ตอนที่แล้วบทที่ 5 พาเธอไปโรงพยาบาล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 7 ชายสารเลวกับหญิงร่าน

บทที่ 6 ซูหนานเพื่อนรัก


หลังจากนั้นไม่นาน ซูหนานก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และผละตัวออกจากซีเซี่ยเย่

และในขณะเดียวกัน ซีเซี่ยเย่ก็ค่อยๆ ถอดแว่นกันแดดออก แล้วเสียบมันไว้ที่กระเป๋าเสื้อของเธอ

“มือของเธอเป็นอะไร?”

ดวงตาที่เฉียบคมของซูหนานสังเกตเห็นว่ามือของซีเซี่ยเย่ถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าพันแผล เพราะอย่างนั้นหล่อนจึงรีบดึงมือของเธอมาตรวจดูอย่างละเอียดในทันที และก็เห็นได้ชัดว่าในแววตาของหล่อนมันมีความวิตกกังวลฉายชัดออกมา

เซี่ยเย่คลี่ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี และยื่นมือออกไปตบที่ไหล่ของซูหนานเบาๆ จากนั้นเธอก็หัวเราะออกมา "ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันก็แค่โดนน้ำชาลวกมานิดหน่อย แล้วเมื่อกี้ฉันก็เพิ่งจะไปพันแผลที่โรงพยาบาลมา”

“โดนลวกเหรอ! มันร้ายแรงมากรึเปล่า? ทำไมเธอถึงได้ประมาทแบบนี้!?” ซูหนานขมวดคิ้วมุม และมองตรงมาที่เธออย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก จากนั้นหล่อนก็ตรวจสอบดูมือของเธออย่างละเอียดอีกครั้ง เมื่อหล่อนเห็นเซี่ยเย่กระตุกยิ้มที่มุมปาก หล่อนก็ค่อยๆ ปล่อยมือของเธอออก และช่วยไม่ได้ที่จะพูดจู้จี้กับเธอต่อ

“กลับไปกินข้าวกันก่อนเถอะ ฉันจองร้านอาหารเอาไว้แล้ว เธอใช้เวลาเดินทางมานาน ฉันคิดว่าเธอจะต้องหิวอย่างแน่นอน”

ซีเซี่ยเย่แสร้งทำเป็นว่าเธอไม่เห็นการจ้องมองของซูหนาน มุมปากของเธอโค้งงอขึ้นมาเล็กน้อย พลางก้มตัวลงไปหยิบกระเป๋าเดินทางที่ซูหนานเพิ่งจะโยนทิ้งลงไปบนพื้นเมื่อสักครู่นี้ขึ้นมา จากนั้นเธอก็ส่งกระเป๋าเป้ใบเล็กๆ ไปให้ซูหนาน

ซูหนานพยักหน้าเป็นการตอบรับ และยื่นมือออกไปรับกระเป๋าเป้มาจากมือของเซี่ยเย่ “ถ้าเธอไม่พูด ฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยจริงๆ แต่เมื่อกี้ที่เธอพูดมันออกมา ฉันก็รู้สึกหิวมากเลย อาหารบนเครื่องไม่อร่อยเลยสักนิด ไปเที่ยวกับทัวร์คนเยอะๆ น่าเบื่อจะตาย! ยังดีที่ฉันไปเที่ยวที่ฝรั่งเศสและประเทศที่อยู่ใกล้เคียงกันด้วยตัวเอง มีเรื่องที่น่าสนใจเกิดขึ้นเยอะมาก ฉันได้รู้จักหนุ่มหล่อ ผมบลอนด์ ตาสีฟ้าสองสามคน เดี๋ยวกลับไปฉันจะเล่าให้เธอฟังเอง แล้วฉันก็จะแนะนำพวกเขาให้เธอด้วย ฉันเลือกหนึ่งในนั้นมาให้เธอแล้ว และโปรไฟล์ของพวกเขาก็หนาสุดๆ !”

ในขณะที่ซูหนานพูดเรื่องนี้ออกมา หล่อนก็หยิบสมุดบันทึกเล่มหนาออกจากกระเป๋าเป้ของหล่อนด้วย “ฉันขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่า ครั้งนี้ฉันตั้งใจสุดๆ อีกทั้งยังจัดเรียงผู้ชายให้เธออย่างขยันขันแข็ง ถ้าครั้งนี้เธอกล้ามาเหยียบย่ำความตั้งใจของฉันอีกล่ะก็ ฉันจะเลิกคบเธอ ได้ยินไหม?”

ซีเซี่ยเย่หันไปมองดูที่สมุดบันทึกเล่มหนาที่อยู่ในมือของซูหนาน และเธอก็อดที่จะรู้สึกปวดหัวขึ้นมาไม่ได้ จากนั้นเธอก็พูดออกไปอย่างไม่แยแสว่า “อย่าบอกนะว่าช่วงที่เธอไป เธอเอาเวลาไปเตรียมข้อมูลพวกนี้มา?”

ซูหนานยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ หล่อนกอดสมุดบันทึกเอาไว้แน่นราวกับว่ามันเป็นลูกรักของหล่อนอย่างไรอย่างนั้น “แน่นอนว่าสิ่งนี้มันเกี่ยวข้องกับความสุขในอนาคตของเธอ ฉันต้องเก็บมันเอาไว้ในใจเสมอ นี่คือเลือดเนื้อและหัวใจของฉัน ถ้าเธอกล้ามาดูหมิ่นผลงานของฉันล่ะก็ เธอก็ระวังตัวเอาไว้เลย!”

ซีเซี่ยเย่อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมากุมที่ขมับของตัวเองเอาไว้ “ซูหนาน เธอรู้รึเปล่าว่าหร่วนเหิงกำลังจะเป็นบ้า เพราะเขาพยายามที่จะตามหาตัวเธอ? เขาโทรหาฉันวันหนึ่งไม่ต่ำกว่าห้าครั้งเพื่อถามเรื่องของเธอ แต่เธอ… ฉันไม่รู้จะพูดอะไรกับเธอเลยจริงๆ”

ราวกับว่าคำพูดของซีเซี่ยเย่มันเชื่อมโยงหาเขาได้ เพราะทันทีที่เธอพูดจบ โทรศัพท์ในกระเป๋าของเธอก็ดังขึ้นมาในทันที เธอหยิบมันออกมาและกดปลดล็อค จากนั้นเธอก็ยื่นมันออกไปให้ซูหนานดู เธอเลิกคิ้วขึ้น พลางพูดกับซูหนานออกไปว่า "เธอคุยกับเขาเองแล้วกัน"

ซูหนานแสดงสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาในทันที จากนั้นหล่อนก็ยื่นมือออกมารับโทรศัพท์ไป หล่อนมองดูมันครู่หนึ่ง ก่อนจะกดวางสาย แล้วโยนโทรศัพท์กลับไปให้เซี่ยเย่พร้อมกับคลี่ยิ้มออกมา “ช่างเขาเถอะ ปล่อยให้เขาวิตกกังวลไปอย่างนั้นแหละ คืนนี้ฉันมีนัดแล้ว และฉันก็จะไม่รับสายของใครทั้งนั้น!”

จากนั้น หล่อนก็หยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมา และก้าวเดินออกไปทันที

เซี่ยเย่ทำได้เพียงส่ายหน้าเพียงเท่านั้น จากนั้นเธอก็ถือกระเป๋าขึ้นมา และเดินตามหล่อนออกไป

และทันทีที่พวกเธอเดินออกไปจากสนามบินลมหนาวก็พัดผ่านเข้ามาในเสื้อผ้าของพวกเธออย่างรุนแรง เซี่ยเย่ยื่นมือออกไปเพื่อเรียกแท็กซี่ จากนั้นเธอก็วางกระเป๋าไว้ในรถ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เข้าไปนั่ง ซูหนานที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ดึงเธอเอาเสียก่อน และหล่อนก็พูดออกมาเบาๆ ว่า “เซี่ยเย่ดูนั่นสิ!”

“มีอะไรเหรอ?”

เซี่ยเย่หันไปมองตามสายจาของซูหนาน และเธอก็สัมผัสได้ว่าใบหน้าของเธอต้องซีดมากแน่ๆ เธอจ้องมองไปข้างหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า เมื่อหล่อนสัมผัสได้ว่าซีเซี่ยเย่กำลังมองมาที่หล่อน หล่อนหันมาทางเซี่ยเย่ และความกังวลก็ฉายวาบขึ้นมาในดวงตาของหล่อนในทันที

ซีเซี่ยเย่รู้สึกสับสนขึ้นมาทันที จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น และจ้องมองไปทางอื่นอย่างไม่ใส่ใจ ส่วนทางด้านของซูหนาน หล่อนก็กำลังจดจ่ออยู่กับพวกเขาผ่านสายฝนที่หนาวเย็น

และทันใดนั้นเองจู่ๆ โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะตกอยู่ในความเงียบสงัดขึ้นมาทันทีทันใด

ซูหนานรีบยื่นมือออกมาจับเซี่ยเย่เอาไว้ และใบหน้าที่หันไปมองทางอื่นของเธอก็หม่นหมองขึ้นมาในทันที ห่างออกไปไม่ถึง 10 เมตรตรงหน้าของพวกหล่อน มีชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งกำลังยืนคุมโทรศัพท์อยู่ข้างรถโรลส์-รอยซ์คันหรู

ชายคนนั้นมีสีหน้าเคร่งขรึม ใต้คิ้วคมของเขามีดวงตาที่ลึกล้ำ จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง เขาสวมสูทที่มีตราสินค้าสีเทาเงินที่สง่างาม ทุกย่างก้าวของเขาแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจ

ส่วนข้างๆ เขาก็มีหญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ในชุดชาแนลสีขาวคอลเลคชั่นล่าสุดของฤดูใบไม้ผลินี้

ผมสีบลอนด์อ่อนของหล่อนยาวสรวย และผมที่ลอนเล็กน้อยของหล่อนก็ตกลงมาบนบ่า ใบหน้าเล็กๆ ที่สดใสและมีชีวิตชีวาของหล่อนแสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยน คิ้วเรียวยาวและดวงตาของหล่อนทอแสงสีอ่อน นั่นจึงช่วยเสริมให้ริมฝีปากบางๆ ของหล่อนโค้งงอขึ้นเล็กน้อย ยิ่งเป็นการเพิ่มออร่าความสง่างามให้กับหล่อนมากขึ้นไปอีก และในเวลานี้ มือของหล่อนก็ค่อย ๆ ดึงชายเสื้อของชายคนนั้นเบาๆ ชายคนนั้นหันมามองที่หล่อนด้วยสายที่อ่อนโยน ก่อนเขาจะหันกลับไปคุยโทรศัพท์อีกครั้ง

พวกเขาทั้งสองคนเป็นคู่รักที่ดูเหมาะสมกันสุดๆ และผู้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ต่างก็จับจ้องไปที่พวกเขาทั้งสองคนด้วยความอิจฉาเช่นกัน

“อี้เฟิง แม่ของฉันจองห้องอาหารที่อิมเพอเรอร์เอาไว้แล้ว คุณลุงกับคุณป้าฮันก็น่าจะอยู่ที่นั่นแล้วด้วย เราไปที่นั่นกันเลยแล้วกัน เพราะนี่มันก็ดึกมากแล้ว”

ซีซินอี้จับแขนของฮานอี้เฟิงเอาไว้เบาๆ จากนั้นน้ำเสียงที่อ่อนโยนราวกับน้ำที่ไหลผ่านใต้สะพานที่สวยงามของหล่อนก็ ค่อยๆ ลอยเข้าไปในหูของเขา

ฮานอี้เฟิงวางสายโทรศัพท์และหันไปมองที่ซีซินอี้ จากนั้นใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเผยความอ่อนโยนออกมา ก่อนจะพยักหน้าเป็นการตอบรับเล็กน้อย “ให้หลี่ไห่เอาสัมภาระกลับไปที่วิลล่าก่อน แล้วเราก็ตรงไปที่นั่นกันเลย”

ซีซินอี้คลี่ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี “อืม... แต่เรานั่งเครื่องบินมานานมากเลย แล้วฉันก็เหนื่อยมากแล้วด้วย หลังจากที่รับประทานอาหารค่ำเสร็จ เราก็ตรงกลับบ้านไปพักผ่อนกันเลยนะ คุณดูเหนื่อยมากเลย คุณก็รู้ว่าฉันเป็นห่วงคุณมากจริงๆ”

ฮานอี้เฟิงหัวเราะออกมาเบาๆ จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปคว้าเอวของซีซินอี้เอาไว้ และดึงให้หล่อนเข้ามาอยู่ในอ้อนแขนของเขาเบาๆ ใบหน้าของซีซินอี้เปล่งประกายไปด้วยรอยยิ้ม แล้วหล่อนก็เขย่งปลายเท้าขึ้นไปกดจูบที่ริมฝีปากของฮานอี้เฟิงอย่างรวดเร็ว

“ผู้หญิงร่านมักจะชอบอวด!”

น้ำเสียงที่ถากถางนั้นเสียงขัดจังหวะฉากโรแมนติกที่หาได้ยากนี้

และมันก็เป็นเสียงที่ฟังดูคุ้นเคยมาก!

ซีซินอี้ถึงกับผงะในทันที หล่อนรีบหันหน้าไปทางต้นเสียง และสิ่งที่หล่อนเห็นก็คือใบหน้าเรียบเนียนขาวสะอาดของซูหนานที่มันเต็มไปด้วยความรังเกียจ และในแววตาของหล่อนก็ฉายแววของการดูถูกเหยียดหยามออกมาอย่างปิดไม่มิด หล่อนกำลังจ้องมองมาที่พวกเขาทั้งคู่ด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก ราวกับว่าหล่อนกำลังดูการแสดงตลกอย่างไรอย่างนั้น

“ซูหนาน เธอเองเหรอ!”

ใบหน้าที่อ่อนโยนของซีซินอี้แปรเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจขึ้นมาในทันที หล่อนกำลังจะเดินเข้าไป แต่หล่อนก็ถูกสายตาของที่ถากถางของซูหนานหยุดฝีเท้าเอาไว้เสียก่อน และหล่อนก็ทำได้เพียงแค่แสร้งทำเป็นตีหน้าเศร้า เมื่อฮานอี้เฟิงมองมาที่หล่อนและเอาแต่นิ่งเงียบ

ในขณะที่ดวงตาของฮานอี้เฟิง จับจ้องไปที่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเห็นดูถูกเหยียดหยามของซูหนาน มือของเขาที่โอบเอวของซีซินอี้เอาไว้ก็กระชับมากขึ้น

“ซูหนาน เธอขึ้นเที่ยวบินกับเราเมื่อกี้ด้วยรึเปล่า? ตอนแรกฉันก็นึกว่าฉันจำคนผิด ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ! เธอเป็นไงบ้างล่ะ?” ซีซินอี้พยายามคลี่ยิ้มสดใสออกมา เพื่อปกปิดความไม่สบอารมณ์ของตัวเอง

ซูหนานพูดออกไปอย่างถากถางว่า "แน่นอนว่าฉันสบายดี และฉันก็รู้สึกสบายดีมาก ถ้าหากว่าไม่มีพวกแมลงวันน่าขยะแขยงบินอยู่ข้างๆ ฉัน ฉันก็น่าจะสบายดีกว่านี้นะ”

“ซูหนาน ฉัน…”

ซีซินอี้ทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้าลงด้วยความเศร้าสร้อยเพียงเท่านั้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด