บทที่ 5 ใบหน้าภูเขาน้ำแข็ง (1)
ยี่สิบสามปีก่อน
มู่ฉางถิงเข้ามาสำนักชิงซินได้ครึ่งปีแล้ว ตอนนั้นเพิ่งจะผ่านวันเกิดอายุครบสิบหกปีของเขา
สำนักชิงซินเป็นสำนักใหญ่คนมากมาย ศิษย์ที่เพิ่งเข้าสำนักมาจะส่งไปวังเสินเล่อหรือวังหลงเยวี่ยเพื่อเรียนวิชากระบี่และกำลังภายในพื้นฐานของสำนักกับอาจารย์ผู้ฝึกฝน หลังจากเรียนรู้ได้สำเร็จและผ่านการแข่งขันทดสอบวิชาเซียนประจำปี ถึงจะได้ฝากตัวเป็นศิษย์อย่างแท้จริง
แม้ในสำนักชิงซินอาจารย์ผู้ฝึกฝนฐานะไม่สูง ทั้งสิบสองวังปรึกษาหารือกันก็ไม่ได้เข้าร่วม แต่เนื่องจากศิษย์หลายๆ คนที่เพิ่งเข้ามาสำนักก็ได้พวกเขาอบรมสั่งสอน นับเป็นอาจารย์คนแรก จึงค่อนข้างได้รับความเคารพ
วังเสินเล่อมีอาจารย์ผู้ฝึกฝนสามคน คนที่รับผิดชอบสอนเขา แซ่หลิน นามเดี่ยวว่า 'เจี้ยน'
ลับหลังพวกเขาจะเรียกว่า ''เจ้าบ้าหลิน'
จะโทษว่าพวกเขาไม่เคารพก็ไม่ได้ จริงๆ อาจารย์ผู้ฝึกฝนท่านนี้ไม่มีท่าทางของอาจารย์สักนิด
คนที่ฝากตัวเป็นศิษย์ในวังของเขาอย่างน้อยๆ ก็ได้เรียนอะไรที่มีประโยชน์ นอกจากงานผ่าฟืนต้มน้ำที่ต้องทำ ยังต้องเทกระโถนแทนเขา เก็บกวาดห้องและติดตามปรนนิบัติรับใช้ ศิษย์หญิงที่หน้าตาสวยๆ ก็น่าสงสารนัก ต้องโดนเขาเรียกไป 'สอนเดี่ยว' ในห้องกลางค่ำกลางคืน
มู่ฉางถิงคาบหญ้าหางสุนัข นอนอาบแดดบนหลังคาอย่างเอ้อระเหย
สายลมเย็นพัดเอื่อยๆ แสงแดดวสันตฤดูกำลังดี มู่ฉางถิงฮัมเพลงแปร่งหู สบายเสียจนเหมือนแมวกินอิ่ม
จู่ๆ จมูกของเขาก็ขยุกขยิก สูดลมหายใจอย่างรุนแรง กลิ่นหอมของไก่ย่างทำให้เขากระหายเสียจนน้ำลายจะไหล!
เขาลืมตาขึ้นจับข้อมือที่กวัดแกว่งอยู่เบื้องหน้าไว้ แล้วอ้าปากกัดเนื้อน่องไก่แสนอร่อยไปคำหนึ่ง
ฟู่ซีเฟิงโยนน่องไก่ให้เขาอย่างรังเกียจ ส่ายหน้าถอนใจเอ่ยว่า "นั่งก็ไม่นั่งดีๆ กินก็ไม่กินดีๆ!"
มู่ฉางถิงพลิกตัวขึ้นมานั่ง แล้วยกยิ้มให้เขา "มีพี่ใหญ่ฟู่เราคอยคุ้มหัว ใครจะว่าอะไรข้าได้?"
เขายิ้มขึ้นมาดวงตาโค้งดั่งจันทร์เสี้ยว
ฟู่ซีเฟิงอ่อนกว่าเขาแค่ไม่กี่เดือน แต่เป็นเด็กหนุ่มที่แก่เกินวัย หัวโบราณและจริงจังเสมอ เขาเยาะเย้ยฟู่ซีเฟิงเช่นนี้ ก็เพราะฟู่ซีเฟิงฝีมือใช้ได้ นับเป็นหนึ่งในศิษย์ที่ได้รับความโปรดปรานจากหลินเจี้ยนที่สุด
กระบวนท่าวิชากระบี่มากมายที่พวกเขาไม่ได้เรียน หลินเจี้ยนอารมณ์ดีก็จะสอนให้ฟู่ซีเฟิง
ฟู่ซีเฟิงเอ่ยว่า "จริงด้วย ข้าเรียนมาใหม่อีกสองสามกระบวนท่า ประเดี๋ยวจะสอนเจ้าด้วย"
มู่ฉางถิงแทะน่องไก่อย่างมีความสุขยิ่ง พยักหน้าเอ่ยว่า "ได้สิ ไปภูเขาด้านหลังกันเถอะ จะได้จับปูแม่น้ำกลับมาผัดกินกัน แหม หอมจริงๆ!"
ฟู่ซีเฟิงมองเขาอย่างไม่เห็นด้วย "ทุกคนเริ่มฝึกงดกินธัญพืชกันแล้ว ทำไมเจ้ายังคิดแต่จะกินทั้งวัน"
มู่ฉางถิงเลียนิ้วมือ ก่อนจะเอ่ยอย่างยิ้มร่า "ก้าวไปทีละขั้นรู้จักหรือไม่! คนธรรมดาที่กินห้าธัญพืชมาเสียจนชิน ไม่ได้กินมื้อเดียวก็หิวแทบตาย! เจ้าไม่เห็นหรือ พวกเขาแต่ละคนหิวเสียจนเดินกันไม่ไหวแล้ว!"
สองคนพูดกันคนละประโยค มู่ฉางถิงพูดแกล้งสนุกปาก ฟู่ซีเฟิงก็มักจะว่าเขาตลอดอย่างอดไม่ได้
ขณะกำลังคุยกันสนุกสนาน เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็เดินมาไกลๆ
เด็กหนุ่มคนนั้นใบหน้าประณีต ผิวพรรณขาวเนียน ดวงตาดำสนิทลึกล้ำ มองเช่นไรก็งดงามเช่นนั้น
มู่ฉางถิงเห็นเขา ก็มักจะถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ เขาเหมือนเกิดมาก็เป็นที่ชื่นชอบของผู้สร้าง เพียงไม่กี่ประโยคก็สรุปได้ว่าความงดงามของเขาเป็นสิ่งหาได้ยากยิ่งในโลกนี้ ทว่าตลอดมาริมฝีปากบางที่เม้มแน่นและใบหน้าไร้อารมณ์ของเขากลับทำให้คนอื่นรู้สึกห่างไกลไปหลายพันลี้
สิงอวี้เซิงมาที่นี่ได้สามเดือนแล้ว แต่ยังหาเพื่อนไม่ได้สักคน จึงไปไหนมาไหนคนเดียวตลอด
สำหรับคนหน้าตาดี มู่ฉางถิงยิ่งใจกว้าง
แม้จะเหมือนว่าเขาอารมณ์ไม่ดี แต่มู่ฉางถิงก็ตั้งใจจะตีสนิทด้วยอย่างอดไม่ได้
มู่ฉางถิงเห็นสิงอวี้เซิงนั่งข้างลำธารคนเดียว ดวงตาก็เป็นประกาย ยื่นมือไปขอฟู่ซีเฟิงอย่างรีบร้อนใจ "มีอีกไหม? ยังมีอีกหรือไม่? เอามาให้ข้า!"
ฟู่ซีเฟิงขมวดคิ้ว "เจ้าจะทำอะไร?"
มู่ฉางถิงยิ้ม "ข้ารู้ว่าเจ้าต้องเก็บน่องไก่อีกชิ้นไว้เป็นมื้อค่ำให้ข้าแน่ๆ เอามาให้ข้าเร็ว"
"..." ฟู่ซีเฟิงหมดคำพูด เขาทำให้โกรธเสียจนหมดอารมณ์ ก่อนจะล้วงเอาอาหารที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อมายื่นไปให้เขา
ฟู่ซีเฟิง "เจ้าอย่าไปยุ่งกับเขาเลย หลายวันนี้ข้าเห็นเจ้าบ้าหลินเรียกเขาเข้าห้องไปลำพังตลอด มอบตำราวิชากระบี่ให้เขาตั้งกองหนึ่ง ใครๆ ก็รู้ว่าพวกเขาเป็นอะไรกัน"
"แหม เจ้าอิจฉาสินะ!" มู่ฉางถิงหัวเราะเยาะเขา แล้วส่ายน่องไก่ไปมา "ขอบใจ!"
มู่ฉางถิงลอยตัวกระโดดลงจากหลังคา เดินไปหาสิงอวี้เซิง
มู่ฉางถิงเต็มไปด้วยความสนใจ ตั้งใจจะย่องเข้าไปหา กำลังจะเลียนแบบฟู่ซีเฟิง แอบยื่นน่องไก่ไปเบื้องหน้าเด็กหนุ่ม
ทว่ามือยังไม่ทันแตะไหล่ของสิงอวี้เซิง นิ้วมือเรียวยาวขาวเนียนของอีกฝ่ายก็ยื่นออกมารวบข้อมือของเขาไว้ดังตรวนเหล็ก มู่ฉางถิงเจ็บแปลบ นิ้วมือสิ้นแรงทำให้น่องไก่หอมกรุ่นหล่นไปบนก้อนหินริมธาร กลิ้งไปอีกสองสามตลบ สุดท้ายก็เสียงดัง 'จ๋อม' ตกลงไปในลำธาร
ดวงตาของสิงอวี้เซิงที่ถลึงมองมาดั่งมีไฟโผล่ออกมา เบ้าตาของเขาแดงก่ำ อารมณ์ไม่มั่นคง
มู่ฉางถิงนิ่งอึ้ง สิงอวี้เซิงเห็นน่องไก่ที่ตกไปในน้ำก็นิ่งไป
สิงอวี้เซิงคลายนิ้วมือ มู่ฉางถิงเจ็บเสียจนสะบัดข้อมือ เอ่ยว่า "โอ๊ย ข้าเจ็บแทบตาย นิ้วมือของเจ้าทำไมแรงเยอะเช่นนี้! ข้าไม่ได้มีเจตนาอื่น แค่อยากชวนเจ้ามากินอาหาร"
สิงอวี้เซิงเม้มริมฝีปากบาง จู่ๆ ก็ยืนขึ้น น้ำเสียงยังเย็นชา "ข้าไม่ชอบให้คนอื่นมาแตะข้า ภายหน้าอย่าแอบมาข้างหลังอีก"
ฟู่ซีเฟิงไม่รู้มายืนข้างหลังทั้งสองตั้งแต่เมื่อไร สิงอวี้เซิงกับเขาสบสายตากัน ก่อนจะหันกลับเร่งฝีเท้าออกไป
มู่ฉางถิงนวดข้อมือที่แดงก่ำ เอ่ยรอดไรฟัน "เสียดายน่องไก่ของข้า..."
ฟู่ซีเฟิงเก็บเจตนาร้ายอันฉายชัดในสายตาเมื่อครู่ ยกมุมปากเยาะเย้ยมู่ฉางถิง "เมื่อกี้ข้าบอกไว้ว่าอย่างไร? ดูซิว่าเจ้าจะยังกล้าเอาหน้าอุ่นๆ ไปแนบบั้นท้ายเย็นๆ อีกหรือไม่!"
มู่ฉางถิงได้ยินคำว่า 'บั้นท้าย' จากปากของเขา จึงระเบิดหัวเราะออกมาทันควัน "ฮ่าๆๆๆ เจ้าสาบานว่าจะไม่พูดจาหยาบคายและคำไม่งามอีกไม่ใช่หรือไร! บั้นท้าย? หืม? ฮ่าๆๆๆๆ!"
เส้นเลือดตรงหน้าผากของฟู่ซีเฟิงเต้นตุบๆ "มู่! ฉาง! ถิง!"
มู่ฉางถิงกระโดดเหมือนลิงวิ่งโร่ไปทั่วภูเขา "อ๊ะ! แต่จะว่าไปฝีมือเจ้ายังนับเป็นยอดคน! ช่วยด้วย... ฟู่ซีเฟิงจะฆ่าข้า... ข้าจะตายแล้ว!!!!"
ท่ามกลางภูเขาไร้ซึ่งเวลา วันคืนก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางศิษย์มากมาย มู่ฉางถิง ฟู่ซีเฟิงและสิงอวี้เซิงแสดงฝีมือได้เป็นอันดับต้นๆ การแข่งขันของศิษย์วังเสินเล่อ สามอันดับแรกก็มักจะสลับกันระหว่างสามคนนี้
ฟู่ซีเฟิงช่างมีวาทศิลป์ ทำให้หลินเจี้ยนใจอ่อน ทั้งยังได้ดูแลศิษย์คนอื่นๆ บ่อยครั้ง ทุกคนจึงเชื่อใจเขาเป็นอย่างมาก
มู่ฉางถิงไม่ค่อยใส่ใจอะไร นิสัยใจดีและร่าเริง มีความสัมพันธ์อันดีกับฟู่ซีเฟิง พวกเขามักจะฝึกฝนด้วยกัน เรียนรู้ได้เร็วเสียจนทุกคนไม่รู้สึกสงสัย
มีเพียงสิงอวี้เซิง แม้คุณสมบัติโดดเด่นแต่เป็นคนปลีกวิเวก มักจะใช้กระบวนท่าที่คนอื่นไม่เคยเห็น