บทที่ 297-298
[แปลโดยฝีมือ...ยัก.ษา.แปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ\]
[Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย]
[หลังแปลจบ คิดว่าจะมีการเกลาคำเบื้องต้น แก้คำผิด ปรับสำนวนให้สละสลวย เทียบคำต่อคำ ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกันเสมอมานะครับ]
บทที่ 297 ทะเลดวงดาว (III)
"อย่าเรียกข้าว่าท่านอาวุโส!" หยุนชิงเหยียนกัดฟันด้วยความรำคาญ
"อุ๊ย" เหมิงฉีตอบสนองทันทีและรีบปิดปาก อันที่จริงนางไม่ได้พูดอะไรออกมาดัง ๆ เพียงแค่พูดในใจ ปรากฎว่าทุกครั้งที่ท่านอาวุโสหยุนปรากฏตัว...
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ!" หยุนชิงเหยียนขัดความคิดของนางอีกครั้ง
"อื้อ..." เหมิงฉีตบหน้าผากตัวเอง "ข้ารู้ว่าข้าผิด! ท่านชายชิงเหยียน ข้าจะไม่เรียกผิดอีกแล้ว!"
หยุนชิงเหยียน "..."
"ขอบพระคุณท่านชายชิงเหยียนเป็นอย่างยิ่ง" จากนั้นเหมิงฉีก็ถามอย่างสงสัย "ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้ากำลังคิดอะไรอยู่?"
"ข้าได้ยินเมื่อเรากำลังสื่อสารกัน" หยุนชิงเหยียนไม่ได้อธิบายอะไรมาก อันที่จริงการทำเช่นนี้ส่งผลเสียอย่างมากต่อร่างกายของเขา แต่มันเกิดขึ้นที่เขาอาศัยอยู่ภายในเรือนสัตว์อสูรในมิติเก็บของของเหมิงฉี ดังนั้นเขาจึงใช้มันเป็นสื่อกลางได้เท่านั้น
เหมิงฉีพยักหน้าอย่างเชื่อฟังและไม่ได้ถามอะไรมาก
"ทะเลดวงดาวแห่งนี้..." หยุนชิงเหยียนครางครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ สั่ง "ไปที่ชายฝั่งของมัน"
"...เจ้าค่ะ" เหมิงฉีลังเล แต่นางก็ยังเดินไปที่ชายฝั่งทะเลสาบตามคำพูดของหยุนชิงเหยียน นางจ้องมองไปในทะเลสาบ น้ำใสมากจนมองเห็นลวดลายของหินที่ก้นทะเลสาบได้อย่างชัดเจน แสงดาวส่องประกายระยิบระยับในน้ำทะเลสาบราวกับทองคำ แต่แสงไฟนั้นอ่อนโยนมาก เหมือนกับนรัศมีที่เข้มข้นและบริสุทธิ์ และไม่ทำให้ตาพร่าเลย
"เจ้าเห็นอะไรบ้าง?" หยุนชิงเหยียนถาม
"น้ำในทะเลสาบนี้ดูเหมือนจะสามารถดูดซับรัศมีจากดวงดาวได้" เหมิงฉีกล่าว
"ก้นทะเลสาบ" หยุนชิงเหยียนกล่าวอีกครั้ง "และรอบ ๆ ทะเลสาบด้วย มองดูให้ดี"
"เจ้าค่ะ" ดวงตาของเหมิงฉีวนรอบทะเลดวงดาว ด้วยคำเตือนของหยุนชิงเหยียน ครั้งนี้นางจึงสังเกตอย่างระมัดระวัง ไม่ปล่อยแม้แต่หญ้าหรือต้นไม้ริมทะเลสาบ นางยังสังเกตเห็นก้อนหินที่วางอยู่ริมทะเลสาบ มีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก กระจัดกระจาย ดูเหมือนจะวางแบบสุ่ม
"อ๊ะ!" เหมิงฉีหันกลับมามองที่ก้นทะเลสาบอีกครั้ง และอุทานออกมาด้วยเสียงต่ำ "นี่คือ..."
ก่อนที่เหมิงฉีจะพูดจบ ผิวน้ำของทะเลสาบก็เปิดออกทันทีพร้อมกับเสียงดังสนั่น ร่างสีดำกระโดดขึ้นจากทะเลสาบ พุ่งผ่านอากาศราวกับเมฆที่ลอยอยู่ และในที่สุดก็ลงจอดต่อหน้าเหมิงฉี
"...จี๋อู๋จิ้ว?!" เหมิงฉีจ้องมองชายคนนั้นอย่างไม่อยากเชื่อ
จี๋อู๋จิ้วสะบัดน้ำออกจากตัว หลังจากที่แสงดาวสุดท้ายถูกดูดซับเข้าสู่ร่างกายของเขา เขาก็ใช้คาถาทำให้อาภรณ์แห้ง
"เหมิงฉี" ชายหนุ่มอาภรณ์ชุดสีดำเงยหน้าขึ้นมองและพูดว่า "ไม่ได้เจอกันนาน!"
"ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?" เหมิงฉีไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง "เจ้าสำนักเผ่ย..."
"เขาเชิญข้ามาที่นี่" จี๋อู๋จิ้วเม้มปาก "หลังจากที่ข้าออกจากเขตแดนในวันนั้น คนแก่ ๆ จากสหพันธ์แพทย์ก็รวมตัวกันเพื่อซุ่มโจมตีจริง ๆ เหอะ และวิธีการของพวกเขาก็โหดร้ายมากพอ..." เขากระตุกริมฝีปากอย่างดูถูกเหยียดหยาม "นั่นไม่ใช่มารยาทที่ผู้บ่มเพาะวิชาแพทย์ผู้ใจบุญควรมี อย่างที่ข้าเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อจำเป็น คนแก่ ๆ เหล่านั้นก็ไม่ลังเลที่จะฆ่าเจ้าพร้อมกับข้า หลังจากที่เรื่องทุกอย่างสงบลง ก็สามารถแก้ตัวได้นับไม่ถ้วน เช่น ฆ่าผิดตัว ข้าจับเจ้าเป็นตัวประกัน... สามารถผลักความรับผิดชอบใด ๆ ให้ข้าได้"
เหมิงฉี "..."
"แล้วไงต่อ?" นางถาม นางคุ้นเคยกับตามแบบการเสียดสีของจี๋อู๋จิ้วแล้ว "ทำไมเจ้าถึงอยู่ในหุบเขากังฟู่?"
"คนที่ลงมือคนแรกคือเผ่ยมู่เฟิงจากหุบเขากังฟู่ ซึ่งถูกข้าขังไว้ก่อนหน้านี้" จี๋อู๋จิ้วกล่าว "แต่ข้าให้สาวงามแก่เขาหลายคนในวันนั้น เขาน่าจะซาบซึ้งใจ! แม้ว่าเขาจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และดาบของเขาก็รุนแรงและรวดเร็ว แต่ข้าก็บอกได้ในพริบตาว่าเด็กคนนี้ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายข้า ข้าตัดช่องว่าง และเขาก็ปล่อยให้ข้ารีบออกจากแวดวงแพทย์"
จี๋อู๋จิ้วเสริมว่า "ค่อนข้างมีเหตุผลใช่ไหมล่ะ?"
เหมิงฉีพูดไม่ออก
"เขาเป็นคนบอกข้าอย่างลับ ๆ ระหว่างการต่อสู้เกี่ยวกับทะเลดวงดาวแห่งนี้ ซึ่งข้าสามารถใช้เพื่อพักฟื้นหลังจากที่ข้าหลบหนี" จี๋อู๋จิ้วกล่าวอีกครั้ง เขาหันกลับมาและมองไปที่ทะเลดวงดาว "ดูสิ เด็กคนนั้นมีสายตาที่ดี เขารู้ว่าทะเลสาบแห่งนี้มีประโยชน์ต่ออาการบาดเจ็บของข้า"
หัวใจของเหมิงฉีเต้นแรงขึ้นมาทันที นางถามอย่างไม่รู้ตัว "ทะเลปราณของเจ้าถูกฉีกออกจากกันด้วยขอบเขตระหว่างสามภพหรือ?"
"หือ?" จี๋อู๋จิ้วหันมามองเหมิงฉี "เดาได้ดี!"
เหมิงฉีไม่ได้ตอบสนอง จิตใจของนางหมุนอย่างรวดเร็ว และความคิดนับไม่ถ้วนก็แวบเข้ามา หลังจากอ่านตำราที่ท่านอาวุโสหลินเหยียนทิ้งไว้ให้นาง เหมิงฉีก็จำสถานการณ์ของทะเลปราณที่ขาดรุ่งริ่งของจี๋อู๋จิ้วได้ นางเดาเหตุผลเบื้องหลังอาการบาดเจ็บของเขา ซึ่งดูเหมือนจะเกิดจากผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งกว่า หลังจากนึกถึงทะเลรัศมีมารที่น่าสะพรึงกลัวที่พวกเขาพบในเขตแดนของการประลองครั้งยิ่งใหญ่ เหมิงฉีก็เริ่มสงสัยว่าจี๋อู๋จิ้วถูกทำร้ายโดยผู้บ่มเพาะสายมารที่ทรงพลังมาก
นางได้อ่านบันทึกประสบการณ์แวดวงแพทย์ของหลินเหยียน แม้ว่าสามภพจะอยู่ร่วมกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ขอบเขตระหว่างพวกมันถูกสร้างขึ้นตามธรรมชาติโดยรอยแยกแห่งความว่างเปล่า เมื่อกว่าหมื่นปีก่อน ขอบเขตระหว่างสามภพไม่ได้ชัดเจนเหมือนทุกวันนี้ รอยแยกปรากฏขึ้นในขอบเขตเป็นครั้งคราว แต่ตำแหน่งของพวกมันมักจะเปลี่ยนไป และผู้บ่มเพาะอาจได้รับบาดเจ็บจากพวกมันโดยไม่ได้ตั้งใจ บาดแผลไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอกเพราะมันสร้างความเสียหายโดยตรงต่อทะเลปราณ ที่แย่ที่สุด ทะเลปราณอาจแตกออกจากกันและระเบิดอย่างสมบูรณ์ โดยไม่มีความหวังในการฟื้นฟู
แต่ถ้าทะเลปราณไม่ถูกทำลายโดยขอบเขตอย่างสมบูรณ์ สมบัติพิเศษที่เรียกว่าแสงดาวสามารถซ่อมแซมรอยแตกในทะเลปราณได้ แสงดาวที่เรียกว่านี้เป็นสมบัติลึกลับในตำนานที่มีเฉพาะในอาณาจักรอสูร เหมิงฉีไม่เคยเห็นบันทึกใด ๆ ที่แสดงถึงการมีอยู่ของสมบัติชิ้นนี้ในสามภพ ตามคำอธิบายของท่านอาวุโสหลินเหยียน แสงดาวถูกสร้างขึ้นจากฝุ่นดาวที่ตกลงมาจากดวงดาว ซึ่งได้รับโดยราชวงศ์อสูรที่เก่งในการสื่อสารกับพลังของดวงดาว จากนั้นฝุ่นดาวจะถูกกลั่นอย่างช้า ๆ จนในที่สุดก็กลายเป็นแสงดาว
แสงดาวบรรจุพลังที่บริสุทธิ์ที่สุดของฝุ่นดาว แล้ว ทะเลดวงดาวแห่งนี้...
ดวงตาของเหมิงฉีเป็นประกาย และทันใดนั้นนางก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
"เฮ้!" จี๋อู๋จิ้วโบกมือต่อหน้าเหมิงฉี "เจ้ากำลังตกตะลึงอะไรอยู่?"
"ทะเลดวงดาวแห่งนี้..." เหมิงฉีหันไปหาจี๋อู๋จิ้วและถามช้า ๆ ทีละคำ "เจ้ากำลังใช้มันเพื่อซ่อมแซมทะเลปราณของเจ้าหรือ?"
"ใช่!" จี๋อู๋จิ้วพยักหน้าโดยไม่ลังเล
เหมิงฉีหายใจออกเบา ๆ และดวงตาของนางก็กวาดไปทั่วทั้งทะเลสาบอย่างรวดเร็ว "มีอาคมใหญ่อยู่ในทะเลสาบนี้!" นางอุทาน
จี๋อู๋จิ้ว "..."
เขารู้อยู่แล้ว ไม่เพียงแต่เขารู้เท่านั้น แต่เขายังเห็นด้วยว่ามันเป็นอาคมแบบไหน
แต่มันไม่สมเหตุสมผล เพราว่ามันคือ...
"มันคืออาคมดารา!" เหมิงฉีกล่าวอีกครั้ง
จี๋อู๋จิ่ว "!!!"
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกกังวล "เจ้ารู้หรือว่านี่คืออาคมดารา?"
"ใช่!" เหมิงฉีเอียงศีรษะเล็กน้อย "แต่มันแตกต่างจากที่ข้ารู้จักเล็กน้อย"
จี๋อู๋จิ้วอยากจะสบถออกมาดัง ๆ
เขาแทบจะควบคุมสติไม่อยู่แล้ว!
มันคืออาคมดารา! อาคมดารา!
แม้ว่าเหมิงฉีจะเป็นศิษย์ของเขาจริง ๆ เขาก็จะไม่มีวันสอนอาคมดาราให้นาง เพราะนั่นเป็นอาคมที่จะสืบทอดภายในตระกูลเท่านั้น!
แต่ คนผู้นั้น... กลับสอนอาคมดาราให้เหมิงฉี!
อย่างไรก็ตาม เหมิงฉียังคงพูดว่านางแค่อยากจะเคารพบุคคลผู้สอนอาคมให้นางนั้นในฐานะอาจารย์ และน้ำเสียงของนางก็เคารพมาก...
จี๋อู๋จิ้วอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ !
พูดง่าย ๆ ก็คือ ไอ้คนผู้นี้มันคงประมาณว่า 'ข้าอยากให้เจ้าเป็นภรรยาของข้า แต่เจ้าแค่อยากจะเคารพข้าในฐานะอาจารย์' — แม้ว่าจี๋อู๋จิ้วจะไม่รู้ว่าผู้ชายที่โชคร้ายคนนั้นเป็นใคร ตราบใดที่เขาคิดว่าคน ๆ นี้ ซึ่งมีทักษะด้านอาคมไม่แพ้เขา กลับต้องอัปโชคเช่นนี้ด้วยน้ำมือของเหมิงฉี...
ช่างสดชื่นอะไรเช่นนี้!
สดชื่นมาก!
เขาชอบมันนัก!
จี๋อู๋จิ้วพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับเสียงหัวเราะของเขา จากนั้นก็หันไปมองเหมิงฉี หญิงสาวชุดฟ้ายืนอยู่ ทะเลดวงดาว ดูจริงจังและตั้งใจมาก
"เหมิง เหมิง จี๋อู๋จิ้วเรียก "งั้น... เจ้าเรียนอาคมดาราแบบไหนมา?"
บทที่ 298 ฝุ่นดาว (I)
เหมิงฉีเหลือบมองจี๋อู๋จิ่ว "อาคมดารามีความแตกต่างกันหรือ"
"แน่นอน" จี๋อู๋จิ่วกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ "เจ้ารู้ที่มาของอาคมดาราหรือไม่"
"ข้าไม่รู้" เหมิงฉีตอบอย่างไม่แยแส นางจดจ่ออยู่กับทะเลดวงดาวเบื้องหน้า ดวงดาวในน้ำดูเหมือนจะหรี่แสงลงกว่าเดิม ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในใจของนาง
หากจี๋อู๋จิ่วสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเขา ณ ที่แห่งนี้ได้ นั่นหมายความว่าเสี่ยวชีก็สามารถทำได้เช่นกัน!
นอกจากบาดแผลภายนอกที่มองเห็นได้แล้ว ความเสียหายที่ร้ายแรงที่สุดในร่างกายของเสี่ยวชีก็คืออาการบาดเจ็บภายใน ก่อนหน้านี้ เหมิงฉีทำสิ่งใดมิได้ เพราะนางมิรู้ว่าจะเสาะหาแสงดาวได้จากที่ใด แต่บัดนี้...
"เหมิงฉี? เหมิงฉี!" จี๋อู๋จิ่วเรียกเสียงดัง
"หือ?" เหมิงฉีรู้สึกตัว "ขออภัย เจ้ากำลังกล่าวถึงสิ่งใด ข้าเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง"
"คือว่า สิ่งที่ข้ากำลังพูดคือ..." จี๋อู๋จิ่วดีดนิ้ว กิ่งไม้ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาทันที
ดวงตาของเหมิงฉีไล่ตามมือที่ถือกิ่งไม้ ก่อนจะมองขึ้นไป ชายหนุ่มชุดดำดูเหมือนจะมีพลังมากขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่นางพบเห็น แม้แต่ความซีดเซียวบนใบหน้าของเขาก็ดูจางลง ริมฝีปากซีดของเขามีสีระเรื่อกลับคืนมา
ทะเลดวงดาวแห่งนี้มีประโยชน์มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ ใจของเหมิงฉีสั่นไหวขึ้นมาทันที
"เฮ้!" จี๋อู๋จิ้วยกกิ่งไม้ขึ้นโบกไปมาต่อหน้าต่อตาเหมิงฉี "ข้ากำลังสนทนากับเจ้า มองที่พื้นสิ"
"โอ้" เหมิงฉีเบนสายตาไปที่พื้น คิ้วของนางกระตุก "นี่คือ..."
จี๋อู๋จิ่วได้วาดส่วนเล็กๆ ของอาคมลงบนพื้น
"ส่วนหนึ่งของอาคมดารา" จี๋อู๋จิ่วกล่าว "เจ้ารู้จักหรือไม่"
"อืม..." เหมิงฉีส่ายหน้า "อาคมดารามีหลายรูปแบบหรือ"
จี๋อู๋จิ่ว "..."
บัดนี้จี๋อู๋จิ่วอยากจะรู้จักผู้ที่สอนอาคมให้เหมิงฉีเสียจริง และเขย่าศีรษะของเขาแรงๆ เพื่อดูว่ามีน้ำท่วมสมองเขามากเพียงใด ต้นกล้าที่ดีเช่นนี้มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม เหตุใดเขาจึงสอนนางอย่างสะเพร่าเช่นนี้!
"เจ้า..." จี๋อู๋จิ่วโกรธไม่ลงอีกต่อไป เขามองเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่ใสกระจ่างของเหมิงฉี เอ่ยอย่างจนใจ "เจ้าไม่รู้ที่มาของอาคมดารากระนั้นรึ"
"สืบทอดมาจากสมัยโบราณหรือ" เหมิงฉีถามอย่างลองเชิง
"สืบทอดผีของเจ้าสิ!" จี๋อู๋จิ่วพูดอย่างหงุดหงิด เขาใช้เท้าลบอาคมก่อนหน้าและวาดอาคมใหม่ลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว "แล้วอันนี้เล่า?"
"ไม่รู้จัก" เหมิงฉีส่ายหน้า
"อันนี้เล่า?" จี๋อู๋จิ่ววาดอาคมอีกอันอย่างว่องไว
เหมิงฉีส่ายหน้าอีกครา
จี๋อู๋จิ่ววาดอาคมต่อไป
เหมิงฉียังคงส่ายหน้า
จี๋อู๋จิ่วกัดฟันกรอด วาดอาคมลงบนพื้นเป็นสิบๆ อัน แต่เหมิงฉีกลับจำมิได้แม้แต่อันเดียว นางถึงกับถอนหายใจ "ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีอาคมดารามากมายถึงเพียงนี้"
จี๋อู๋จิ่วแค่นเสียงอย่างหัวเสีย โยนกิ่งไม้ทิ้ง กอดอกแน่น เห็นได้ชัดว่าอาคมดาราเป็นรากฐานของราชวงศ์อสูรแห่งอาณาจักรอสูร เหตุผลที่ตระกูลราชวงศ์อสูรแข็งแกร่งกว่าผู้บ่มเพาะอสูรทั่วไปเป็นเพราะพวกเขามีอาคมดาราของตระกูลติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด ซึ่งแตกต่างจากผู้บ่มเพาะแห่งสามภพ ราชวงศ์อสูรไม่จำเป็นต้องบำเพ็ญเพียรเพื่อดูดซับปราณวิญญาณ เพราะอาคมดาราในกายของพวกเขาดูดซับรัศมีจากดวงดาวอยู่ตลอดเวลา
เนื่องด้วยความสำคัญของอาคมดารา จึงมีกฎห้ามมิให้ราชวงศ์อสูรผู้ใดเผยแพร่อาคมดาราของตระกูลตนเองแก่บุคคลภายนอกอย่างเด็ดขาด แน่นอนว่ากฎข้อนี้มิอาจหยุดยั้งผู้ที่สนใจจากการสืบเสาะค้นคว้าได้ นับแต่โบราณกาล มีการรั่วไหลของอาคมดาราของตระกูลราชวงศ์อสูรต่างๆ ออกมามากมาย ทว่าอาคมดาราที่ได้จากภายนอกมักมาจากตระกูลราชวงศ์อสูรขั้นล่าง สำหรับตระกูลราชวงศ์ เว้นแต่พวกเขาจะประทานให้ด้วยความยินยอม บุคคลภายนอกย่อมมิมีทางได้ครอบครองอาคมดาราของพวกเขา
จี๋อู๋จิ่วมีความรู้มากมายในศาสตร์แห่งอาคม ดังนั้นเขาจึงรู้เรื่องราวเหล่านี้เป็นอย่างดี เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ หันไปมองเหมิงฉีอย่างเงียบงัน ดูเหมือนว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหลังหญิงสาวผู้นี้จะมีสถานะสูงส่งกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ในตอนแรก
"เหมิงฉี" จี๋อู๋จิ่วเอ่ยอย่างเคร่งขรึม "หากบุคคลที่สอนอาคมให้เจ้ามาพบเจ้าอีกครั้ง..."
เหมิงฉีมองกลับไปที่เขาด้วยดวงตาที่ใสกระจ่าง "หากเขามาพบข้า"
"..." จี๋อู๋จิ่วชะงักค้าง มิรู้จะเอื้อนเอ่ยสิ่งใด เหตุใดเขาจึงมิมีโชคเช่นนี้! เหตุใดเขาจึงมิได้พบพานเหมิงฉีก่อน!
"เอาล่ะ กลับไปที่ทะเลดวงดาวกันเถอะ" จี๋อู๋จิ่วกล่าว "เจ้าบอกว่ามีอาคมดาราอยู่ที่นี่ เจ้าพูดถูก..." เขาก็หยุดพูดกะทันหัน "แต่ข้าต้องแก้ไขเจ้า มิใช่อาคมดาราทั้งหมดจะเรียกว่าอาคมใหญ่ ยกเว้นบางอันที่พิเศษ"
"อ้อ" เหมิงฉีพยักหน้ารับ
"สำหรับอาคมดารา น้ำในทะเลสาบนี้ค่อนข้างพิเศษ ดังนั้นต้องมีสิ่งอื่นอยู่ที่ก้นทะเลสาบด้วย มันอาจจะเป็น..." จี๋อู๋จิ่วหรี่ตาลง
"ฝุ่นดาว" เหมิงฉีพูดต่ออย่างคล่องแคล่ว
"เจ้าก็รู้จักฝุ่นดาวด้วยหรือ" จี๋อู๋จิ่วประหลาดใจเล็กน้อย "เจ้ารู้มากมายจริงๆ เหมิงฉี"
"ข้าเคยได้ยินมาบ้าง" เหมิงฉีกล่าวอย่างใจเย็น "ฝุ่นดาวสามารถใช้กลั่นแสงดาวและซ่อมแซมรอยแตกในทะเลปราณได้ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ทะเลสาบแห่งนี้จะมีฝุ่นดาวอยู่ ทว่าข้าไม่รู้ว่าฝุ่นดาวมีรูปร่างลักษณะเช่นไร"
"สิ่งนี้มีเฉพาะในอาณาจักรอสูร" จี๋อู๋จิ่วอธิบาย "เมื่อดวงดาวตกลงมา บางครั้งเศษของมันก็ร่วงหล่นลงไปในอาณาจักรอสูรและถูกราชวงศ์อสูรเก็บกู้ ตระกูลราชวงศ์อสูรบางตระกูลมีความสามารถในการกลั่นเศษเหล่านั้นให้เป็นแสงดาว"
"ข้าเข้าใจแล้ว" เหมิงฉีพยักหน้าอย่างครุ่นคิด
"ในกระบวนการกลั่น จะต้องเพิ่มส่วนผสมพิเศษเฉพาะของอาณาจักรอสูรเข้าไปด้วย"
"ใช่" เหมิงฉีก้มหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยถาม "มันคือหญ้ากลืนวิญญาณ หมากไม้สันต์วัน ดอกไม้ห้าวิญญาณ และไม้ล้ำลึกสูงสุดหรือไม่"
จี๋อู๋จิ่ว "...มีผู้ใดสอนวิธีการกลั่นแสงดาวให้เจ้าหรือ"
"ข้าคาดเดาเอา" เหมิงฉีพูดเบาๆ "เนื่องจากแสงดาวสามารถซ่อมแซมรอยแตกในทะเลปราณได้ ข้าจึงคิดว่าส่วนผสมเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งจำเป็น" หลังจากหยุดครู่หนึ่ง นางก็พูดอีกครั้ง "ทั้งหมดนี้เป็นสมบัติในตำนานที่หายากยิ่งนัก เท่าที่ข้าทราบ ในสามภพทั้งหมด ดอกไม้ห้าวิญญาณและไม้ล้ำลึกสูงสุดสามารถพบได้ในทะเลดวงดาวเท่านั้น"
"ถูกต้อง" จี๋อู๋จิ่วพยักหน้า "สิ่งเหล่านั้นใช้เพื่อกลั่นฝุ่นดาวจริง บวกกับ..."
"เฮ้!" เขามองไปที่เหมิงฉี "ลองเดาดูสิ จะเพิ่มสิ่งใดลงไปอีก"
เหมิงฉีก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ก้มตัวลง ตักน้ำในทะเลดวงดาวขึ้นมากำหนึ่ง "น้ำในทะเลดวงดาวแห่งนี้พิเศษนัก" นางแบมือออก ปล่อยให้น้ำทะเลสาบเย็นๆ ไหลรินผ่านนิ้วมือ "บนยอดเขาของสำนักเดิมของข้า มีบ่อเหมันต์ที่กักเก็บน้ำค้างเย็นในฤดูใบไม้ผลิอยู่ น้ำพุแห่งนี้มีประโยชน์อย่างมากต่อการฟื้นตัวของผู้บ่มเพาะที่มิอาจเอาชนะความยากลำบากในการบ่มเพาะ จนเกิดอาการคลาดเคลื่อนปราณ"
เหมิงฉีหันไปมองทะเลดวงดาว แม้จะเรียกว่าทะเลสาบ แต่ทะเลดวงดาวแห่งนี้จริงๆ แล้วมิได้กว้างใหญ่นัก มีความกว้างไม่ถึงห้าร้อยเมตร เล็กกว่าบ่อเหมันต์ของหุบเขาชิงเฟิงเสียอีก
"มีน้ำค้างเย็นในฤดูใบไม้ผลิจำนวนมากในทะเลดวงดาวแห่งนี้ ดีกว่าบ่อเหมันต์ในหุบเขาชิงเฟิงมาก" เหมิงฉีกล่าวอีกครั้ง "น้ำนี้ต้องใช้ราชวงศ์อสูรในการกลั่นฝุ่นดาวด้วย" นางหันไปหาจี๋อู๋จิ่ว "ข้าพูดถูกหรือไม่"
"เจ้า..." จี๋อู๋จิ่วจ้องมองเหมิงฉีอย่างพินิจพิเคราะห์ "เจ้ามีความรู้อย่างมากมายเหลือเกิน"
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_