ตอนที่แล้วบทที่ 2 โดนบังคับเข้า 'ยึดร่าง' (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 โดนสิงร่าง (2)

บทที่ 3 โดนสิงร่าง


นิ้วมือของฟู่ซีเฟิงไล้ไปตามฝ่ามือของมู่ฉางถิงเบาๆ บรรยากาศทั้งคลุมเครือและกระอักกระอ่วน

"ขอบคุณท่านเจ้าสำนักที่รักษาแผลให้ศิษย์ขอรับ" มู่ฉางถิงรีบดึงมือกลับมา อาศัยผ้าห่มปกปิดท่าทางไม่ปกติ "ก่อนหน้านี้ศิษย์ชะล่าใจไป ด้วยคุณสมบัติของศิษย์ ไม่กล้าขอให้ท่านเจ้าสำนักมาเป็นอาจารย์จริงๆ ขอรับ"

ฟู่ซีเฟิงมองเขาเนิ่นนานไม่พูดไม่จา มู่ฉางถิงหลบสายตา ในใจเต้นรัว

กู้จือหลานนิสัยใจคอเช่นไร มู่ฉางถิงก็พอจะเดาได้ บอกว่าหยิ่งยโสเอาแต่ใจก็ยังน้อยไป ด้วยนิสัยขี้ระแวงของฟู่ซีเฟิง จะต้องสงสัยแน่ๆ แต่ยามนี้เป็นขวดเก่าใส่เหล้าใหม่ นิสัยใจคอสองคนต่างกันมากเพียงนี้ จะให้เขาเลียนแบบท่าทางของกู้จือหลาน กลับเป็นไปไม่ได้แน่นอน

ฟู่ซีเฟิงเหมือนจะมองออกถึงท่าทางกระวนกระวายของเขา จึงพยักหน้าและยิ้มเอ่ยว่า "ออกไปฝึกฝนวิชา ผ่านสถานการณ์ความเป็นความตาย ถึงรู้ความมากขึ้นสินะ" เขาเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเอ่ยอย่างไม่ได้ใส่ใจ "พรุ่งนี้ไปหาข้าที่ห้องเย็น มือของเจ้าโดนลวกสาหัสนัก จำต้องแช่น้ำแข็งพันปีก่อนค่อยใส่ยา"

เขาไม่ถามสักคำว่าทำไมมู่ฉางถิงถึงปิดบังอะไรไว้ เพียงสนใจเรื่องที่ท่านอาจารย์หมอรักษาขาแต่ไม่รักษามือ

มู่ฉางถิงสีหน้าไม่ไหวติง เอ่ยด้วยความเคารพ "ขอรับ ขอบคุณท่านเจ้าสำนักมาก"

ฟู่ซีเฟิงมองลึกไปยังเด็กหนุ่มที่ก้มหน้ามาตลอด พร้อมขานรับว่า 'อืม' อย่างเย็นชา แล้วหันกลับออกไป

มู่ฉางถิงนอนเปื่อยบนเตียง คุยกับฟู่ซีเฟิงนี่เหนื่อยจริงๆ! โชคดีเขาไม่ได้มีลับลมคมในอะไร ไม่เช่นนั้นโดนฟู่ซีเฟิงกลั่นแกล้งเสียจนตายไปเช่นไรคงไม่รู้เรื่อง เจ้าหน้าเนื้อใจเสือ!

แม้เรื่อง 'ยึดร่าง' จะมีมานานแล้ว แต่สำนักเซียนดั้งเดิมก็รังเกียจ

เดิมทีคนตายวิญญาณสูญสลายเป็นไปตามบัญชาสวรรค์ มีเพียงปุถุชนคนธรรมดาผู้ไม่รู้ความถึงไม่อาจละซึ่งกิเลส กลายเป็นวิญญาณร้ายเข้าสิงคนเป็นสร้างความเดือดร้อน เขาเป็นถึงเจ้าสำนักชิงซินผู้สง่างาม ถ้าคนอื่นรู้ว่าเขาไม่เพียง 'ยึดร่าง' ยังโดนบังคับให้ 'ยึดร่าง' หน้าตาของสำนักชิงซินจะยิ่งเสียหาย! ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าศิษย์น้องคนนี้ปกติก็เกลียดชังวิถีมารเป็นที่สุด ไม่ว่าอย่างไรมู่ฉางถิงจะไม่บอกตัวตนแท้จริงของตนเอง

มู่ฉางถิงส่ายหน้ายิ้มขมขื่นใจ ไปล้างหน้าดีกว่า จะคิดมากเพียงนั้นทำไม

คิดได้แล้ว มู่ฉางถิงก็ลุกขึ้นตักน้ำสะอาดมาล้างหน้า น้ำยังอุ่นๆ ช่างสบายเหลือเกิน

หยิบผ้าฝ้ายสะอาดมาเช็ดหยดน้ำตามใบหน้า ท่าทางของมู่ฉางถิงกลับเชื่องช้า

ในอ่างน้ำใสสะอาดสะท้อนใบหน้าอันงดงามของเด็กหนุ่ม คิ้วดำดั่งผงเขียนคิ้ว ดวงตาดุจหยดน้ำ ประณีตไปเสียหมด จินตนาการได้ไม่ยากว่าสองสามปีมานี้ เด็กหนุ่มเติบโตมาเช่นไร มู่ฉางถิงกะพริบตาแล้ว กะพริบตาอีก

นี่เป็นครั้งแรกที่มู่ฉางถิงได้พิจารณาอย่างละเอียดว่าเจ้าเด็กโชคร้ายคนนี้หน้าตาเป็นเช่นไร ว้าว! หน้าตาไม่เลวเลย!

ทว่าดวงตาคู่นี้ มองอย่างไรก็คุ้นๆ ตา...

มู่ฉางถิงยกยิ้มให้ใบหน้าในน้ำ ดวงตางดงามของเด็กหนุ่มค่อยๆ โค้งขึ้นเป็นเหมือนจันทร์เสี้ยว

"..." รอยยิ้มของมู่ฉางถิงแข็งทื่อ คุ้นๆ หรือ? คุ้นแน่นอน!

ใบหน้านี้ใกล้เคียงเขาสมัยหนุ่มๆ โดยเฉพาะดวงตาคู่นี้ ยิ้มขึ้นมาก็ยิ่งเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว!

เพียงแต่มู่ฉางถิงไม่ได้หน้าตาออกสาวเพียงนี้ โครงหน้าของเขาจะกำยำกว่าหน่อย

ถ้าบอกว่าการ 'ยึดร่าง' ของเขาเป็นอุบัติเหตุ ถึงเป็นผีก็ไม่เชื่อหรอก!

ห้องเย็นจะอยู่ด้านเหนือสุดของวังโส่วหยาง เป็นสถานที่เก็บตัวฝึกตนของพวกบรรพบุรุษ

เรียกว่าห้องเย็น จริงๆ คือถ้ำน้ำแข็งที่แกะสลักสร้างมาจากน้ำแข็งพันปี ได้ฝึกวิชาในนั้นจะยิ่งรุดหน้าขึ้นทุกวัน ฟู่ซีเฟิงเรียกกู้จือหลานมารักษาตัวถึงที่นี่ได้ เห็นได้ว่าความรักและโปรดปรานต่อเขานั้นลึกซึ้งเพียงใด

มู่ฉางถิงเดินตามศิษย์วังโส่วหยางมาถึงด้านนอกห้องเย็น คารวะพลางเอ่ยด้วยความเคารพ "ขอบคุณศิษย์พี่ที่นำทางขอรับ"

เขาอาจจะเข้าออกวังโส่วหยางบ่อยๆ ตั้งแต่ต้นจนจบศิษย์คนนี้ถึงได้สงบนิ่ง ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า กล่าวว่า "ท่านเจ้าสำนักคอยอยู่ข้างในนานแล้ว รีบเข้าไปเถอะ"

มู่ฉางถิงเข้าไปอย่างรู้ทาง ในห้องเย็นกลับว่างเปล่าไม่มีใคร

เพราะวรยุทธ์ต่ำ ยามนี้มู่ฉางถิงจึงเฝ้ารอตัวสั่นงันงงในถ้ำน้ำแข็ง พ่นลมหายใจถูๆ มือ ก่อนจะตะโกนเสียงดังอย่างหยั่งเชิง "ท่านเจ้าสำนัก? ศิษย์มาแล้วขอรับ"

"..." ไม่มีใครตอบ

ตรงกลางห้องเย็นวางโลงน้ำแข็งขนาดใหญ่ไว้ มู่ฉางถิงอยากรู้อยากเห็นแทบขาดใจ

เขาเดินเข้าไปผลักเปิดฝาโลง เขย่งปลายเท้ามองไปในโลงน้ำแข็ง เพียงเห็นกระบี่เล่มหนึ่งวางไว้ในโลงน้ำแข็ง เล่มสีขาวล้วน ลูกแก้วทองคำขาวตรงพู่ห้อยกระบี่ยิ่งสะท้อนแสงแวววาว

เบื้องหน้าของมู่ฉางถิงสว่างไสว ดาบฉางเซิงของข้า!

ด้านล่างของโลงลึกมาก เขาพอจะยื่นมือไปได้ ใครจะรู้ว่ามือเพิ่งแตะ จู่ๆ กระบี่ฉางเซิงก็ส่งเสียง คล้ายจะรับรู้ถึงกลิ่นอายของเจ้านาย

เสียงฝีเท้าดังมาไม่ไกล มู่ฉางถิงหัวใจเต้นแรง รีบให้สัญญาณมันเงียบเสียง "ชู่!"

กระบี่ฉางเซิงเชื่อฟังและเงียบเสียงทันควัน

เมื่อฟู่ซีเฟิงเข้ามา เด็กหนุ่มก็กำลังจับโลงน้ำแข็ง ส่งยิ้มให้เขา "ท่านเจ้าสำนัก ทำไมที่นี่ถึงมีโลงน้ำแข็งขอรับ?"

ฟู่ซีเฟิงเห็นรอยยิ้มของเขาก็ตกใจไปพักหนึ่ง เดินเข้ามายื่นยาทาให้เขา บอกว่า "นี่เป็นโลงน้ำแข็งของเจ้าสำนักคนก่อน ทำไม? ลงภูเขาไปรอบเดียว แม้แต่เหตุผลที่ต้องลงไปก็จำไม่ได้หรือ?"

มู่ฉางถิงเกาศีรษะ เอ่ยอย่างเขินอาย "สัตว์ประหลาดนั่นทำให้ข้าตกใจมากจริงๆ เรื่องตั้งมากมายก็... ก็จำไม่ค่อยได้แล้วจริงๆ..."

ฟู่ซีเฟิงมองสีหน้าท่าทางของเขาอย่างละเอียด ผ่านไปสักพักก็พยักหน้าเอ่ยว่า "อืม ข้าก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น"

"..." เขาเอ่ยเช่นนี้ มู่ฉางถิงไม่อาจล่วงรู้ความคิดของเขาได้ แค่นี้ก็เชื่อแล้วหรือ?

ฟู่ซีเฟิงสั่งให้มู่ฉางถิงวางมือไว้บนน้ำแข็งพันปี พลางเล่าว่า "ร่างไร้วิญญาณของเจ้าสำนักคนก่อนโดนกักขังไว้ในส่วนลึกของแดนปีศาจ สองสามวันก่อนข้าใช้วิธีบางอย่าง ในที่สุดก็ชิงกลับมาได้ ไม่นึกว่าจู่ๆ จะเกิดแปรปรวน โลงน้ำแข็งของเจ้าสำนักคนก่อนวางไว้ในห้องเย็นไม่ถึงหนึ่งวัน ร่างไร้วิญญาณของเขาก็หายไป"

ฟู่ซีเฟิงมองเขาแวบหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างเนิบๆ "มีลูกศิษย์เห็นเจ้าสำนักคนก่อนเคลื่อนไหวอยู่ภูเขาด้านหลัง แต่สายตาเหม่อลอยไม่เหมือนคนเป็น ข้าตามรอยไปกลับไม่เจอใคร ถึงได้ส่งพวกเจ้าลงเขาไปค้นหาด้วยกัน จำได้หรือยัง?"

มู่ฉางถิงมือสั่นเทา ฟู่ซีเฟิงพูดจากำกวม แต่ชัดเจนว่ากำลังบอกว่าร่างไร้วิญญาณของเขาโดนสิงร่างเสียแล้ว!

มิน่าในโลงน้ำแข็งถึงไม่มีศพ มีเพียงกระบี่ฉางเซิง

มู่ฉางถิงเดินออกมาจากห้องเย็น สีหน้าคร่ำเครียด คิ้วขมวดเสียจนจับยุงได้

เขาเร่งฝีเท้าเดินกลับไปวังชิงเหอ ก็เจอหมิงลี่ที่กำลังจะออกไปพอดี มู่ฉางถิงขอกระบี่เล่มใหม่จากหมิงลี่ และยังใช้อัธยาศัยดีของตนเองปล้นสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ จำพวกยันต์หรือทรายติดตามไปอย่างหน้าด้านๆ

หมิงลี่ดึงเขาไว้ไม่ปล่อย เอ่ยถามด้วยความกังวล "ศิษย์น้อง เจ้าจะไปไหน?"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด