บทที่ 6 ใบหน้าภูเขาน้ำแข็ง (2)
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ทุกคนต่างก็หลีกหนีไม่พ้นความสงสัยในใจว่า หลินเจี้ยนปฏิบัติต่อสิงอวี้เซิงแตกต่างจากคนอื่นหรือไม่ คำว่า ‘แตกต่าง’ นี้ มีความ ‘คลุมเครือ’ ที่คนนอกไม่รู้มากน้อยเพียงใด ข่าวลือยังคงถูกแพร่กระจายต่อไปไม่หยุด
ชีวิตประจำวันของสิงอวี้เซิงนั้นไม่ได้ผ่านไปดีเท่าไร หากไม่ใช่ว่ากินไม่อิ่ม ก็จะถูกกลั่นแกล้งโดยกลุ่มคนที่มุ่งร้ายอย่างน่ารังเกียจ เช่น ปล่อยหนูวางไว้บนที่นอน เสื้อผ้าที่จะสวมใส่ในเหมันตฤดูหายไป ถูกคนขังลืมไว้ในห้องเก็บฟืนเป็นต้น
วันนี้ มู่ฉางถิงและฟู่ซีเฟิงเพิ่งกลับมาจากการฝึกกระบี่ พูดคุยกันไปก็เดินเข้าห้องไป
อนุชนกลุ่มหนึ่งจับกลุ่มคุยกันด้วยเสียงดังร่าเริง เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองกลับมา ล้วนแต่ทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
มู่ฉางถิงยกแขนเสื้อขึ้นเพื่อเช็ดปาดเหงื่อบนใบหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้ากำลังพูดคุยอะไรกันอยู่?สนุกสนานถึงเพียงนี้เชียว”
“กำลังพูดถึงเจ้าใบหน้าภูเขาน้ำแข็งนั่น ถูกเจ้าหลินบ้าเรียกเข้าไปในห้องอีกแล้ว ครั้งนี้เข้าไปนานนัก ฮิๆๆ...”
“ใครใช้ให้คนเขามีรสนิยมเช่นนั้นเล่า?รสนิยมของท่านทู่เอ่อร์ก็คงไม่ต่างกันกระมัง!”
“ทำไม? เจ้าอยากลองหรือ?”
ยิ่งพูดมากเท่าใดยิ่งน่าละอายมากเท่านั้น แม้แต่มู่ฉางถิงยังอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เขาก้าวไปข้างหน้าสองก้าว กำลังจะพิจารณาสองประโยค ทว่าฟู่ซีเฟิงกลับรั้งแขน สายตาเตือนจ้องมองไปยังเขา ส่ายศีรษะ
มู่ฉางถิงหมุนกายแล้วเดินจากไป ฟู่ซีเฟิงเอ่ยเรียก "ฉางถิง เจ้าจะไปที่ใด?"
มู่ฉางถิงเอ่ยตอบด้วยความโกรธ "ข้าจะไปดูเจ้าบ้าหลินว่าเรียกเขาไปพบทำไม!"
เขาก้าวเดินอย่างรวดเร็วราวกับโผบิน ฟู่ซีเฟิงเกรงว่าเขาจะสร้างปัญหา รีบเร่งตามเขาไปติดๆ
ทั้งสองคนแอบอยู่ที่ข้างหน้าต่าง มู่ฉางถิงเจาะรูกระดาษหน้าต่าง สอดสายตามองเข้าไปด้านในอย่างระมัดระวัง
เสื้อท่อนบนของเด็กหนุ่มถูกถอดออกแล้ว คุกเข่าลงอยู่ที่พื้น ก้มหน้ามองพื้นไม่กล่าวอะไร
หลินเจี้ยนประคองคางของเขาด้วยมือข้างหนึ่ง อีกมือเคาะลงบนโต๊ะเบาๆ กล่าวอย่างเฉื่อยชา "ข้าบอกให้เจ้าถอดชุดออก ได้ยินหรือไม่?"
มือของเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างกายค่อยๆ กำหมัดแน่น ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธหรือความอับอาย
หลินเจี้ยนเกลียดใบหน้าที่ไร้อารมณ์และเคร่งขรึมของเขาเป็นที่สุด ยิ่งดูศักดิ์สิทธิ์ไม่่อาจล่วงเกินได้มากเท่าใด ยิ่งกระตุ้นความรู้สึกสุขใจลับๆ ของเขาได้มากเท่านั้น
ว่ากันตามหลักการแล้ว เขาเองก็เคยชื่นชอบเพียงสตรี แต่ร่างกายของเด็กหนุ่มนั้นนุ่มนิ่มกว่าบุรุษทั่วไป
เมื่อก่อนเขาเพียงชอบหยอกล้อสิงอวี้เซิงเพียงเท่านั้น ลูบคลำผิวกายที่เนียนนุ่มกว่าสตรีดับกระหาย ไม่เคยคิดอยากลิ้มลองรสชาติของเขา แต่ครั้งก่อนที่พักค้างคืนอยู่ที่สถานที่ของฮวาเหนียงที่ตีนเขา ได้ยินว่าพวกเขาพาเด็กหนุ่มมาปรนนิบัติแขกด้วย
ถามด้วยความสงสัย ฮวาเหนียงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และคลุมเครือ เพียงเป่าลมร้อนที่หูของเขาแล้วเอ่ยเสียงเบา "ท่านจะถามให้มากความไปไยเล่า หากว่าท่านสนใจก็ลิ้มลองสักครั้ง ข้าน้อยรับปากว่าท่านเลยว่าหลังจากผ่านไปแล้ว จะต้องอยากชิมให้รู้รสไขกระดูกอีกครั้งเป็นแน่!"
หลินเจี้ยนถูกล่อลวงจนใจเต้นแล้ว นี่เลยทำให้อดไม่ไหวต้องเรียกให้สิงอวี้เซิงมาหา
เห็นว่าเด็กหนุ่มไร้ปฏิกิริยาตอบสนอง ถอดเสื้อด้านบนแล้วไม่ยอมขยับอะไรอีก
หลินเจี้ยนอดไม่ได้ที่จะใช้เท้าของตนไล้ผ่านแผ่นอกเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า "เจ้าเป็นเด็กดีเสียหน่อย อาจารย์จะถนอมเจ้าเป็นอย่างดี หากไม่เช่นนั้น...เจ้าก็รู้ดี กระบี่ของบิดามารดาเจ้ายังอยู่ที่ข้า หากทำให้ข้าไม่พอใจ ข้าไม่รับปากว่าจะไม่เอามันไปแลกกับสุราเงินทอง..."
ทันใดนั้นสิงอวี้เซิงก็เงยหน้าขึ้นมองเขา แม้แต่หลินเจี้ยนยังผงะกับสายตาที่เต็มไปด้วยอาฆาตแค้นเขา
แต่เขาก็คิดได้ในตอนนั้นว่าเด็กหนุ่มไร้ซึ่งอำนาจต่อต้าน เมื่อครู่เหตุใดตนเองถึงได้ประจบประแจงเขา หลินเจี้ยนอดไม่ได้ที่จะโกรธขึ้นมา เห็นเพียงเขาบีบคางเด็กหนุ่มอย่างแรง เอ่ยข่มขู่อย่างชั่วร้าย "ดุไปทำไมกัน! เจ้าคิดว่าในตอนนี้เจ้ายังมีทางเลือกอื่นหรือ?!"
น้ำเสียงเพิ่งหยุดไป เขาก็ยื่นมือไปจับที่ชุดส่วนล่างของสิงอวี้เซิงอย่างใจร้อน!