ใช่เจ้าหรือที่มาดูแลข้า?”
ฟู่ซีเฟิงเองก็ชะงักไปชั่วครู่ สีหน้าของเขามืดครึ้มลงทันทีที่ตระหนักขึ้นได้ “วังเสินเล่อนี้ผู้ใดไม่รู้บ้าง?เมื่อคืนเจ้าบ้าหลินส่งคนมาจับตาดูข้าอย่างแน่นหนา กลัวว่าข้าจะมาดูแลเจ้า”
โอ้ ไม่ใช่เขา...
ถ้าอย่างนั้นคนที่ทายาให้เขาเมื่อคืน ดูแลข้าทั้งคืนโดยปราศจากเสื้อผ้านั้นคือ...
ในความคิดจู่ๆ ก็ปรากฏใบหน้าของสวยงามและเยือกเย็นราวน้ำแข็งของสิงอวี้เซิง
มู่ฉางถิงยังคงอยู่ในความงุนงง ฟู่ซีเฟิงเอ่ย “นิสัยที่น่าเหม็นเน่าของเจ้าควรแก้ไขได้แล้ว มองเห็นความไม่ยุติธรรมจำต้องยื่นมือเท้าเข้าไปสอดเสมอ ถ้าอย่างนั้นคนที่ได้รับความทุกข์ทรมานที่สุด เจ้าสามารถช่วยเหลือได้หรือไม่?”
ฟู่ซีเฟิงเชื่อในความฉลาดหลักแหลมเพื่อปกป้องชีวิตตนเอง มู่ฉางถิงไม่สามารถให้เหตุผลใดได้แก่เขา แต่เขาก็รู้ดีว่าเขาทำเพื่อตัวเอง
มู่ฉางถิงพูดอย่างอ่อนลง “รู้แล้วรู้แล้ว ครั้งหน้าไม่ทำอีกแล้ว!”
ฟู่ซีเฟิงตอบรับด้วยเสียง ‘อืม’ เอ่ยอย่างเป็นกังวล “แผลของเจ้าเป็นอย่างไรแล้ว?ให้ข้าดูหน่อย ข้านำยามาด้วย”
มู่ฉางถิงวุ่นวายอยู่กับการกิน โบกมือเล็กน้อย กล่าวไม่เต็มเสียง “ไม่ต้อง ได้ทายาแล้ว”
ฟู่ซีเฟิงไม่กล่าวคำแล้ว ขยับนิ้วไปมาบนพื้น มู่ฉางถิงก้มหน้าก้มตา ได้กินเม็ดเหงื่อที่หยดไหลจากปลายจมูก เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะมีความอยากอาหารเช่นนี้หลังจากได้รับบาดเจ็บหนัก
ทันใดนั้น ฟู่ซีเฟิงยื่นมือไปถูที่แก้มของเขา คราบสีดำสองจุดจึงปรากฏอยู่บนใบหน้า วาดหนวดแมวลงไปเพิ่ม เมื่อรวมกับท่าทางโง่งันของมู่ฉางถิงแล้ว ดูน่ารักยิ่งนัก
หัวใจของฟู่ซีเฟิงเต้นไม่เป็นจังหวะ เป็นการยากที่จะห้ามไม่หัวเราะ “ในด้านรูปร่างหน้าตาเจ้านั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าเด็กแซ่สิง ดูเหมือนว่าเวลานี้เจ้าบ้าหลินจะสามารถกินได้ทั้งบุรุษและสตรีแล้ว เจ้าคงต้องรีบทำให้ตนเองขี้เหร่ลงเสียหน่อย ต่อไปอาจถึงคราวของเจ้าก็เป็นได้”
มู่ฉางถิงกลอกตาไปมา ใช้หลังมือเช็ดที่ใบหน้า ก่นด่าด้วยรอยยิ้ม “ไสหัวไปไสหัวไปไสหัวไป ปากอีกา!”
มุมปากของฟู่ซีเฟิงยกขึ้นด้วยรอยยิ้ม สายตาของเขาไม่เคยละจากมู่ฉางถิง และก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
หลังจากออกจากห้องโถงใหญ่วังเสินเล่อแล้ว ลมเย็นพัดผ่าน ฟู่ซีเฟิงหลับตาลงแล้วถอนหายใจออกมาช้าๆ วินาทีที่เขาลืมตา ก็โยนขวดยาที่อยู่ในมือกระแทกลงกับพื้นหญ้า!