ตอนที่แล้วบทที่ 2 พวกเขากลับมาแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 อุบัติเหตุ

บทที่ 3 พบกันครั้งแรก


เมื่อจบประโยคนั้นทั้งคู่ยังคงตกอยู่ในความเงียบ แม้ซูหนานจะอยู่เมือง X ที่ห่างจากที่นี่ออกไปไกล แต่เพราะความเงียบทำให้ทั้งคู่สัมผัสได้ถึงลมหายใจหนักหน่วง ซีเซี่ยเย่พยายามจะสะกดกลั้นอารมณ์ความเศร้าหมองของตัวเองไว้ด้วยความเงียบงัน

จู่ๆ ซูหนานก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาที่บอกข่าวนี้ แต่มันเป็นสิ่งที่เธอต้องเผชิญ

“เซี่ยเย่... เธอเป็นอะไรไหม?”

น้ำเสียงกังวลของซูหนานที่แสดงถึงความเสียใจต่อเธอก็ดังขึ้นมาจากปลายสาย “ฉันขอโทษ... ฉันไม่น่าบอกเรื่องนี้เลย แต่ถ้ารอพวกเขาปรากฏตัวต่อหน้าและส่งยิ้มให้เธอ จะยิ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดและเศร้าขึ้นไปอีก เพราะอย่างนั้นถึงคิดว่าบอกไปตอนนี้เลยดีกว่า”

เธอนิ่งเงียบไปพักหนึ่งถึงจะปิดหนังสือในมือ จากนั้นก็ค่อยๆ หลับตาลงอย่างช้าๆ เมื่อลืมตาขึ้นมาแววตาของเธอส่องประกายความเฉยเมย ก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “อืม เข้าใจแล้ว ขอบคุณนะ ซูหนาน”

ซูหนานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแสดงความเห็นอกเห็นใจและทนทุกข์ไปพร้อมเธอ “เซี่ยเย่ เธอโอเคหรือเปล่า? อย่าเศร้าไปเลยนะ... คนแบบนั้นไม่คู่ควรหรอก...”

ซีเซี่ยเย่ก้มหน้าลงจ้องมองถ้วยชาตรงระหว่างนิ้วของเธอ พูดออกไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้งและลำบากมาก “ฉันโอเค ทำไมเธอไม่พักก่อนล่ะ? เดี๋ยวฉันจะไปรับตอนเย็น”

ซูหนานไม่ทันได้ตอบอะไรกลับมา เธอก็กดวางสายไปเสียก่อน

สามปี มันผ่านมาสามปีแล้ว!

ซีเซี่ยเย่รู้สึกว่าอุณหภูมิปลายนิ้วของเธอค่อยๆ จางหายไป สุดท้ายถึงแปรเปลี่ยนเป็นความหนาวเย็น จู่ๆ ใบหน้าของเธอก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง

ปรากฏว่าความสัมพันธ์ที่เธอคิดว่ามั่นคง หลังจากผ่านช่วงขึ้นๆ ลงๆ ในทะเลแห่งห่วงกาลเวลา สุดท้ายก็จางหายไป คงเป็นเช่นชาถ้วยนี้ ความอบอุ่นทั้งหมดค่อยๆ จางหายไปและเปลี่ยนเป็นความหนาวเย็น

ให้โอกาสตัวเองได้เป็นอิสระเถอะ ซีเซี่ยเย่ เธอไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว!

เธอนั่งตรงนั้นเงียบๆ นานสองนานโดยไม่รู้ตัว นานมากจนรู้สึกเหมือนว่าชีวิตผ่านไปเป็นสิบปี แต่ยังไม่ทันได้สติกลับมาก็เงยหน้าขึ้นอย่างขมขื่น แล้วจิบชาเย็นๆ เข้าไป

ขณะน้ำชาหมุนวนเข้าปาก รสชาติขมและความเย็นของมันส่งผ่านมาถึงหน้าอกของเธออย่างรวดเร็ว หนาวมากจนทำให้ร่างกายรู้สึกแข็งทื่อไปหมด ราวกับว่าความเย็นมันเสียดแทงหน้าอกของเธอออกมา

สิ่งที่ดึงเธอออกมาจากวังวนแห่งความสิ้นหวังและหายใจติดขัด คือเสียงเรียกเข้าจากตาของเธอ

“เซี่ยเย่ ตาเองนะ ตอนนี้หลานอยู่ไหน? ออกมาหรือยัง? ข้างนอกหนาวอย่าลืมใส่เสื้อผ้าหนาๆ ล่ะ จำเอาไว้ว่าอย่าไปสาย!” จากนั้นน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและห่วงใยของคุณตาก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง “ห้องสูทของโรงแรงป่าไม้ไผ่เมเปิ้ล อย่าไปผิดล่ะ!”

ตอนนี้เซี่ยเย่จำสิ่งที่คุยกับคุณตาขึ้นมาได้ จึงเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

เซี่ยเย่สูดหายใจเข้าลึกๆ และลุกขึ้นอย่างช้าๆ เดินเอาหนังสือไปวางบนชั้นตามเดิม แล้วตอบกลับไปเบาๆ ว่า “เข้าใจแล้วค่ะ หนูกำลังออกไป จะไปถึงที่นั่นตรงเวลาแน่นอน ตาไม่ต้องกังวลนะคะ”

“อืม... เย็นนี้กลับมาบ้านหน่อยนะ แม่ของหลานหยุดพอดี ตาจะบอกให้หล่อนทำอาหารอร่อยๆ ที่หลานชอบให้! ได้ยินมาว่าช่วงนี้หลานทำงานหนัก” เฉินเยว่ถอนหายใจออกมา

“เย็นนี้หนูต้องไปรับเพื่อนที่สนามบิน ตอนกลางคืนก็ต้องเตรียมห้องให้เธอนอนด้วย อีกไม่กี่วันหนูจะกลับไปเยี่ยม จะเอาชาผู่เอ๋อร์คุณภาพดีไปฝากด้วยนะคะ” เซี่ยเย่พูดอธิบายออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

น้ำเสียงของเฉินเยว่ที่ดังมาจากปลายสายไม่มีความสุขแม้แต่น้อย ซ้ำยังคล้ายจะอิจฉามากด้วย “ตาและแม่คงไม่สำคัญเท่าเพื่อนของหลานสินะ ใช่ไหม?”

เซี่ยเย่อดหัวเราะออกไปไม่ได้ ไม่นานก็พูดออกไปเบาๆ ว่า “พรุ่งนี้หนูจะไปหาแม่กับตาทั้งวันเลย ดีไหมคะ?”

“ดีสุดๆ ไปเลย!”

หลังจากวางสาย เซี่ยเย่ดูเวลาคิดว่าตอนนี้ยังเร็วไป ดังนั้นจึงตัดสินใจไปซื้อของขวัญให้เฉินเยว่ คุณตาและ เฉินเหวินน่า คุณแม่ของเธอก่อน ไม่ได้กลับบ้านนานแล้ว เธอคิดถึงพวกท่านไม่น้อยเลย

ซีเซี่ยเย่เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเวลาสุดๆ เป็นคนตรงต่อเวลาและไม่เคยไปสายสักครั้ง

เมื่อไปถึงโรงแรมป่าไม้ไผ่เมเปิ้ลที่พวกเขานัดกันไว้ ประมาณบ่ายสามโมงครึ่งแม้เป็นเวลาดื่มชา แต่เนื่องจากสถานที่แห่งนี้อยู่ห่างไกล อีกทั้งยังเป็นสถานที่มีระดับ เพราะอย่างนั้นในร้านจึงไม่ค่อยมีคนมากนัก

ไม่นานซีเซี่ยเย่ก็พบห้องสูทหมายเลขหนึ่งของโรงแรมป่าไม้ไผ่เมเปิ้ล

เธอเคาะประตูอย่างมีมารยาทก่อนจะผลักเปิดเข้าไป กลิ่นชาละเอียดอ่อนจางๆ ลอยแตะจมูกของเธอ เงยหน้าขึ้นไปมองด้านในก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ในนั้น

เขาสวมชุดสูทสีขาวทั้งตัว ทั้งยังนั่งดื่มชาด้วยท่าทางสงบนิ่งพร้อมคุยโทรศัพท์ไปด้วย เธอได้ยินเสียงของเขาดังมาจากไกลๆ และรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของเขาจากเสียงตอบกลับทางโทรศัพท์

ซีเซี่ยเย่พยายามหายใจเข้าลึกๆ ครู่หนึ่ง หยุดจ้องมองเขา สุดท้ายก็เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปนั่งลงตรงเบาะนุ่มตรงข้ามชายหนุ่ม ระหว่างเธอกำลังจัดแจงของบนโต๊ะ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็สบตาชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามที่กำลังมองมาพอดี...

เขาหล่อมาก หล่อสุดๆ ซ้ำดวงตาของเขาก็ลึกล้ำราวมหาสมุทรกว้างใหญ่ ความลึกล้ำและวิสัยทัศน์กว้างไกลแฝงอยู่ในนั้น จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบาง รอบกายของเขามีออร่าสูงส่งเปล่งประกายออกมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดูถ่อมตนและไม่แสดงกิริยาโอ้อวดแต่อย่างใด เหมือนเขาจะเป็นคนเก็บตัว เธอรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนและไม่แยแสของเขา

ตอนนี้เหมือนว่าจังหวะการเต้นหัวใจของพวกเขาสองคนกำลังเต้นผสานกัน

ซีเซี่ยเย่ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าสวยงามของเธอแดงก่ำขึ้นเล็กน้อย รู้สึกตะลึงไปครู่หนึ่ง ความรู้สึกชื่นชมแสนบริสุทธิ์ฉายชัดออกมาจากดวงตากลมโตสดใสของเธอ

ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์มากจริงๆ

มู่หยู่เฉินมองตรงยังซีเซี่ยเย่ ความรู้สึกบางอย่างแวบขึ้นมาในดวงตาที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ของเขาครู่หนึ่ง เขาพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อทักทาย จากนั้นค่อยหันกลับไปคุยโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงชัดเจนอีกครั้ง “จะแก้ไขยังไงก็ทำตามเห็นสมควรแล้วกัน”

เสียงของเขาทุ้มต่ำดั่งเสียงเชลโล แม้พวกเขาจะนั่งห่างกันแต่เธอยังได้ยินเสียงที่ทรงเสน่ห์และสบายหูได้อย่างชัดเจน

หลังจากพูดออกไปได้เพียงประโยคเดียว เขาก็กดวางสาย

ความจริงหลังจากเขาทานอาหารกลางวันเสร็จ คุณยายของมู่หยู่เฉินเอาแต่โทรมาคอยจู้จี้เขาทุกๆ สามหรือห้านาที เอาแต่พูดเตือนเขาเรื่องนัดบอดครั้งนี้ ตอนแรกเขาว่าจะพักผ่อนสักหน่อย แต่โทรศัพท์ของเขาที่วางข้างๆ เอาแต่ส่งเสียงดังไม่หยุด เพราะอย่างนั้นจึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนมานัดบอดให้หวังฮุย คุณยายของเขาหยุดและไม่ให้ท่านมารบกวนเขาอีก

เขาเงยหน้าขึ้นมองเซี่ยเย่ที่นั่งตรงข้ามกันอย่างใจเย็น

เธอสวมเสื้อโค้ทสีครีมยาวปานกลาง ดูเป็นคนละเอียดอ่อนและสง่างาม ผมยาวสลวยของเธอมัดไว้อย่างเรียบร้อย ปอยผมตกลงมาบริเวณหน้าผากของเธอเล็กน้อยแต่ไม่ได้เกะกะแต่อย่างใด ดวงตาของเธอชัดเจนและมีเสน่ห์มากทีเดียว

“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อซีเซี่ยเย่”

เมื่อเห็นว่าเขาวางสายโทรศัพท์แล้ว ซีเซี่ยเย่ก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ความแหบแห้งทำให้เสียงของเธอสดใสมากยิ่งขึ้น

คุณตาของเธอบอกแค่ว่าเขาอยากให้เธอมาเจอกับหลานชายของเพื่อนเก่าที่เคยร่วมรบกัน บอกว่าผู้ชายคนนี้ดูดี ทั้งยังอารมณ์ดีด้วย เขาจบการศึกษาจากโรงเรียนทหารเดียวกัน น่าเสียดายเธอเรียนไม่จบจากที่นั่นและโดนไล่ออกมาซะก่อน แล้วย้ายไปเรียนต่างประเทศแทน ชายหนุ่มที่กำลังนั่งตรงหน้าตอนนี้จบจากที่นั่นและเข้ารับราชการทหารอยู่สองสามปี ก่อนจะย้ายไปต่างประเทศไม่กี่ปีที่ผ่านมา

มู่หยู่เฉินรินชาให้ซีเซี่ยเย่ด้วยท่าทางสุภาพ ขณะที่ตอบกลับมาใบหน้าหล่อเหลาของเขาผ่อนคลายมากขึ้น “สวัสดีครับ คุณซี”

ซีเซี่ยเย่คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย หยิบถ้วยขึ้นจิบและถามเขาออกไปว่า “คุณมารอที่นี่นานหรือยังคะ?”

“ผมเพิ่งมาถึงเมื่อสักครู่นี้ครับ” มู่หยู่เฉินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย จากนั้นนิ้วเรียวยาวของเขาก็ชี้เมนูที่วางอยู่ข้างๆ “อยากสั่งอะไรสักหน่อยไหม? ขนมที่นี่ดังมากเลยนะครับ”

ซีเซี่ยเย่เหลือบสายตาไปมองเมนูที่เปิดอยู่ มันกำลังโชว์เมนูขนมทุกอย่างของทางร้าน เธอส่ายหน้าเบาๆ พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่หิว”

“คุณไม่ชอบกินของหวานเหรอครับ?”

มู่หยู่เฉินมองเธอด้วยความรู้สึกสงสัย แม้ว่าเสียงที่ทุ้มต่ำของเขาจะแฝงไปด้วยความสงสัย ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความมั่นใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด