บทที่ 4 เหลียงเฉินผู้เชื่อฟัง (1)
จัวถิงตะลึงงัน
พี่ชายของเธอกำลังทำอะไรอยู่?!
“ถิงถิง ห้ามบอกป้าสะใภ้นะ เข้าใจไหม?” จัวเซ่าแสดงรอยยิ้มอ่อนโยนให้น้องสาวของเขา
จัวถิงพยักหน้าหงึก ๆ และพูดขึ้นว่า “พี่ชาย พี่ยิ้มแบบนี้แล้วดูดีจังเลย”
“จริงเหรอ? งั้นต่อไปพี่จะยิ้มบ่อย ๆ นะ” จัวเซ่ายิ้มตอบ ชาติก่อนตอนเขาอายุเท่านี้ การแสดงออกทางสีหน้าของเขามักเย็นชาและเฉยเมยราวกับว่ามีใครบางคนติดหนี้เขาอยู่ แต่จากนี้เขาจะยิ้มให้มากขึ้นอีก
จัวเซ่ากินอาหาร ล้างจานเรียบร้อย จากนั้นก็ส่งจัวถิงไปเรียน
โรงเรียนประถมของจัวถิงอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมัธยมต้นของจัวเซ่าเท่าไรนัก แต่ทางที่ไปได้นั้นต้องเดินอ้อมสักหน่อย จัวเซ่าถามจัวถิงสองสามประโยคเกี่ยวกับเรื่องราวในชีวิตของเธอ จัวถิงตอบอย่างว่าง่าย
เธอยังคงร่าเริง คำตอบทุกอย่างก็ดูปกติดี แสดงว่ายังไม่ได้ถูกทำร้าย จัวเซ่าถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที
แต่ถึงจะถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาก็ยังต้องหาวิธีพาจัวถิงออกจากบ้านของลุงโดยเร็วที่สุด
เขาและจัวถิงมีบ้านจากเมื่อหลายปีก่อน พ่อแม่ของเขาใช้เงินห้าหมื่นหยวนเพื่อสร้างบ้านสองชั้นที่สวยงามในชนบท เพียงแต่ตอนนี้บ้านอยู่ในมือของลุง ทั้งยังถูกเช่าไปแล้ว ถ้าเขาต้องการจะย้ายไปที่นั่นก็จำเป็นต้องทำให้ครอบครัวของลุงเสียหน้า และยังต้องมีเงินถึงจะสามารถเปิดฉากได้ด้วยตนเอง
นี่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ภายในหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ตอนนี้...เขาต้องไปเรียน
จัวเซ่าไปเรียนสาย
อาจารย์หยาง อาจารย์ที่ปรึกษายืนอยู่บนโพเดียมเรียบร้อยแล้ว เมื่ออาจารย์หยางเห็นจัวเซ่าตะโกนรายงานอยู่ที่หน้าประตูก็ขมวดคิ้วเข้าหากันทันที จากนั้นก็ยืนขึ้น “จัวเซ่า ออกไปข้างนอกกับครู”
จัวเซ่าตามอาจารย์หยางไปที่ทางเดิน
“จัวเซ่า ช่วงนี้เธอมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” อาจารย์หยางขมวดคิ้วและเอ่ยถามอีกครั้ง “เธอไม่ใช้สมองฉลาด ๆ ของเธอ ไม่ตั้งใจเรียน การบ้านก็ไม่ทำ...เธออยากเล่นเกมงั้นเหรอ?”
“เปล่าครับ” ในชาติก่อนก็เคยมีบทสนทนาที่คล้าย ๆ แบบนี้ ในเวลานั้นจัวเซ่าก็ปฏิเสธทันทีเช่นกัน แต่การถูกสงสัยยังทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
“ตอนนี้เธออยู่ปีสามแล้ว ควรคิดถึงแต่เรื่องการเรียน นักเรียนในชั้นเรียนต่างไม่กลับบ้านเพื่อทานอาหารกลางวันตอนนี้ กลับบ้านไปทานข้าวก็ไม่เป็นไร แต่มาโรงเรียนสายทุกวัน ไม่ใช่แค่เสียเวลาอาหารกลางวัน แต่จะรบกวนการเรียนของเพื่อน ๆ ด้วย!” อาจารย์หยางเข้มงวดเล็กน้อย "บอกพ่อแม่ของเธอว่าต่อไปเธอจะกินข้าวที่โรงเรียน และอย่าออกไปตอนกลางวันอีก!"
“อาจารย์หยาง ผมไม่มีเงินกินข้าวที่โรงเรียน” จัวเซ่าตอบ
อันที่จริงเพื่อไม่ให้เสียเวลาในการเรียนปีสาม นักเรียนส่วนใหญ่ในชั้นเรียนของเขาจะกินอาหารทุกมื้อที่โรงเรียน
โรงเรียนมัธยมต้นเป่ยเหมินเป็นโรงเรียนมัธยมต้นที่ดีที่สุดในอำเภอ อาหารอร่อยมาก อาหารแต่ละมื้อแบ่งเป็นเนื้อหนึ่งอย่าง ผักหนึ่งอย่าง อาหารประเภทเนื้อมักจะเป็นสะโพกไก่ ซี่โครงหมู และหมูตุ๋น พ่อแม่จึงยอมจ่ายเงินให้ลูกกินข้าวที่โรงเรียน
แต่เขามีเงินที่ไหนกัน?
“ขอโทษครับอาจารย์หยาง วันนี้ตอนกลางวันต้องไปซักผ้าล้างจาน ผมเลยมาสาย พรุ่งนี้ผม…ผมจะตื่นให้เช้าขึ้นมาซักผ้าล้างจานก่อนมาโรงเรียนครับ” จัวเซ่าตอบ ที่จริงแล้ววันนี้เขาไม่ได้ซักผ้า แต่เมื่อก่อนก็เคยถูกขอให้ซักผ้าตอนเที่ยงจริง ๆ
“ซักผ้า ล้างจาน?” อาจารย์หยางมองจัวเซ่าด้วยความประหลาดใจ ตอนนี้หลายครอบครัวล้วนมีลูกคนเดียว พ่อแม่หลายคนที่เขารู้จักแทบอดใจไม่ไหวที่จะป้อนอาหารเข้าปากลูก...คาดไม่ถึงว่าจัวเซ่าจะต้องซักผ้าล้างจานด้วย?
เขาสอนชั้นเรียนนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ เริ่มเข้าเรียน เคยเจอพ่อแม่ของจัวเซ่ามาก่อน พวกเขาดูแล้วไม่น่าจะใช่คนแบบนั้น
จัวเซ่าก้มศีรษะไม่ได้เอ่ยสิ่งใด
“พ่อแม่ให้เธอทำงานบ้านงั้นเหรอ?” ตอนนี้เขาเรียนอยู่มัธยมต้นปีที่ 3 สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเรียน...
“อาจารย์หยาง พ่อแม่ผมเสียไปตั้งแต่ปีที่แล้ว” จัวเซ่าก้มศีรษะลงและเอ่ยตอบไป น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาสั่นเครือเล็กน้อย
ในชาติก่อนเขาไม่ต้องการให้ใครมาเห็นใจ ไม่ยอมให้เพื่อน ๆ รู้ว่าตนเองกำลังทุกข์มากแค่ไหน กินไม่เคยอิ่มแค่ไหน ไม่แสดงออกมาเลยแม้แต่น้อย แต่ความจริงนั่นเป็นความคิดที่โง่มาก
อาจารย์หยางรู้สึกมาตลอดว่าคะแนนของจัวเซ่าลดลง มาสายตลอด การบ้านก็ทำไม่เรียบร้อย แต่คิดว่าเป็นเพราะเขาติดเกมหรือมีความรักวัยเรียน ไม่คิดว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้จึงอดที่จะตะลึงไม่ได้ “พ่อแม่ของเธอ...งั้นตอนนี้เธออาศัยอยู่กับใคร?”
“ผมอาศัยอยู่กับลุงกับป้าสะใภ้ครับ” จัวเซ่าตอบ
“ที่อยู่อยู่ที่ไหน? อาจารย์จะไปเยี่ยมบ้านคืนนี้” อาจารย์หยางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมองไปที่จัวเซ่าอีกครั้ง ตอนนี้เองที่เขาพบว่าเด็กคนนี้ผอมลงมาก ผมก็ยาวเกินไปไม่ได้ตัด เหงื่อยังคงไหล เดาว่าคงวิ่งมาโรงเรียน
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าที่จัวเซ่าไม่ตัดผม มาสาย และอื่น ๆ เป็นเพราะอยู่ในวัยต่อต้าน เป็นเพราะเล่นเกมอยู่ข้างนอก แต่มาคิดดูตอนนี้...ไม่มีใครสนใจเขาเลยงั้นเหรอ?
จัวเซ่าบอกที่อยู่แล้ว อาจารย์หยางก็ให้เขากลับห้องเรียนไป
จัวเซ่าก้มศีรษะ เดินกลับมายังห้องเรียน ในเวลานี้เลยช่วงพักเที่ยงที่เขากำหนดเอาไว้แล้ว ภายในห้องเรียนก็ไม่ได้เงียบเท่าก่อนหน้า ทุกคนดื่มน้ำและเข้าห้องน้ำเรียบร้อย ต่างกำลังรอเรียนคาบแรก
จัวเซ่าเดินเข้ามาในห้องเรียน รู้สึกว่ามีนักเรียนหลายคนกระซิบกระซาบเกี่ยวกับตนเอง แต่เขาไม่ได้สนใจนัก เพียงนั่งลงเงียบ ๆ ที่ที่นั่งของตน
“จะ...จัวเซ่า อาจารย์เขา...เขาว่าอะไรนายไหม?” เจ้าอ้วนตัวน้อยโต๊ะข้าง ๆ มองมายังจัวเซ่าด้วยความกังวล พูดตะกุกตะกัก
“ไม่เป็นไร” จัวเซ่าหันไปยิ้มให้กับเจ้าอ้วนตัวน้อย
เขาประทับใจเจ้าอ้วนตัวน้อยคนนี้มาก หลังจากคอยรับใช้จัวเซ่าในตอนเช้า จัวเซ่าก็มีความคิดที่จะรับเขาเป็นน้องชาย และเขาเชื่อว่าคนคนนี้จะไม่ปฏิเสธ
เจ้าอ้วนตัวน้อยแก้มแดงระเรื่อเมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของจัวเซ่า รีบหันหน้าหนีหลบสายตาทันที ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็หยิบถุงน่องไก่ออกมาจากกระเป๋ายื่นให้จัวเซ่า “นะ...นายกินไหม?”
เมื่อตอนเที่ยงจัวเซ่ากินเนื้อเข้าไปเยอะมาก แต่ไม่อิ่มเลยสักนิด เขาคิดแล้วคิดอีกก็รับน่องไก่มา
เขาประทับใจน่องไก่ยี่ห้อนี่มาก จำได้ว่าเมื่อชาติก่อนเจ้าอ้วนตัวน้อยมักจะกินสิ่งนี้เสมอ จัวเซ่ามักจะจ้องตาเป็นมัน จากนั้นก็มองเจ้าอ้วนนี้แล้วรู้สึกขัดหูขัดตาตลอด...
เมื่อเห็นว่าจัวเซ่ารับน่องไก่ เจ้าอ้วนตัวน้อยดีใจมาก จากนั้นก็หยิบเครื่องดื่มออกมาอีกขวดแล้วถามออกไปด้วยใบหน้าเปี่ยมความหวัง “นะ...นายดื่มน้ำผลไม้ไหม? อืม อันนี้อร่อยมากนะ”
“ไม่ล่ะ” จัวเซ่าเอ่ยปฏิเสธน้ำผลไม้
เจ้าอ้วนตัวน้อยเปิดขวดน้ำผลไม้ด้วยความหดหู่ วางแผนจะดื่มเอง
คิ้วของจัวเซ่าขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นท่าทางหดหู่ของเจ้าอ้วนตัวน้อย
นิสัยการกินของเจ้าอ้วนตัวน้อยไม่ดีเลยจริง ๆ ไม่ใช่ของว่างก็เป็นเครื่องดื่มหวาน ๆ แบบนี้ไม่ดีต่อร่างกายเลยสักนิด