บทที่ 48 แมวดำตัวหนึ่ง
ในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงของเมืองซินเฉิง ฝนตกปรอย ๆ ติดต่อกันหลายวัน ทำให้ท้องฟ้าดูหม่นหมองและอึมครึม
เวลาประมาณหนึ่งทุ่ม เสิ่นเฟยจัดการงานในสำนักงานเสร็จเรียบร้อย และเดินออกจากอาคารของกรมตำรวจ
ภายนอก ฝนยังคงตกโปรยปราย พร้อมกับสายลมหนาวจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือพัดมาเป็นระยะ
เสิ่นเฟยส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ลานจอดรถ ฝนที่ตกกระทบเสื้อของเขาทำให้รู้สึกเย็นขึ้นมาในทันที
เมื่อมาถึงรถ เขายังไม่รีบออกรถ แต่หยิบบุหรี่มาจุดสูบ สูดควันลึก ๆ จนรู้สึกอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจึงสตาร์ตรถและค่อย ๆ ขับออกจากเขตกรมตำรวจ
ในยามค่ำคืน เมืองซินเฉิงถูกปกคลุมด้วยม่านฝน คนที่เดินอยู่บนท้องถนนล้วนเร่งรีบกลับบ้าน
เสิ่นเฟยพักอยู่ในโครงการ ซันไชน์การ์เดน ทางตอนใต้ของเมือง ซึ่งค่อนข้างห่างไกล โครงการนี้เป็นอาคารเก่า โคมไฟริมถนนหลายดวงเสียใช้งานไม่ได้ ทำให้หลังพลบค่ำถนนในบริเวณนี้มืดสนิท
เขาขับรถไปเรื่อย ๆ โดยไม่รีบร้อน เพราะสำหรับเขา บ้านเป็นเพียงสถานที่ไว้พักผ่อนเท่านั้น ไม่มีความรู้สึกผูกพันใด ๆ
ระหว่างที่ขับผ่านถนนมืดใกล้โครงการ เสิ่นเฟยเหลือบมองกระจกมองหลังและเห็นเงาดำบางเบาตามอยู่หลังรถ
เขาพยายามมองให้ชัดเจนขึ้น แต่ฝนที่ตกบดบังทัศนวิสัย อย่างไรก็ตาม เขาคาดเดาได้ว่ามันน่าจะเป็นสัตว์ตัวเล็ก ๆ
เสิ่นเฟยยิ้มเบา ๆ ในใจ
“ฝนตกติดกันหลายวัน แม้แต่แมวจรหรือหมาจรก็ไม่มีที่หลบฝนสินะ”
เขาไม่ใส่ใจ ขับรถต่อไปอย่างช้า ๆ แต่ในตอนนั้นเอง เงาดำก็พุ่งลงมาบนฝากระโปรงรถของเขา
เสิ่นเฟยสะดุ้งสุดตัว คิดว่าอาจชนอะไรเข้า รีบเหยียบเบรกและใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
เมื่อได้สติ เขากำลังจะลงจากรถ แต่ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นผ่านกระจกหน้ารถ มีดวงตาสีเขียวเรืองรองคู่หนึ่งจ้องมองตรงมา
บนฝากระโปรงรถมี แมวดำตัวใหญ่ นั่งสงบนิ่ง
มันนั่งตัวตรง ยกหางตั้งสูง ดวงตาสีเขียวที่เรืองแสงในความมืดทำให้รู้สึกขนลุกอย่างประหลาด
แม้เสิ่นเฟยจะเคยเจอคดีและเห็นศพมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่การเผชิญหน้ากับแมวดำที่น่าขนลุกตัวนี้ก็ทำให้เขารู้สึกหนาวเยือกไปทั้งร่าง
ในคืนฝนพรำ แมวดำตัวหนึ่งนั่งอยู่บนฝากระโปรงรถและจ้องมองเขาอย่างเย็นชา
เขาพยายามตั้งสติ สูดหายใจลึก ๆ หลายครั้งเพื่อสงบใจ แล้วลองเปิดที่ปัดน้ำฝน หวังจะไล่แมวออกไป
แต่แมวดำกลับไม่ขยับ ยังคงนั่งนิ่งและจ้องมองเขาต่อไป
ฝนพรำทำให้ขนของมันเปียกและแนบไปกับตัว ทำให้มันดูน่าเวทนา
เสิ่นเฟยเห็นว่าการปัดน้ำฝนไม่มีผล จึงลดกระจกลงแล้วโผล่ศีรษะออกมา ตะโกนเสียงดัง
“ไปซะ ไสหัวไป!”
เมี้ยว—
แมวดำร้องตอบ เผยให้เห็นฟันขาวแหลมคม
เสิ่นเฟยสะดุ้งถอยหลัง ก่อนจะตะโกนซ้ำอีกครั้ง
คราวนี้แมวดำร้องสองครั้ง แล้วกระโดดลงจากรถ วิ่งไปข้างหน้า แต่เมื่อวิ่งไปได้ราวสิบเมตร มันหันกลับมามองเขาและอ้าปากกว้าง
เสิ่นเฟยตัวสั่น เขารู้สึกเหมือนแมวตัวนั้นกำลัง ยิ้มเยาะเขา
มันเป็นรอยยิ้มที่เยือกเย็นและน่าขนลุก
เสิ่นเฟยส่ายหัวอย่างหัวเสีย พลางคิดในใจว่าแค่จะกลับบ้านก็ยังมาเจอเรื่องแบบนี้อีก
เมื่อกลับถึงบ้าน เขารีบอาบน้ำอุ่นและพยายามลืมเหตุการณ์กับแมวดำไป เขานั่งบนโซฟาและเปิดทีวีดูฟุตบอล ซึ่งเป็นกิจกรรมโปรดของเขา
ขณะดูการแข่งขัน เขาค่อย ๆ เคลิ้มหลับไป
ไม่รู้ว่านานแค่ไหน เขาถูกปลุกด้วยเสียง ข่วนกระจกหน้าต่าง
ในตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเสียงธรรมดา แต่เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ และถี่ขึ้น ทำให้เขาลุกขึ้นจากโซฟาอย่างหงุดหงิด
เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาพบกับดวงตาสีเขียวเรืองรองคู่เดิม
แมวดำตัวนั้นกำลังยกอุ้งเท้าข่วนกระจกหน้าต่าง
“บ้าเอ๊ย! แมวตัวนั้นอีกแล้ว!”
เสิ่นเฟยโกรธจัด รีบวิ่งไปที่หน้าต่างและทุบกระจก
“ไปให้พ้น ไอ้สัตว์!”
เมี้ยว...
แมวดำสะดุ้งถอยไป ก่อนจะหายไปในความมืด
เสิ่นเฟยถอนหายใจและสบถเบา ๆ เขารู้สึกหัวเสียที่โดนแมวตัวนี้รบกวนทั้งคืน
เพื่อป้องกันไม่ให้แมวกลับมาอีก เขาดึงผ้าม่านปิดหน้าต่าง และกลับไปนั่งดูบอลต่อ
เช้าวันรุ่งขึ้น เขารีบกินอาหารเช้าอย่างลวก ๆ และลงไปเอารถที่จอดไว้
เมื่อขับรถออกจากโครงการ เขาพบว่า แมวดำตัวนั้นนั่งอยู่กลางถนน กำลังเลียขนของมันอย่างสบายใจ
เมื่อเห็นรถของเขา แมวดำก็แค่หันมามอง โดยไม่มีทีท่าจะหลบไปไหน
เสิ่นเฟยส่ายหัวด้วยความหงุดหงิด และตัดสินใจขับรถพุ่งไปข้างหน้า
แมวดำกระโดดหลบไปที่พุ่มไม้ข้างทางอย่างรวดเร็ว
เสิ่นเฟยยิ้มอย่างพอใจ
“คิดจะแกล้งฉันเหรอ? ฉันนี่แหละจะทำให้แกกลัวจนหนีไป”
แต่ทันทีที่รถของเขาขับผ่านไป แมวดำก็ก้าวออกจากพุ่มไม้ ดวงตาที่เหมือนอัญมณีเรืองแสงของมันดูสงบนิ่งและลึกลับ
เมื่อเสิ่นเฟยมาถึงกรมตำรวจ เขาเจอโจวหลิงฟางที่ยิ้มให้เขา
“หัวหน้าเสิ่น เมื่อคืนกลับบ้านเร็วแบบนี้ คงได้นอนสบายเลยสินะ?”
เสิ่นเฟยถอนหายใจและยิ้มขมขื่น
“อย่าพูดถึงเลย ฉันถูกแมวบ้าตัวหนึ่งกวนทั้งคืน”
โจวหลิงฟางขมวดคิ้วอย่างสงสัย ก่อนจะพูดขึ้น
“อ้อ ใช่ค่ะ เช้านี้มีคนแจ้งว่าเจอศพสามศพที่เขาหนานหยุน เพื่อน ๆ รีบไปที่นั่นแล้วค่ะ”
เสิ่นเฟยพยักหน้า
“ได้ ฉันจะไปดูด้วย”
เมื่อเขาเดินไปที่ลานจอดรถ เขาก็ต้องชะงัก เพราะ แมวดำตัวนั้น ตามมาถึงที่นี่และนั่งอยู่บนฝากระโปรงรถของเขา
มันยังคงเลียขนของมันอย่างสบายใจ
เสิ่นเฟยเร่งฝีเท้าเข้าไปหวังจะไล่มัน แต่แมวดำกระโดดไปมาบนรถราวกับกำลังเล่นสนุกกับเขา
สุดท้ายเสิ่นเฟยทนไม่ไหว เขาเปิดประตูขึ้นรถและคิดว่า หากขับเร็วพอ ก็น่าจะสลัดแมวบ้าตัวนี้ได้