บทที่ 5 การเยี่ยมบ้านที่แสนวุ่นวาย (2)
เนื้อเลอะเทอะเต็มห้องครัว แต่เตาแก๊สยังคงเปิดอยู่ ชวีกุ้ยเซียงไม่กล้าพอที่จะเข้าไปปิดแก๊ส เธอกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก จึงร้องตะโกนขึ้นมา “จัวเซ่า แกเข้าไปปิดแก๊สซะ!”
จัวเซ่าไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพียงเดินเข้าไปปิดแก๊สในครัว ในเวลานี้ชวีกุ้ยเซียงก็ตะโกนออกมาอีกครั้ง “แกทำความสะอาดห้องครัวให้ฉันด้วย!”
จัวเซ่าเก็บกวาดอย่างเชื่อฟัง
บ้านของจัวหรงหมิงและชวีกุ้ยเซียงมีขนาดเพียงห้าสิบตารางเมตร ห้องนอนสองห้อง หันไปทางทิศใต้เป็นห้องทานอาหาร ส่วนห้องครัวหันไปทางทิศเหนือ ห้องน้ำอยู่ระหว่างห้องครัวและห้องนอน ส่วนห้องรับแขกไม่มีอะไรเลย
ทางหน้าต่างครัวที่หันไปทางทิศเหนือ จัวเซ่าเห็นว่าอาจารย์ที่ปรึกษาของตน อาจารย์หยางและอาจารย์จางที่สอนวิชาคณิตศาสตร์กำลังเดินอยู่ที่นี่ด้วยกัน
จัวเซ่ามองไปยังพวกเขาที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ หลังจากคำนวณเวลาจึงแกล้งทำเป็นไม่ทันระวัง ทำจานที่ชวีกุ้ยเซียงวางเอาไว้ข้าง ๆ ตกลงพื้น
ชามใบนั้นตกลงมาแตกอย่างที่คาดเอาไว้
หม้อความดันระเบิดไม่เพียงทำให้ชวีกุ้ยเซียงตื่นตกใจ แต่ยังลวกแขนของเธออีก เดิมทีเธอก็โกรธมากอยู่แล้ว ยิ่งเห็นว่าจัวเซ่าทำชามแตกอีก ความโกรธของเธอจึงยิ่งปะทุขึ้นกว่าเดิม
“ไอ้ลูกหมา ฉันให้แกทำความสะอาด ไม่ได้ให้แกทำชามแตก แกทำอะไรของแกฮะ!” ชวีกุ้ยเซียงยืนกอดอกด่าออกมา ด่าไปสองสามประโยคก็ยังคงโกรธอยู่ เธอหยิบไม้ปัดขนไก่ที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมา หมายจะเข้าไปตีจัวเซ่า
ในปีนั้นจัวเซ่าถูกชวีกุ้ยเซียงและจัวหรงหมิงตีไปไม่น้อย ต่อมาเขาเป็นอันธพาล ร้ายกาจขึ้น กล้าเล่นมีด จัวหรงหมิงและชวีกุ้ยเซียงต่างก็กลัวเขา
อย่างไรก็ตามแม้ว่าชวีกุ้ยเซียงและจัวหรงหมิงทั้งสองคนจะตีเขาได้ แต่เมื่อคิดถึงหน้าตาของตน พวกเขาจะไม่ตีจัวเซ่าแรงเกินไป และมักจะบอกเหตุผลด้วยทุกครั้ง
เช่น เมื่อเขาทำชามแตก นั่นเป็นเหตุผลที่ดีที่จะตีเขา แน่นอนว่าเมื่อชวีกุ้ยเซียงพูดออกมา จะไม่ใช่เพราะเขาบังเอิญทำชามตกแตก แต่เป็นเขาขว้างชามทิ้งเพราะอาหารไม่อร่อย
เธอเก่งในเรื่องกลับดำให้เป็นขาว
และตอนที่ชวีกุ้ยเซียงมักจะกลับดำให้เป็นขาวก็คือตอนที่มีคนนอกอยู่ด้วย อย่างเช่นตอนนี้...
ชวีกุ้ยเซียงเข้าไปตีจัวเซ่า ด่าไม่หยุด “ไอ้ลูกหมา เรื่องเล็กแค่นี้ทำไมแกยังทำได้ไม่ดีอีก...”
ตอนที่จัวเซ่าบอกที่ตั้งของบ้านตนเองกับอาจารย์ เขาก็วางแผนยั่วโมโหชวีกุ้ยเซียง ให้อาจารย์ที่โรงเรียนได้เห็นว่าเขาน่าสงสารแค่ไหน ไม่คาดคิดว่าพอชวีกุ้ยเซียงเปิดปาก ก็ด่าแม้กระทั่งแม่ของเขา
แม้ว่าปัจจุบันแม่ของเขาจะเสียไปแล้วยี่สิบกว่าปี ภาพใบหน้าของแม่ที่จำได้ก็เลือนราง แต่เขายังคงจำความอ่อนโยนของแม่ได้เป็นอย่างดี เมื่อได้ยินคำพูดของชวีกุ้ยเซียง ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นน่าเกลียดมาก
ไม่คาดคิดว่าจัวเซ่าจะเตะไปที่ขาของชวีกุ้ยเซียง
ตอนที่จัวเซ่ายังอยู่ในคุกได้เรียนวิธีการตีคนมามากมาย และเพราะการเตะนี้ ชวีกุ้ยเซียงจึงกรีดร้องออกมาอีกครั้ง และในขณะเดียวกันทางด้านชวีกุ้ยเซียงก็ยิ่งโกรธจัด
คำหยาบคายทุกประเภทถูกพ่นออกมาจากปากของชวีกุ้ยเซียง เธอถือไม้ขนไก่ไว้ในมือ กวัดแกว่งไปมาตามแรงอารมณ์
ถ้าไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดที่ขาของเธอหลังจากถูกเตะทำให้เคลื่อนไหวได้อย่างจำกัด เธอก็คงจะ ‘รุนแรง’ มากยิ่งขึ้น
อาจารย์หยางและอาจารย์จางหาสถานที่ที่จัวเซ่าบอกจนพบ เมื่อเดินขึ้นมาบนตึกก็พบเข้ากับฉากหนึ่ง
หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังตีจัวเซ่าอยู่ที่ทางเข้าห้องครัว เด็กหญิงอายุประมาณสิบขวบพยายามที่จะห้ามแต่ไม่อาจทำอะไรได้...ภายในห้องรกไปหมด มีเสียงหนึ่งดังชัดเป็นพิเศษคือเสียงดุด่าของหญิงวัยกลางคนคนนั้น
ปีนี้อาจารย์หยางอายุประมาณสามสิบสี่สิบปี พบเห็นมาหลายสถานการณ์ แต่อาจารย์จางเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย ฐานะทางบ้านก็ไม่เลว พ่อแม่ก็ล้วนเป็นปัญญาชน ดังนั้นเขาจึงไม่เคยพบเห็นฉากแบบนี้มาก่อน เขานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเห็นใจจัวเซ่าเป็นอย่างยิ่ง
นักเรียนคนโปรดของเขากำลังจะถูกทุบตีที่บ้าน?
“ปล่อยมือซะ!” อาจารย์ตะโกนออกไป “คุณตีเด็กทำไม?!”
“แกเป็นใคร?” ชวีกุ้ยเซียงหันศีรษะมองไปยังชายสองคนที่ไม่ได้รับเชิญด้วยความไม่พอใจนัก “ฉันตีเด็กแล้วเกี่ยวอะไรกับพวกแกฮะ?”
“พวกเราเป็นอาจารย์ของจัวเซ่า มาเยี่ยมบ้าน” คิ้วของครูหยางขมวดแน่น “ทำไมคุณถึงได้ตีเด็กกัน?”
“พวกคุณเป็นอาจารย์ของจัวเซ่างั้นเหรอ?” ชวีกุ้ยเซียงตะลึงไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเธอก็เปลี่ยนโฉมหน้า ปฏิบัติกับอาจารย์ต่างไปจากเดิม “ที่แท้พวกคุณก็เป็นอาจารย์ของเขา ก็ต้องสอนเขาให้ดี ๆ หน่อยสิ! แต่นี่มันกลับตรงกันข้ามไปหมด! ให้เขาช่วยทำงานบ้านนิดหน่อยก็ไม่พอใจ โมโหจนขว้างชามแตก แล้วยังจะมาตีฉันอีก!”
“เขาไม่มีพ่อแม่ ฉันใจดีพอที่จะเลี้ยงเขา แต่เขายังจะโวยวายใส่ฉันทั้งวัน เป็นหมาป่าตาขาว(1) ชัด ๆ ทำตัวเหมือนเป็นพวกวิญญาณทวงหนี้ (2)” ชวีกุ้ยเซียงพูดออกมาไม่หยุด
อาจารย์หยางและอาจารย์จาง “…”
แต่จัวเซ่าในตอนนี้จะไม่ยอมให้ชวีกุ้ยเซียงกลับดำให้เป็นขาวอีกแล้ว
“อาจารย์หยาง ผมไม่เป็นไรครับ ตอนผมเข้าไปทำความสะอาดในครัว ไม่ทันระวังทำชามตกมาแตกใบหนึ่ง” จัวเซ่าพูด แสร้งทำเป็นไม่สบายใจอีกครั้ง ลอบแอบมองไปยังอาจารย์หยาง
“แก ไอ้เด็กเวร อย่ามาทำตัวน่าสงสาร” แม้ชวีกุ้ยเซียงจะสงบลงไปครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายเธอก็พยายามที่จะเอื้อมมือออกไปเพื่อตีจัวเซ่า
จัวเซ่าก้าวถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก บังเอิญไปชนเข้ากับตู้เล็กบนเคาน์เตอร์ครัว ไม่ทันระวังชนตู้คว่ำลงมา...
ตู้ล้มลงไปที่พื้น เสียงเครื่องลายครามที่แตกยังดังก้องไม่หยุด ครั้งนี้ไม่ใช่หล่นลงมาแตกใบเดียว แต่เป็นหนึ่งกอง
-----------------------------------------------------------------
(1) หมาป่าตาขาว หมาป่าถือเป็นสัญลักษณ์ของความโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ตาสีขาว หมายถึง ไม่มีตา ตาบอด มองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เมื่อนำมารวมกันจึงหมายความว่า พวกเนรคุณ เลี้ยงไม่เชื่อง
(2) วิญญาณทวงหนี้ เป็นคำเรียกเด็กซุกซน