ตอนที่แล้วบทที่ 6 ซูหนานเพื่อนรัก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 เซี่ยเย่อย่าเศร้าไปเลยนะ

บทที่ 7 ชายสารเลวกับหญิงร่าน


"พอ!"

ฮานอี้เฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆ หลังจากที่เงียบมานาน ในที่สุดเขาก็ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นเขาผลักซีซินอี้ให้ไปอยู่ที่ด้านหลังของเขาราวกับจะปกป้อง แล้วจ้องมองไปที่ซูหนานด้วยความโกรธ “ซูหนาน คุณมาหาเรื่องฉันได้ทุกเรื่องไม่ว่าคุณจะโกรธเรื่องอะไร แต่คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมาพูดโจมตีซินอี้ ด้วยคำพูดที่ร้ายแรงแบบนี้”

เมื่อหล่อนได้ยินแบบนั้น ซูหนานก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังๆ พร้อมทั้งแววตาที่น่าสมเพช “โจมตีหล่อนด้วยคำพูดที่ร้ายแรงอย่างนั้นเหรอ? ฮานอี้เฟิงฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่า คุณจะเป็นคนขี้ขลาดไร้หัวใจจริงๆ! การที่คุณสองคนทำแบบนี้มันยุติธรรมกับเซี่ยเย่อย่างนั้นเหรอ?”

เซี่ยเย่…

เมื่อเธอได้ยินชื่อนี้ ซีซินอี้ก็ตกตะลึงขึ้นมาทันที และร่างกายของหล่อนก็แข็งทื่อไปหมด

“เรื่องระหว่างเซี่ยเย่กับฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับซินอี้ คุณไม่จำเป็นที่จะต้องเอาซินอี้เข้าไปเกี่ยวด้วย”

ดวงตาของฮานอี้เฟิงหม่นหมองขึ้นมาครู่หนึ่ง อีกทั้งน้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาก็ลอยผ่านมาทางหมอกหนาที่พร่ามัว และเมื่อใครมาได้ยินมันก็จะรู้สึกได้ถึงความขมขื่นและไร้หัวใจ

ซีซินอี้สูดลมหายในเข้าลึกๆ อีกทั้งริมฝีปากของหล่อนก็เม้มเข้าหากันเน้นจนเป็นเส้นตรง ราวกับว่าหล่อนกำลังพยายามอดทนอดกลั้นต่อการดูถูก ท่าทางนั้นมันทำให้คนอื่นรู้สึกเห็นใจหล่อน หล่อนยื่นมือออกไปดึงที่แขนเสื้อของฮานอี้เฟิง พลางส่ายหน้าและพูดออกไปเบาๆ ว่า “อี้เฟิง พอได้แล้ว หล่อนมีสิทธิ์ที่จะมาวิพากษ์วิจารณ์ฉัน มันเป็นความผิดของฉันเองทั้งหมด และฉันก็รู้สึกผิดมาตลอด…”

“ซินอี้ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ คุณไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง!”

น้ำเสียงที่ถากถางของซูหนานถูกเปล่งออกมาอีกครั้ง และดวงตาของหล่อนก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาที่ไหลออกมาได้ หล่อนค่อยๆ ยกมือขึ้นไปชี้ที่ซีซินอี้ที่ยืนอยู่ด้านหลังของฮานอี้เฟิง และพูดออกมาพร้อมทั้งน้ำตาว่า "พอได้แล้ว! เธออย่าเสแสร้งอีกเลย เธอทำแบบนี้เพื่ออะไร?! ในตอนนั้นเซี่ยเย่คงหูหนวกตาบอดที่ได้รู้จักกับคนไร้หัวใจอย่างพวกเธอทั้งสองคน เธอขโมยทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของเซี่ยเย่ เธอมีความสุขไหมล่ะ? ฉัน... ซูหนาน เกิดมาบนโลกใบนี้เกือบ 30 ปี แต่ฉันก็ยังไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไร้ยางอายและน่าขยะแขยงแบบเธอมาก่อนเลย! เธอเอาแต่เสแสร้งแกล้งทำตัวเป็นแม่พระตลอดเวลา เหมือนกับดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์ที่มันเต็มไปด้วยกลอุบายชั่วร้าย ทำให้คนอื่นตาบอด ผู้หญิงสำส่อนก็คู่ควรกับผู้ชายเลวๆ แล้วล่ะ!”

คำพูดที่หยาบคายของซูหนานยังคงรัวแรงมาราวกับปืนกล หล่อนหวังว่าหล่อนจะจ้องมองที่พวกเขาทั้งสองคนด้วยแววตาที่เคร่งขรึมแบบนี้จนกว่าหล่อนจะตาย

“ระวังคำพูดหน่อย ซูหนาน!”

คิ้วที่หล่อเหลาของฮานอี้เฟิงขมวดเข้าหากันเป็นปม เมื่อคำพูดที่ร้ายแรงลอยเข้ามาในหู แม้ว่าปกติเขาจะเป็นคนที่เฉยเมย แต่เมื่อมาได้ยินคำพูดพวกนี้เขาก็รู้สึกเจ็บปวดเช่นกัน

“เรื่องระหว่างเซี่ยเย่กับฉันมันไม่สามารถอธิบายได้เพียงคำพูดแค่ไม่กี่คำ แล้วอีกอย่าง นั่นก็เป็นเรื่องระหว่างเธอกับฉัน ฉันหวังว่าคุณจะไม่เข้าไปยุ่ง!”

"ระวังคำพูดอย่างนั้นเหรอ? ฉันต้องระวังคำพูดกับคนเลวๆ อย่างคุณด้วยเหรอ? คุณทนคำพูดของฉันไม่ได้เลยรึไง? ไก่ป่า! เธอมันก็เป็นได้แค่ไก่ป่า! ไม่ว่าเธอจะแต่งตัวยังไง เธอก็ไม่สามารถกลายเป็นหงส์ได้หรอก! ฮานอี้เฟิง คุณจะต้องเสียใจแน่!”

ซูหนานโกรธจัด และใบหน้าเล็กๆ ของหล่อนก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงก่ำ

สีหน้าของฮานอี้เฟิงถมึงทึงขึ้นมาทันที แววตาของเขาที่มองมาราวกับตั้งตนเป็นศัตรู เขากำหมัดแน่น พร้อมทั้งตะโกนออกมาว่า “ซูหนาน! แน่จริงเธอก็ลองพูดออกมาอีกสิ!”

“ทำไมล่ะ? ฉันพูดอะไรผิดอย่างนั้นเหรอ?”

ซูหนานตะโกนตอกกลับไปด้วยความมั่นใจ “ฉันกำลังบอกว่าซีซินอี้เป็นไก่ป่า ไม่ว่าเธอจะแต่งตัวยังไง เธอก็ไม่มีทางเป็นหงส์ได้หรอก เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงร่านไร้ยางอายที่รู้จักใช้กลอุบายราคาถูกเพื่อปีนป่ายมันขึ้นไป ฉันพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอ?”

"หุบปาก!"

“อี้เฟิง… ช่างมันเถอะ”

“ซูหนาน ฉันกำลังบอกเธอไปแล้วไงว่าเรื่องระหว่างซีเซี่ยเย่กับฉันมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับซินอี้ เรื่องของเซี่ยเย่ ฉันพูดได้เพียงแค่ว่าฉันขอโทษ ฉันชัดเจนไปแล้วว่าใครที่อยู่ในใจของฉัน ทำไมเธอต้องมาก่อกวนฉันที่นี่เพราะเหตุผลนี้ด้วย”

ก่อกวน?

เพราะอย่างนั้นเธอก็เลยถูกมองมาว่าเป็นอย่างนี้ไปแล้วงั้นเหรอ

ครู่หนึ่งเธอรู้สึกว่า เธอกำลังเห็นตัวเองเมื่อหลายปีก่อนอีกครั้ง…

ในคืนวันที่ฝนตก เธอยืนใต้แสงไฟแสงสีนวลข้างถนน

เธอคลี่ยิ้มออกมา และมองดูตัวเองในอดีตหลังจากที่ทุกอย่างจบลง...

ซีเซี่ยเย่ที่ยืนอยู่ด้านหลังของซูหนานพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ และเธอก็ค่อยๆ หลับตาลง หลังจากที่เธอเปิดเปลือกตาขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็หันไปมองที่ร่างที่ผอมบางของซูหนาน และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้าและชัดเจนว่า “ขึ้นรถเถอะ ซูหนาน”

เมื่อเสียงแหบแห้งของเธอดังขึ้น นั่นจึงทำให้ใครบางคนสะดุ้งตกใจขึ้นมาทันที

ฮานอี้เฟิงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองตรงไปที่ด้านหน้า และเขาก็เห็นว่าที่ด้านหลังของซูหนานห่างออกไปไม่ไกล มีซีเซี่ยเย่ที่กำลังถือร่มอยู่และจ้องมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยแววตาที่ส่องประกายระยิบระยับ

ลมหนาวที่เยือกเย็นยังคงพัดผ่านเสื้อผ้าของเธอ ทำให้เสื้อกันลมที่เธอกำลังสวมแกว่งไปมาและมันก็ทำให้เธอดูอ่อนแอมากยิ่งขึ้น แต่ใบหน้าที่งดงามของเธอที่ถูกบังด้วยร่มเอาไว้ครึ่งหนึ่งก็เผยให้เห็นถึงความดื้อรั้นและไม่แยแส

“เซี่ยเย่…”

ใบหน้าที่หล่อเหลาของฮานอี้เฟิงถึงกับแข็งทื่อขึ้นมาในทันที อารมณ์ในแววตาของเขาที่ส่งมาผสมปนเปกันไปหมด และเขาก็เอาแต่นิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น อีกทั้งมือของเขาก็กำแน่นเข้าหากันอย่างช้าๆ

ซีซินอี้รู้สึกได้ถึงอ้อมแขนของฮานอี้เฟิงที่โอบรอบตัวเธอแข็งทื่ออย่างไม่เป็นธรรมชาติ หล่อนกัดริมฝีปากสีชมพูของตัวเองแน่น จากนั้นก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองตรงไปที่เซี่ยเย่ด้วยดวงตาที่สวยงามและส่องแสงระยิบระยับ สะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอและโหยหาในเวลาเดียวกัน

หล่อนสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อย และทันใดนั้นเองจู่ๆ ดวงตาของหล่อนก็เริ่มมีน้ำตาหลั่งไหลออกมา ในขณะที่หล่อนเรียกชื่อของซีเซี่ยเย่ออกไปด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “พี่… ฉัน… ฉัน… ฉันคิดถึงพี่จริงๆ …”

พี่งั้นเหรอ?

ฉันคิดถึงพี่จริงๆ อย่างนั้นเหรอ?

คำพูดเหล่านี้ยังคงก้องอยู่ในหูของซีเซี่ยเย่ คล้ายกับกำลังเอามีดแหลมคมมากรีดที่บาดแผลที่ไม่มีวันรักษาหายของเธอ และความหนาวเย็นก็เริ่มเข้าครอบงำร่างกายของเธอโดยไม่รู้ตัว...

ผู้คนมักจะบอกว่าเวลาเป็นยารักษาที่ดีที่สุด เมื่อเวลาผ่านไปบาดแผลที่เลวร้ายที่สุดก็จะหายไปเอง...

และพวกเขาก็มักจะพูดกันว่า เมื่อใดที่คุณคิดที่จะปล่อยมือ นั่นก็แสดงว่าคนคนนั้นไม่เคยสำคัญอะไรกับคุณมากมายขนาดนั้น...

พวกเขาว่ากันว่า หลังจากที่เลิกรา และเคยชินกับความเหงาแล้ว คุณก็จะไม่ได้รู้สึกรักคนคนนั้นอีกต่อไป เหมือนอย่างที่คุณคิดเอาไว้...

ในตอนแรก เธอคิดว่าเมื่อวันเวลาผ่านไปสักสองสามปี สิ่งเหล่านี้ก็คงจะเป็นแค่เรื่องโกหกในอดีตของเธอ เธอเคยชินกับมันอย่างช้าๆ และเธอก็สามารถทนมันได้ทั้งหมด แต่คำบอกเล่ามันก็เป็นเพียงแค่คำบอกเล่า ใครจะสามารถพิสูจน์ได้ว่ามันเป็นความจริงทั้งหมดอย่างนั้นเหรอ?

วินาทีต่อมา ความรู้สึกหลายอย่างก็ประเดประดังเข้ามาหาเธอพร้อมๆ กัน บริเวณหน้าอกของเธอเจ็บไปหมด อีกทั้งลมหายใจของเธอก็หอบถี่ เธอรู้สึกว่าลมหายใจของเธอติดขัด เวียนหัว และหัวใจของเธอเจ็บปวดไปหมด

แต่ถึงอย่างนั้น แม้ความรู้สึกพวกนี้จะทำให้เธอทุกข์ทรมานมากสักแค่ไหน แต่เธอก็ทำได้เพียงแค่หันไปทางอื่น ปิดเปลือกตาแน่น และพยายามสงบสติอารมณ์ลงก็เท่านั้น ไม่นาน เธอก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและซ่อนมันเอาไว้ใต้ร่มเงา และแววตาของเธอก็กลับคืนสู่ความเฉยเมยเหมือนเช่นเคย

เธอสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อย และมองไปยังพวกเขาทั้งสองคนด้วยแววตาเรียบนิ่ง ริมฝีปากบางของเธอกระตุกโค้งขึ้นเล็กน้อยราวกับเธอไม่แยแสใดๆ เธอยกมือขึ้นไปตบที่ไหล่ของซูนานเบาๆ จากนั้นเธอก็หุบร่ม และเดินขึ้นไปนั่งบนรถโดยที่ไม่หันกลับไปมองพวกเขาอีก และตั้งแต่ที่พวกเขาได้เจอกัน เธอก็ไม่ได้พูดอะไรกับฮานอี้เฟิงและซีซินอี้เลยแม้แต่คำเดียว

“เซี่ยเย่ เธอเป็นยังไงบ้าง? โอเครึเปล่า?!”

ในตอนนี้ ซูหนานสัมผัสได้ถึงดวงตาของเธอที่กำลังลุกเป็นไฟด้วยความโกรธ และตอนที่หล่อนมองเข้าไปในรถ หล่อนก็เห็น เซี่ยเย่กำลังเอนหลังพิงเบาะและหันออกไปอีกทางหนึ่ง หัวใจของหล่อนปวดร้าวขึ้นมาในทันที หล่อนอดที่จะยกมือขึ้นมาปิดหน้าเอาไว้ไม่ได้ จากนั้นหล่อนก็หันไปมองที่ฮานอี้เฟิงและซีซินอี้ด้วยแววตาที่โกรธจัด…

“ฮานอี้เฟิง นายจะไม่มีทางรู้ว่านายพลาดอะไรไป! ฉันรู้สึกว่าตัวเองตามืดบอด เพราะได้มารู้จักกับพวกคนเลวๆ ไร้หัวใจอย่างพวกเธอทั้งสองคน!”

ซูหนานพูดทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ก่อนจะเดินขึ้นรถไป

“เซี่ยเย่ เธอเป็นยังไงบ้าง? เธอพูดอะไรสักอย่างสิ!”

เมื่อขึ้นมานั่งในรถแล้ว หล่อนก็ขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ กับซีเซี่ยเย่ จากนั้นหล่อนก็ยื่นมือออกไปจับที่ไหล่ของเธอแน่น หล่อนรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเมื่อไม่เห็นว่าเธอจะตอบสนองอะไรกลับมาเลยแม้แต่น้อย

ซีเซี่ยเย่ดึงมือของซูหนานที่วางอยู่บนไหล่ของเธอออก จากนั้นเธอก็เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “ฉันไม่ได้เป็นอะไร คุณลุงคะ ช่วยพาเราไปส่งที่ Emperor Entertainment City หน่อยนะคะ” หลังจากซีเซี่ยเย่พูดจบ คุณลุงคนขับก็ออกรถไปทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด