บทที่ 5 พาเธอไปโรงพยาบาล
ภายในห้องตรวจโรงพยาบาล T
“โชคดีที่แผลของคุณยังไม่พุพอง ไม่อย่างนั้นมันก็อาจจะเป็นเรื่องยากขึ้นมาได้ เอายานี้กลับไปทาที่บ้านประมาณสองสามวันนะครับ และเพื่อไม่ให้แผลอักเสบ พยายามอย่าให้แผลโดนน้ำ”
หลังจากที่หมออธิบายวิธีการทายาที่หลังมือให้ซีเซี่ยเย่แล้ว และขณะที่เขาเขียนใบสั่งยา เขาก็กล่าวเตือนเธอออกมา
ซีเซี่ยเย่พยักหน้าตอบรับ “ขอบคุณค่ะ คุณหมอ”
“ไม่เป็นไรครับ ครั้งหน้าก็ระวังตัวหน่อยนะครับ รับใบสั่งยานี่ไปชำระเงิน จากนั้นคุณก็ไปรับยาได้”
คุณหมดส่งใบสั่งยามาให้เธอ ในขณะที่ซีเซี่ยเย่กำลังจะยื่นมือออกไปรับมัน ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอก็เร็วกว่า เขายื่นมือเรียวยาวของเขาออกไปรับมันมาทันที จากนั้นเขาก็ส่งมันไปให้กับอาโม่ที่ยืนอยู่ด้านหลัง และพูดออกไปว่า “พวกเราจะไปรอคุณที่รถ”
อาโม่ยื่นมือออกไปรับมันมาอย่างว่าง่าย และพยักหน้าเป็นการตอบรับ “ได้ครับ เจ้านาย ผมจะรีบไปจัดการให้เดี๋ยวนี้!”
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างสูงของเขาก็เดินหายออกไปด้านนอกทันที
"ไปกันเถอะ"
มู่หยู่เฉินมองมาที่ซีเซี่ยเย่ที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่นาน เขาก็เดินออกไปจากตรวจก่อน ซีเซี่ยเย่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็หยิบกระเป๋าของเธอ และค่อยๆ ลุกขึ้นเดินตามเขาออกไปจากห้องอย่างช้าๆ
เสียงฝีเท้าของพวกเขาดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณทางเดินที่ว่างเปล่า เงาสองเงาสะท้อนลงไปบนพื้น เธอเดินนำอยู่ข้างหน้า ในขณะที่เขาเดินตามมาที่ด้านหลังของเธอ และเสียงฝีเท้าตามจังหวะของพวกมันก็ฟังดูแตกต่างกันมากในทางเดินที่ว่างเปล่านี้
พวกเขาทั้งสองคนไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว
เมื่อพวกเขาเดินออกไปจากโรงพยาบาล ฝนยังตกอยู่ และท้องฟ้าด้านนอกก็มืดแล้ว อีกทั้งไฟข้างทางก็เปิดแล้วเรียบร้อย
“ขอบคุณมากสำหรับวันนี้นะคะ” ซีเซี่ยเย่ยกมือข้างที่ถูกพันแผลขึ้นมา และใบหน้าที่สวยสดงดงามของเธอก็เปล่งประกายด้วยรอยยิ้มขอบคุณ
มู่หยูเฉินพยักหน้าเป็นการตอบรับ ก่อนจะตอบออกไปเบาๆ ว่า “ตลอดทางที่มาที่นี่ คุณพูดขอบคุณผมมาห้าครั้งแล้วนะครับ”
ซีเซี่ยเย่รู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที และในขณะที่เธอกำลังจะพูดอธิบายออกไป จู่ๆ โทรศัพท์ของเธอก็ส่งเสียงดังขึ้นมาพอดี เธอมองไปที่มู่หยูเฉินอย่างขอโทษ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา...
บนหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏชื่อของซูหนาน นั่นจึงทำให้ซีเซี่ยเย่ตระหนักขึ้นมาได้ว่าตอนนี้เธอสายแล้ว ในขั้นต้น เธอจะต้องไปรับซูหนานที่สนามบินทันที หลังจากที่ได้มาพบกับชายคนนี้ แต่เธอไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ตอนนี้เธอจึงขมวดคิ้วขึ้นมาและเริ่มอารมณ์เสียกับตัวเอง
"ฮัลโหล? ซีเซี่ยเย่! เครื่องบินของฉันเพิ่งจะลงจอด เธอออกมารึยัง? เธอมาสายอีก หรือว่าลืมกันแน่เนี่ย?”
ทันทีที่เธอกดรับสายน้ำเสียงหวานๆ อีกทั้งยังแหลมสูงของซูหนานก็ดังขึ้นทันที ซีเซี่ยเย่ถึงกับต้องถือโทรศัพท์ให้ออกห่างจากหูเล็กน้อย และแม้แต่มู่หยู่เฉินที่ยืนข้างๆ เธอก็ได้ยินทุกอย่างได้อย่างชัดเจน
ซีเซี่ยเย่พยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วตอบกลับไปเบาๆ ว่า “ฉันกำลังจะออกไปแล้ว รอแปปหนึ่งนะ”
หลังจากนั้น เธอก็กดวางสายทันที เพราะเธอรู้จักนิสัยของซูหนานดีว่าหลังจากนี้หล่อนจะต้องบ่นออกมาอีกแน่นอน
เธอมองขึ้นไปที่สายฝนที่กำลังโปรยปรายลงมา และตอนนี้เธอก็กำลังคิดว่า รถของเธอยังจอดอยู่ที่โรงแรมป่าไผ่เมเปิ้ล และแม้ว่าจะขับรถยนต์ไปที่นั่นมันก็อยู่ห่างจากที่นี่ประมาณครึ่งชั่วโมง เธอคงไปไม่ทันแน่ถ้าเธอกลับไปเอารถ แล้วอีกอย่าง เธอก็ขับรถไม่ได้ด้วยเพราะสภาพมือที่เป็นเช่นนี้ เพราะอย่างนั้นซีเซี่ยเย่กำลงัครุ่นคิดอยู่ว่าเธอจะนั่งแท็กซี่ไปดีรึเปล่า
“คุณรีบเหรอครับ?” ทันใดนั้นเองจู่ๆ เสียงของมู่หยู่เฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอก็ดังขึ้น
ซีเซี่ยเย่เงยหน้าขึ้นไปมองที่เขาทันที และดวงตาที่ฉายชัดความวิตกกังวลของเธอก็สบตาเข้ากับดวงตาของเขาพอดี เธอจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าตอบรับเพียงเท่านั้น “เย็นนี้ฉันนัดกับซูหนานเอาไว้ว่า ฉันจะไปรับหล่อนที่สนามบิน แต่ฉันดันลืมนัดไปซะสนิทเลย ขอบคุณสำหรับวันนี้มากนะคะ ครั้งหน้าฉันจะเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นการตอบแทนคุณเอง แต่ตอนนี้ฉันมีเรื่องด่วน ฉันคงต้องขอตัวกลับก่อน!”
เธอไม่ได้สนใจอะไรอีกต่อไป หลังจากที่ซีเซี่ยเย่พูดจบ เธอก็ยกกระเป๋าขึ้นไปไว้เหนือศีรษะเพื่อบังฝน ก่อนที่จะวิ่งออกไปทันทีท่ามกลางสายฝน ...
สายตาที่เฉยเมยของมู่หยูเฉินมองผ่านสายฝนที่มืดครึ้ม และจดจ้องไปยังร่างที่บอบบางนั้นที่กำลังรีบขึ้นไปบนรถแท็กซี่อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มีบางอย่างแวบเข้ามาในดวงตาของเขา
เขาลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว และผ่านสายฝนไปที่รถของตัวเอง
หลังจากที่อาโม่ไปจ่ายเงินและรับถุงยามาแล้ว เขาก็เดินกลับมาที่รถ เมื่อเขาเดินมาถึงรถ เขาก็เห็นเพียงแค่เจ้านายของเขานั่งอยู่ในรถเพียงคนเดียว เขารู้สึกสงสัยขึ้นมา อีกทั้งถุงยาในมือของเขาอีก เขาจึงถามออกไปว่า “เจ้านายครับ คุณซีไปไหนแล้วล่ะครับ?”
“เธอกลับไปแล้ว”
มู่หยู่เฉินจดจ่ออยู่กับการตรวจสอบบางอย่างบนแล็ปท็อปที่วางอยู่บนหน้าตักของเขา แสงสีฟ้าจากหน้าจอช่วยเติมเต็มใบหน้าของเขาให้ดูหล่อเหลา และดูลึกลับมากยิ่งขึ้น
อาโม่ถึงกับสะดุ้งตกใจ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็โบกถุงยาในมือของตัวเองไปมา “เธอลืมยาครับ!”
มู่หยูเฉินเงยหน้าขึ้นไปมองมัน เมื่อเห็นถุงยาในมือของอาโม่ ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาก็ขมวดคิ้ว จากนั้นเขาก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “หาเวลาว่างให้หน่อย แล้วค่อยว่ากันอีกที”
หลังจากนั้น มู่หยูเฉินก็มองไปที่หน้าจอแล็ปท็อปของตัวเองต่อ
อาโม่ตกตะลึงในทันที เขาครุ่นคิดอยู่นานสองนาน และก็ไม่เข้าใจว่าที่เจ้านายของเขาพูดออกมานั้นหมายความว่ายังไง อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นท่าทางที่จดจ่ออยู่กับงานของเจ้านาย เขาไม่กล้าถามอะไรออกไปอีก เพียงแค่พยักหน้าตอบรับเพียงเท่านั้น และเดินเข้าไปนั่งในรถ
“เจ้านายครับ เราจะกลับไปที่บ้านตอนนี้เลยไหมครับ?” อาโม่ถามออกไปเบาๆ
“กลับไปที่ Maple Residence” มู่หยูเฉินตอบไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ปิดหน้าจอแล็ปท็อปลง และยกมือขึ้นมานวดบริเวณหว่างคิ้วเบาๆ ก่อนจะเอนหลังพักกับเบาะรถ และหลับตาลงเพื่อเป็นการพักผ่อน
"ได้ครับ!"
เมื่อเห็นท่าทางของมู่หยูเฉิน อาโม่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปอีก เขาสตาร์ทรถทันที แล้วรถก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปในสายฝน…
แม้ว่าโรงพยาบาล T จะอยู่ห่างจากสนามบินค่อนข้างไกล แต่ถ้าใช้ทางหลวงที่คึกคักนี้ ก็สามารถไปถึงที่นั่นในเวลาเพียงแค่ 40 นาทีเท่านั้น
เมื่อซีเซี่ยเย่ไปถึงสนามบิน มันก็ดึกมากแล้ว และผู้คนจำนวนมากก็เดินสวนกันไปมารอบๆ สนามบิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงประตูขาเข้า เพราะพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่มาจากทั่วทุกศาลทิศ หลายคนเป็นตัวแทนจากบริษัทท่องเที่ยว หรือไม่ก็มาจากบริษัทขนาดใหญ่ที่มารับนักท่องเที่ยว พวกเขาทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถือกระดานขนาดใหญ่เอาไว้ในมือ และยืนเบียดเสียดกัน ซีเซี่ยเย่สวมชุดสีน้ำตาลเข้มขนาดใหญ่ และยืนห่างออกไปที่ด้านหลัง เพราะไม่มีที่ให้เธอเข้าไปเบียดได้เลย
นักท่องเที่ยวยังคงเดินออกมาจากสนามบิน และเพียงไม่นาน ผู้คนที่มายืนรวมตัวกันที่ประตูขาเข้าก็ค่อยๆ แยกย้ายกันไป และสุดท้ายก็เหลือคนที่ยืนอยู่ตรงนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
เมื่อเธอยืนอยู่ตรงนี้นานแล้ว แต่ก็ไม่เห็นว่าซูหนานจะเดินออกมาซักที ซีเซี่ยเย่จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อต่อสายไปหาหล่อน แต่เธอรอสายอยู่นานก็ไม่มีคนรับ ในขณะที่เธอกำลังลังเลอยู่นั้นว่าเธอจะเข้าไปตามหาหล่อนดีรึเปล่า จู่ๆ เธอก็ได้ยินน้ำเสียงอันไพเราะของซูหนานตะโกนดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเธอ
“เซี่ยเย่ เซี่ยเย่! ฉันอยู่นี่!”
เมื่อเธอได้ยินเสียงของหล่อน ซีเซี่ยเย่ก็หันไปมองที่มาของเสียงในทันที และเธอก็เห็นร่างที่คุ้นตาที่กำลังเบียดเสียดกันอยู่ท่ามกลางฝูงชนได้อย่างรวดเร็ว
ซูหนานถือกระเป๋าของหล่อนเอาไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียว ในขณะที่ร่างกายที่เพรียวบางแต่ว่องไวของหล่อนก็เบียดฝูงชนออกมาเพื่อเดินมาหาซีเซี่ยเย่
ใบหน้าที่สวยงามที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มเงาขนาดใหญ่คลี่ยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น หล่อนปรับสีหน้าของตัวเองเล็กน้อย และเดินตรงไปที่ประตูทางออก
ตุ๊บ!
เมื่อหล่อนเดินเข้ามาใกล้จุดที่ซีเซี่ยเย่ยืนอยู่ ซูหนานก็โยนกระเป๋าเดินทางและกระเป๋าเป้ของตัวเองลงไปบนพื้นอย่างแรง จากนั้นหล่อนก็รีบวิ่งเข้าไปกอดซีเซี่ยเย่เอาไว้อย่างรวดเร็ว หล่อนอดไม่ได้ที่จะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้งที่ข้างหูของเซี่ยเย่ว่า “สุดยอดเลย! พวกเราไม่ได้เจอกันมาสองสามเดือนแล้วนะ และนั่นมันก็ทำให้ฉันรู้ว่าคนที่ฉันคิดถึงมากที่สุดก็คือเธอ!”
จากนั้นหล่อนก็รัดเอวของเซี่ยเยว่เอาไว้แน่น และแรงของหล่อนที่ส่งผ่านมาก็ทำให้เซี่ยเยว่รู้สึกราวกับว่าร่างกายของเธอกำลังจะขาดออกจากกัน!
ภายใต้ร่มเงานี้ นัยน์ตาของเธอก็เปล่งประกายวาววับออกมาด้วยความรู้สึกอ่อนแออย่างช่วยไม่ได้ เธอเอื้อมมือไปตบที่ไหล่ของซูหนานเบาๆ และไม่ได้พูดอะไรออกมา ปล่อยให้ซูหนานกอดเธออยู่อย่างนั้น