ตอนที่แล้วบทที่ 4 เหลียงเฉินผู้เชื่อฟัง (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 5 การเยี่ยมบ้านที่แสนวุ่นวาย (1)

บทที่ 4 เหลียงเฉินผู้เชื่อฟัง (2)


จัวเซ่าไม่ใช่พวกชอบสอดจมูกเข้าไปยุ่งเรื่องของชาวบ้าน แต่เมื่อคิดถึงชาติที่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเงินของเจ้าอ้วน เกรงว่าตนคงจะหิวตลอด เมื่อกี้ก็เพิ่งจะได้รับน่องไก่มาจากเจ้าอ้วนนี่อีก จึงกล่าวเพิ่มอีกประโยค “ดื่มเครื่องดื่มพวกนี้ไม่ดีต่อสุขภาพ”

“อ๊ะ” เจ้าอ้วนตัวน้อยรีบหมุนฝาเครื่องดื่มปิดทันที “งะ...งั้นฉันไม่ดื่มแล้ว”

จัวเซ่าเตรียมใจไว้แล้วว่าเจ้าอ้วนตัวน้อยคงไม่ฟังคำพูดของตน เจ้าอ้วนที่วัน ๆ เอาแต่ดื่มเครื่องดื่มพวกนี้แทนน้ำ เขาพูดแค่ประโยคเดียวก็เปลี่ยนเลยอย่างนั้นเหรอ?

ทว่า...เจ้าอ้วนนี่กลับหยุดดื่มจริง ๆ

จัวเซ่ามองไปที่เพื่อนร่วมโต๊ะของตนด้วยความตกตะลึง

เหลียงเฉินถูกจัวเซ่ามองเช่นนั้น จู่ ๆ ก็ทำอะไรไม่ถูก รีบร้อนกล่าวอีกประโยค “จาก...จากนี้ฉันจะไม่ดื่มแล้ว” ถ้าจัวเซ่าไม่ชอบที่เขาดื่มเครื่องดื่มพวกนั้น เขาก็จะไม่ดื่มแล้ว

“ไม่ต้องถึงขนาดนั้น แค่ดื่มให้น้อยหน่อยก็พอแล้ว ของว่างก็ต้องกินให้น้อยลงด้วย อ้วนแล้ว ของพวกนี้ไม่ดีต่อกระเพาะ” จัวเซ่ากล่าว หลังจากพูดจบเสียงของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

เหลียงซินชอบกินของว่างมาก โดยเฉพาะของว่างประเภทเนื้ออย่างปีกไก่ทอดและคอเป็ดทอด ตอนที่เขาติดตามเหลียงซิน เขารู้สึกว่านิสัยเหล่านี้น่ารักมาก ยังเคยแอบซื้อขนมใส่ในตู้สำนักงานของเหลียงซินอย่างลับ ๆ

แต่ต่อมา...

หลังตรวจเจอมะเร็งกระเพาะ เหลียงซินก็ไม่กินของว่างอีก แต่ถึงตอนนั้นก็ไม่ทันแล้ว

การแสดงออกของจัวเซ่าแปลกไปเล็กน้อย แต่เหลียงเฉินกลับไม่ได้สนใจ ในใจครุ่นคิดถึงแต่คำว่า ‘อ้วนแล้ว’

จัวเซ่ารู้สึกว่าเขาอ้วน น่าเกลียดมากเหรอ?

ต่อไปเขาต้องกินให้น้อยหน่อย...แต่ถ้าไม่กินพวกนี้ต้องกินอะไรล่ะ?

เหลียงเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย และในเวลานั้นเสียงกริ่งของโรงเรียนก็ดังขึ้น

คาบนี้เป็นคาบอุดมการณ์และการเมือง

ตอนที่พวกเขาอยู่ปีหนึ่ง โรงเรียนแจ้งว่าขาดอาจารย์สอนการเมือง ดังนั้นวิชาอุดมการณ์และการเมืองจึงจัดเป็นหลักสูตรอื่น ตอนปีสองเรียนวิชาการเมืองสัปดาห์ละสองคาบ แต่ก็ได้เรียนเพียงคาบเดียวเสมอ ตอนนี้เมื่ออยู่ปีสาม คาบเรียนวิชาการเมืองจึงได้เริ่มขึ้นแล้ว

ถึงอย่างไร...การสอบเข้าม.ปลายก็ยังต้องสอบอยู่

เนื่องจากบทเรียนวิชานี้จำเป็นต้องท่องจำเยอะ ๆ เท่านั้นถึงจะสอบผ่านแน่นอน ดังนั้นทางโรงเรียนจึงหวังให้นักเรียนปีสามเรียนเนื้อหาของทั้งสามปีพร้อมกัน

อาจารย์วิชาการเมืองไม่ได้เน้นที่จุดไหนเป็นสำคัญ เขาได้คัดเนื้อหาที่จะออกสอบไว้แล้วและพิมพ์ออกมาให้นักเรียนแต่ละคน ตอนนี้ก็ให้พวกเขาเอาขึ้นมาอ่าน จากนั้นก็พูดคุยกับพวกเขา

จัวเซ่าฟังอย่างตั้งใจ ฟังไปด้วยท่องไปด้วย แต่เหลียงเฉินที่นั่งข้าง ๆ เขากลับใจไม่อยู่กับตัว

เหลียงเฉินเปิดกล่องเครื่องเขียนของตนแล้วปรับองศา

มีกระจกอยู่ที่ด้านหลังกล่องเครื่องเขียนของเขา หลังจากปรับมุมเขาก็สามารถมองเห็นจัวเซ่าในกระจกได้แล้ว

จัวเซ่าดูดีจริง ๆ...

เหลียงเฉินมองอย่างมีความสุขอยู่หลายครั้ง คิดถึงสิ่งที่จัวเซ่าพูดกับตนวันนี้แล้วมีความสุขอยู่ครู่หนึ่ง

วันนี้เขามีความสุขมากจริง ๆ

จัวเซ่าตั้งใจฟังในคาบเรียนตลอด ไม่ได้สังเกตเห็นความลึกลับบนกล่องเครื่องเขียนที่โต๊ะเดียวกัน

คาบแรกในช่วงบ่ายเป็นวิชาการเมือง คาบที่สองเป็นวิชาศิลปะ เนื่องจากอาจารย์ศิลปะ ‘มีธุระ’ และไม่ได้อยู่ในชั้นเรียน จึงไม่น่าแปลกเลยที่คาบนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นการศึกษาด้วยตนเอง

เด็กสาวผมหางม้าที่ออกมานำอ่านภาษาอังกฤษเมื่อเช้ามานั่งลงที่โพเดียมอีกครั้งพร้อมกับหนังสือการบ้าน ควบคุมทุกคนให้เรียนด้วยตนเอง

จัวเซ่าในตอนนี้ยังต้องเรียนด้วยตนเองมาก ๆ เขาหยิบหนังสือเรียนออกมาดู นั่งทำโจทย์ที่อาจารย์มอบหมายให้เมื่อเช้า

โจทย์...ยากมาก

ในชีวิตที่แล้วคะแนนของเขาลดลงในช่วงนี้ แต่วิชาหลัก ๆ ที่คะแนนตกคือวิชาภาษาอังกฤษและภาษาจีน วิชาคณิตศาสตร์คะแนนยังคงดีมาก ถึงอย่างไรเขาก็ฉลาดมาก

แต่ตอนนี้...คณิตศาสตร์พวกนี้เขาทำไม่ได้สักนิด

จัวเซ่าทำไม่ได้ แต่เจ้าอ้วนตัวน้อยเพื่อนร่วมโต๊ะของเขาทำเร็วมาก

“ขอยืมการบ้านวิชาคณิตของนายหน่อยสิ” จัวเซ่ากล่าว

เหลียงเฉินมองไปที่จัวเซ่าด้วยความประหลาดใจ จัวเซ่า...ยืมสมุดการบ้านจากเขาจริงเหรอ?!

จัวเซ่าจะเอาสมุดการบ้านของเขาไปทำอะไรกัน? เหลียงเฉินประหลาดใจมาก แต่เขาก็เอาสมุดการบ้านของตนให้จัวเซ่าทันที ก่อนจะมานึกเสียใจภายหลัง

ลายมือของเขาหวัดมาก...ถ้ารู้เร็วกว่านี้ว่าจัวเซ่าจะดูสมุดการบ้านของเขา เขาต้องเขียนให้ดีกว่านี้แน่

จัวเซ่าก็รู้สึกว่าลายมือของเจ้าอ้วนตัวน้อยหวัดมาก แถมยังอ่านยากเหมือนไก่เขี่ย

เขาฝึกคัดลายมือมาตั้งแต่เด็กและเขียนออกมาได้ดี ลายมือของเหลียงซินก็สวยมากเช่นกัน...

จัวเซ่าลอกการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ด้วยความกระฉับกระเฉงและรวดเร็ว จากนั้นจึงขอยืมการบ้านภาษาจีนมาลอกต่อ

เหลียงเฉินตะลึงงัน

เขายังทำการบ้านภาษาอังกฤษไม่เสร็จ เมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบปั่นการบ้านอย่างสุดกำลัง

เขาเขียนการบ้านอย่างระมัดระวัง ทุกตัวอักษรเขียนออกมาอย่างสวยงาม ทว่าเมื่อเลิกเรียนจัวเซ่ากลับไม่ได้ขอยืมการบ้านภาษาอังกฤษของเขา...

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด