ตอนที่แล้วบทที่ 3 โดนสิงร่าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 5 ใบหน้าภูเขาน้ำแข็ง (1)

บทที่ 4 โดนสิงร่าง (2)


มู่ฉางถิงถอนหายใจลากยาว กล่าวโน้มน้าวว่า "ข้าไม่ได้จะไปไหนขอรับ มาเอาสิ่งของจากท่านไปไว้ติดตัวก็เท่านั้น"

หมิงลี่ไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด จึงติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิด

มู่ฉางถิงเอ่ยอย่างจนปัญญา "ก็ได้ ข้าจะบอกความจริง ข้าได้รับคำสั่งจากเจ้าสำนัก ให้ไปตามหาร่างของเจ้าสำนักคนก่อนขอรับ"

หมิงลี่ส่ายหน้า เม้มริมฝีปากแน่น "ไม่จริง อาจารย์ลุงจะไม่ส่งเจ้าลงเขาไปลำพัง เจ้ามีคำสั่งมาหรือไม่?"

มู่ฉางถิงเคาะศีรษะของเขาออย่างอดไม่ได้ ยิ้มเอ่ยว่า "เจ้าสมองทึบ! ถึงมีข้าก็ไม่ให้ท่านได้เห็นหรอก!"

หมิงลี่คลำหน้าผากอย่างตกใจ ทำไมถึงจู่ๆ ถึงรู้สึกว่าท่าทางของศิษย์น้อยคล้ายๆ อาจารย์...

สบโอกาสตอนหมิงลี่นิ่งอึ้ง มู่ฉางถิงก็วิ่งไปไกลอย่างรวดเร็ว

ร่อนกระบี่บินไปถึงผืนป่าอันตราย มู่ฉางถิงก็หยิบถุงผ้าแพรบรรจุทรายติดตามออกมาถือไว้ในมือ ท่องคาถาว่า "มีชีวิตจงติดตาม ตายไปจงตามติดวิญญาณ ไป!" ทรายเม็ดละเอียดสีทองกระจายออกมาจากในถุงผ้าแพร เป็นดั่งดาวดาววิบวับรวมกันเป็นลำธารทองไหลไปยังส่วนลึกของป่าอันมืดมิด

มู่ฉางถิงเก็บถุงผ้าแพรที่ไม่เหลือสิ่งใด ก่อนจะเดินตามทรายติดตามไปข้างใน

ผู้ใช้ทรายติดตามจำต้องมีความผูกพันลึกซึ้งกับผู้โดนติดตามมันถึงจะได้ผล ความผูกพัน สายเลือด วิญญาณหรือความรักจะโดนจำกัดด้วยเงื่อนไขวิธีใช้ ก่อนหน้านี้หมิงลี่ตามหาเขา ทรายติดตามถึงใช้การไม่ได้

มู่ฉางถิงคิดจะลองถึงได้หยิบมาใช้ ไม่นึกว่าจะได้ผล

ความรู้สึกยิ่งสับสนไปชั่วขณะ เหมือนว่าเรื่องที่กู้จือหลานโดนเขายึดร่างจะไม่ใช่ความบังเอิญจริงๆ

ทรายติดตามไหลไปถึงริมลำธาร จู่ๆ ก็ชนเข้ากับแสงสีทองและสลายหายไป

มู่ฉางถิงดึงกระบี่ยาวชี้ไปข้างหน้า ตะโกนว่า "ใครอยู่ตรงนั้น? ออกมาซะ!"

นิ้วมือขาวเนียนเรียวยาวของคนคนนั้นเด็ดดึงกิ่งไม้ที่บดบัง ค่อยๆ โน้มเอวเดินออกมาจากความมืดมิด

เขาสีหน้าซีดขาว เส้นผมสีดำเป็นดั่งน้ำตก ชุดผ้าแพรแดงดุจเปลวไฟเสริมให้คิ้วตาของเขายิ่งเย็นชางดงามเป็นพิเศษ ดวงตาสีทองอ่อนๆ ชำเลืองมองอย่างเฉยชา ยังมีท่าทางเย่อหยิ่งประหนึ่งหมิ่นมองใต้หล้า

มู่ฉางถิงก้าวถอยหลังอย่างอดไม่ได้ แม้แต่มือที่จับกระบี่ยังไม่มั่นคง

"ลูกศิษย์ของสำนักชิงซิน เจ้าใช้ทรายติดตามใคร?"

น้ำเสียงของสิงอวี้เซิงเป็นเช่นเดียวกับท่าทางของเขา เย็นชา ไร้ความรู้สึก น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาทีละถ้อยทีละคำราวลูกปัดหยกร่วงลงจาน ชัดแจ้งเยือกเย็น เรื่องความไพเราะแน่นอนว่าไพเราะ แต่กลับน่าสะพรึงเพราะท่าทางทรงพลังของเขา คนเกินกว่าครึ่งจึงไม่มีกะใจไปคิดให้ถี่ถ้วนว่าเสียงของเขาไพเราะเพียงใด

มู่ฉางถิงไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ภูเขาตรงข้ามลำธาร จู่ๆ ก็มีเสียงดังมา 'ซ่าซ่า'

มู่ฉางถิงเพิ่งเงยหน้าก็เห็นร่างของสิงอวี้เซิงโผไปตามที่มาของเสียงราวกับภูตผี

แม้ไม่อยากเผชิญหน้าเขาสักเท่าไร มู่ฉางถิงก็ต้องตามไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น

ทรายติดตามมาถึงที่นี่ก็ชนเข้ากับทรายติดตามของสิงอวี้เซิง นั่นพิสูจน์ได้ว่าร่างของเขาอยู่ไม่ไกลแล้ว เหมือนว่าสิงอวี้เซิงจะมาตามหา 'เขา' เช่นกัน...

ปีนขึ้นมาเนินเขาอย่างยากลำบาก สถานการณ์ตอนนี้กลับทำให้มู่ฉางถิงต้องอึ้ง

'มู่ฉางถิง' ที่โดนสิงร่างใช้สองมือขุดสุสาน ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งความรู้สึก แม้แต่สายตาก็ว่างเปล่าไร้แวว เป็นเช่นหุ่นกระบอกชักใยที่โดนใครบางคนควบคุม

สิงอวี้เซิงยืนมือไพล่หลังข้างๆ มองเขาขุดสุสานอย่างไม่ละสายตา

มู่ฉางถิงทนมองต่อไปไม่ได้ กำลังจะยื่นมือไปจับเขา ก็รู้สึกเจ็บข้อมือขึ้นมา

นิ้วมืออันเย็นเยียบของสิงอวี้เซิงเห็นเหมือนไม่ได้ออกแรงอะไร กลับจับเขาไว้แน่น เอ่ยอย่างเย็นชา "เจ้าจะทำอะไร?"

มู่ฉางถิงหันไปมองเขาอย่างเหลืออด ยิ้มเอ่ยว่า "ท่านจอมมารโปรดอภัย ข้าต้องรับผิดชอบพาอดีตเจ้าสำนักกลับสำนักชิงซิน"

กระทั่งตอนนี้สิงอวี้เซิงถึงจะมองตรงมายังเขา ขณะใบหน้าที่ปกติไร้อารมณ์กำลังมองใบหน้าของเขา จู่ๆ ก็เกิดอารมณ์แปรปรวน นิ้วมือกำแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว มู่ฉางถิงเจ็บปวดแต่เม้มริมฝีปากฝืนทนไว้

สิงอวี้เซิงถาม "เจ้าเป็นใคร?"

มู่ฉางถิงเจ็บเสียจนสั่นเทา "ศิษย์สำนักชิงซิน กู้จือหลาน!"

จนมุมอยู่สักพัก สิงอวี้เซิงก็ปล่อยเขาเงียบๆ แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปจับ 'มู่ฉางถิง' ที่กำลังตั้งใจขุดสุสาน

สีหน้าของเขาแทบจะนับได้ว่าอ่อนโยน เพียงเห็นเขาช่วยปัดดินโคลนที่เปื้อนมือของ 'มู่ฉางถิง' อย่างละเมียดละไมยิ่ง ท่าทางนั้นไม่เหมือนปฏิบัติต่อศิษย์พี่ใหญ่ คล้ายคนรักที่ช่วยเหลือกันมากกว่า

เพียงได้ยินเขาเอ่ยอย่างเฉยชา "กลับไปบอกฟู่ซีเฟิงเสีย คนเป็นของข้า หากเขายังมารบกวนเรา ก็อย่าหาว่าข้าไม่สนใจมิตรภาพร่วมสำนักในอดีต"

คนเป็นของข้า...

เป็นของข้า...

ในห้วงความคิดของมู่ฉางถิงเสียงดังวิ้งๆ ความสัมพันธ์ของเขากับสิงอวี้เซิงกลายเป็นเช่นนี้ไปตั้งแต่เมื่อไร?!

ในความทรงจำของมู่ฉางถิง ความสัมพันธ์ของเขากับศิษย์น้องทั้งสามที่ผ่านมาไม่นับว่าดี ตลอดมาคนหนึ่งอบอุ่นอีกคนเฉยชา ไม่ว่ากับใครสิงอวี้เซิงล้วนเย็นชานัก นิสัยยังชอบปลีกวิเวก เข้ากับใครก็ไม่ได้

กระทั่งสิงอวี้เซิงทิ้งวิถีเซียนกลายเป็นจอมมาร เขาก็ต้องดูแลสำนักชิงซิน สองคนเจอหน้ากัน มักจะคุยได้ไม่กี่ประโยคก็ต้องทะเลาะกัน

ในช่วงเวลาอันยาวนาน มู่ฉางถิงถึงขั้นเกลียดเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด