บทที่ 205 สิ้นปี (6)
[แปลโดยฝีมือ...ยัก.ษา.แปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ\]
[Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย]
[หลังแปลจบ คิดว่าจะมีการเกลาคำเบื้องต้น แก้คำผิด ปรับสำนวนให้สละสลวย เทียบคำต่อคำ ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกันเสมอมานะครับ]
บทที่ 205 สิ้นปี (6)
ฮวาลินในชุดนอนแสนสบายมองกล่องนาฬิกาที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า ดวงตาสะท้อนประกายบางอย่างออกมา
เพียงแค่เห็นโลโก้ที่ประทับแน่นอยู่บนกล่องก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นแบรนด์อะไร ราคานาฬิกาเรือนนี้สูงถึงสามสิบล้านวอน มันเป็นทั้งของขวัญขอบคุณวูจินที่ช่วยเธอเอาไว้ และเป็นของขวัญแสดงความยินดีที่เธอจะได้เดินบนพรมแดงเป็นครั้งแรกในปีนี้ แน่นอนว่ามันยังรวมถึงความรู้สึกส่วนตัวที่ฮวาลินแอบซ่อนไว้ด้วยส่วนหนึ่ง
เพียงแต่ว่าวงการบันเทิงนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่พร้อมจะเสพเรื่องราวแปลกใหม่ โดยเฉพาะเรื่องฉาว ๆ
สิ่งที่ฮวาลินกังวลก็คือเรื่องนี้ ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่สำหรับสื่อแล้วเรื่องเล็กน้อยก็สามารถกลายเป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬารได้ พวกเขาสามารถเสกสรรค์ปั้นแต่งเรื่องราวที่ไม่มีมูลความจริงให้กลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาได้อย่างน่ากลัว
เพราะแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นของขวัญหรืออะไรก็ตาม ความพอดีจึงเป็นเรื่องสำคัญ
สามสิบล้านวอน มันจะดูเกินเลยไปไหมนะ?
ฮวาลินครุ่นคิดอย่างหนักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอตบแก้มตัวเองเบา ๆ สองสามทีราวกับจะปลุกตัวเองให้ตื่นจากภวังค์แห่งความคิด ในที่สุดเธอก็หาเหตุผลปลอบใจตัวเองได้
‘เอาจริง ๆ ตอนแรกฉันเล็งเรือนห้าสิบล้านวอนไว้ต่างหาก’
นาฬิกาที่ซื้อตอนนี้ก็ถือว่าลดราคาลงมามากแล้ว จากสี่สิบล้านวอนก็ลดลงมาจนเหลือสามสิบล้านวอนในที่สุด ฮวาลินส่ายหัวเป็นเชิงไล่ความคิด พร้อมกับพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“เอาเป็นว่าให้ไปก่อนละกัน ถ้าคุณวูจินรู้สึกว่ามันมากเกินไปค่อยเอากลับคืนก็ได้”
ถ้าหากเป็นเรื่องที่สื่อรู้ พวกเขาก็อาจจะปล่อยข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริงออกมา แต่คดีคนร้ายโรคจิตมันเป็นเรื่องใหญ่อยู่แล้ว คงเบี่ยงเบนความสนใจได้ในระดับหนึ่งล่ะนะ ฮวาลินเปลี่ยนความคิดอย่างสบายใจ เธอจับผมยาวที่ยุ่งเหยิงของตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
‘แบบนี้มันก็ดูเว่อร์ไป’
เธอกำลังโทรหาช่างทำผมที่ร้านประจำ
“ฮัลโหลค่ะพี่ วันนี้หนูเข้าไปร้านตอนเที่ยงได้ไหมคะ ไม่สิ ๆ ไม่ใช่ตารางงานค่ะ ไปส่วนตัวค่ะ ค่ะ ๆ โอเคค่ะ!” ฮวาลินพูดจบก็วางสาย ก่อนจะโยนโทรศัพท์มือถือลงบนโซฟา แล้วตรงดิ่งไปยังห้องน้ำทันที
ผ่านไปหลายสิบนาที ฮวาลินอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เธอกำลังเป่าผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก็ต้องชะงักไป
“อ๊ะ จริงสิ” เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
ฮวาลินนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องต้องติดต่อล่วงหน้า นั่นก็คือ ฮงฮเยยอน เพราะวันนี้ฮงฮเยยอนเองก็จะไปงานบลูดราก้อนด้วย กำหนดการน่าจะใกล้เคียงกับคังวูจิน
‘ถ้าอยู่ ๆ ฉันโผล่ไป พี่เขาจะมองว่าแปลกมั้ยนะ’ ถึงจะสนิทกันในระดับหนึ่ง แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงความสงสัยที่ไม่จำเป็น ยิ่งเป็นฮงฮเยยอนที่รอบคอบแบบนั้น ยิ่งต้องระวังไว้ก่อน ฮวาลินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้ง แล้วกดโทรออก
ฮงฮเยยอนรับสายอย่างรวดเร็ว
“ฮัลโหล ฮวาลินเหรอ?” เสียงของฮงฮเยยอนที่ดังมาจากปลายสายค่อนข้างแหบแห้ง ฮวาลินเหลือบมองเวลา ก่อนเอ่ยถาม
“ทำไมเหรอคะ พี่ฮเยยอนเพิ่งตื่นเหรอ?”
“ไม่ ๆ ลืมตาแล้ว แค่ร่างกายมันล่องลอยอยู่บนเตียงสัก 30 นาที”
“พี่ฮเยยอนยังไม่ได้เตรียมตัวอีกเหรองานบลูดราก้อนนะ”
“ต้องเตรียมสิ อีก 2 ชั่วโมงจะออกไปดูชุด แล้วก็ไปดูแลผิวหน่อย”
“จะไปลองชุดใช่มั้ย”
“อืม”
“คุณวูจินไปด้วยหรือเปล่าคะ?”
“อืม น่าจะนะ”
“เอ่อ คือฉันก็จะไปที่นั่นเหมือนกัน”
“หาที่สตูดิโอฟิตติ้งน่ะเหรอ?”
“ใช่ ๆ”
ฮงฮเยยอนเงียบไปชั่วครู่ ก่อนถามขึ้น
“······อยู่ ๆ ก็ไปเนี่ยนะ”
“ไม่ ๆ ไม่ได้อยู่ ๆ ไปซะหน่อย ก็ที่เคยบอกไปไงคะ เรื่องนาฬิกา วันนี้น่ะ ฉันจะเอาไปให้คุณวูจิน”
“จริงด้วย! ตกลงเธอซื้อแล้วเหรอ?”
“ซื้อแล้ว!”
“ดีแล้ว งั้นเจอกันที่นั่นนะ”
“ค่ะ เจอกันค่ะ”
ตู๊ด เสียงฮงฮเยยอนวางสายไป
หลังวางสาย ฮวาลินก็หยิบไดร์เป่าผมขึ้นมาใหม่ รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนริมฝีปากพลางพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ว่า “ตื่นเต้นจังเลยค่ะ คุณวูจินในชุดทักซิโด้”
ณ อีกมุมหนึ่งของเมืองหลวง ในที่สุดก็ถึงวันที่ทุกคนรอคอย งานประกาศรางวัลภาพยนตร์บลูดราก้อน งานยิ่งใหญ่แห่งปีของวงการบันเทิงเกาหลีใต้ บรรยากาศรอบด้านคึกคักไปด้วยสื่อมวลชนและผู้คนมากมายที่ต่างเฝ้ารอคอย
- ในที่สุด!!! วันนี้ไม่มีอะไรดู บลูดราก้อนนี่แหละ 5555555
- ปีนี้บลูดราก้อนทุ่มทุนสร้างมากกก 5555 ที่จัดงานก็ใหญ่มาก
- เห็นข่าวบอกว่าคังวูจินกวาดรางวัลนักแสดงหน้าใหม่แน่ ๆ เลย อยากรู้จังว่าจะเป็นยังไง
- อ่า คังวูจิน 555555 จากพ่อค้ายาเสพติดสู่จุดนี้ได้สุดยอด
- แต่แบบนี้พวกคนแก่ ๆ ในวงการจะยอมมอบรางวัลให้คังวูจินคนเดียวเหรอ????
- พูดตรง ๆ บลูดราก้อนดีกว่ารางวัลแกรนด์เบลล์ไม่ใช่เหรอ? 555555 บลูดราก้อนคือที่สุด
- นักแสดงไปร่วมงานเยอะเลยนี่
- ปีที่แล้วป่ะ? คิมโบฮเยกับฮงฮเยยอนโคตรสวยเลย
-นี่ปลายปีแล้วเหรอเนี่ย…..ทุกครั้งที่ถึงช่วงงานประกาศรางวัลก็รู้สึกเหมือนแก่ขึ้นอีกปี…..แอบเซ็งเหมือนกันนะ
- ↑ไอ้บ้านี่อยู่ ๆ มาพิมพ์อะไรวะ 5555555555
- ปีนี้ก็คงได้เห็นทั้งชุดยอดเยี่ยมกับยอดแย่เหมือนเดิม 5555 อยากไปดูพรมแดงด้วยตาตัวเองจริง ๆ
- รอคอยคังวูจิน!! เดบิวต์ปุ๊บก็ได้ ไปงานประกาศรางวัลเลย สุดยอด!!!
•
•
•
•
บริษัทเอ็นเตอร์เทนเมนท์มากมายในประเทศต่างก็วุ่นวายกับการโปรโมตนักแสดงในสังกัด
“เฮ้ย!! ทำไมข่าวของเรามันน้อยแบบนี้วะ?” เสียงตะคอกดังลั่นห้องประชุม
“เดี๋ยวผมรีบติดต่อสำนักข่าวเลยครับ!” เสียงตอบรับด้วยความตื่นตระหนก
“คังวูจิน คังวูจิน โอ้ย คังวูจินโผล่มาคนเดียวเลยนี่นา!! บอกให้ถ่ายให้มันดี ๆ หน่อยไง! วันนี้ทั้งวัน ข่าวบลูดราก้อนจะต้องถล่มทลายแน่ ๆ ถ้าโดนกลบข่าวแล้วจะสนุกอะไร!” เสียงหัวหน้าทีมโปรโมทดังกึกก้องไปทั่วบริษัท
"ครับ คุณผู้จัดการ! คงเพราะรูปของคังวูจินดูดีไปหมด เลยปล่อยรูปออกมาก่อนสินะครับ"
"รู้อยู่แล้วล่ะน่า! โทรเร่งพวกนักข่าว แล้วก็จัดการโซเชียลของคนที่จะไปบลูดราก้อนด้วย ทำไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงเวลา!!"
"บอกให้พวกนั้นอัปโหลดรูปกันรัว ๆ แล้วครับ!"
บรรยากาศในแวดวงภาพยนตร์เต็มไปด้วยความตื่นเต้นกับงานประกาศรางวัลภาพยนตร์บลูดราก้อน ค่ำคืนนี้เหล่านักแสดงแถวหน้ามากมายเตรียมตัวที่จะปรากฏกาย ณ บลูดราก้อนด้วยความคึกคัก ทุกคนต่างวุ่นวายกับการเตรียมตัวอย่างพิถีพิถัน ทั้งเรื่องรถหรูที่จะใช้ ชุดเดรสและทักซิโด้เลิศหรู ท่าทางสง่างามบนพรมแดง คำพูดที่เฉียบคม การแต่งหน้าที่ไร้ที่ติ ไปจนถึงทรงผมที่สมบูรณ์แบบ
แม้จะเป็นงานประกาศรางวัลที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี แต่มันก็ยังคงเป็นประเด็นร้อนแรงที่ทุกคนจับตามองอยู่เสมอ
เพราะสายตาของคนทั้งวงการ บรรดาคนดัง และคนทั่วไปต่างจับจ้องมาที่นี่ ทำให้การถูกพูดถึงในช่วงปลายปีเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็ปรารถนา การถูกเมินเฉยยังดีเสียกว่าถูกวิจารณ์เรื่องรสนิยมการแต่งกายที่แย่แบบไม่น่าให้อภัย
แน่นอนว่าการคว้ารางวัลและกลายเป็นประเด็นข่าวในเชิงบวกคือเป้าหมายสูงสุดของทุกคน
ท่ามกลางบรรยากาศความตื่นเต้นของคนทั้งวงการบันเทิง คนรอบข้างของคังวูจินเองก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฝูง คนรู้จักจากบริษัทออกแบบ หรือแม้แต่คนอื่น ๆ ที่เคยพบเจอ
หนึ่งในนั้นคือคังฮยอนอา น้องสาวของคังวูจินและประธานแฟนคลับตัวยง
"แม่! วันนี้ปิดร้านเร็วหน่อยไม่ได้เหรอ? ถ้ามีลูกค้ามาแล้วพลาดบลูดราก้อนจะทำยังไง"
"ช่วงนั้นลูกค้าก็น้อยอยู่แล้วแหละ โถ ๆ ๆ ลูกแม่เครียดไปหมดแล้วใจเย็น ๆ สิ"
"แม่คะ หนูว่ามือแม่สั่นตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะคะเนี่ย แม่ตื่นเต้นกว่าหนูอีกนะ"
“แบบนี้จะไหวเหรอลูก ร้านยังยุ่งอยู่เลย แล้วแบบนี้ลูกชายฉันจะได้ไปงานประกาศรางวัลบลูดราก้อนทันหรือเปล่า พ่อเขาก็นั่งลุ้นจนตัวโก่ง ปากก็คอยแต่จะส่งน้ำเย็นให้กินอยู่ได้”
คุณแม่เอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเอ็นดู ในช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนช่วงปิดเทอมฤดูร้อนแบบนี้ เธอได้กลับมาช่วยงานที่ร้านของพ่อกับแม่ พวกเขาวางแผนกันไว้ว่าจะมานั่งลุ้นรางวัลบลูดราก้อนไปพร้อม ๆ กันหลังจากปิดร้าน แน่นอนว่ารวมถึงเพื่อน ๆ ของเธอ หรือก็คือแอดมินแฟนคาเฟ่ ‘หัวใจคัง’ ก็เตรียมตัวพร้อมใจกันอย่างพร้อมเพรียงแล้ว
เอาเข้าจริง แฟนคาเฟ่ ‘หัวใจคัง’ ก็ดูจะคึกคักตั้งแต่เช้าตรู่
ไม่ใช่แค่ ‘หัวใจคัง’ เท่านั้น SNS และ Youtube ของคังวูจินก็ร้อนแรงไม่ต่างกัน ถึงแม้ว่างานประกาศรางวัลบลูดราก้อนจะยังไม่เริ่ม แต่คอมเมนต์แสดงความยินดีและความคาดหวังจากแฟน ๆ ก็หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย
ไม่ใช่แค่แฟนคลับเท่านั้นหรอกนะ เพื่อนสนิทของคังวูจินเองก็ใช่ย่อย
- ฮย็องกู: คังวูจิน!! ไอ้เวร นี่แกจะไปบลูดราก้อนจริง ๆ เหรอวะ???!! จริงดิ???
- คยองซอง: โคตรไม่น่าเชื่อเลยวะ 55555 วูจิน ยินดีล่วงหน้าด้วยนะเว้ย 5555
- ฮย็องกู: ได้เห็นเพื่อนตัวเองเดินพรมแดงหรือนี่!!
- วูจิน: ขอบใจพวกแก
- ฮย็องกู: เฮ้ย!! ถ่ายรูปบรรยากาศในงานมาแบ่งกันดูบ้างดิ!!
- แดยอง: วูจิน แกไปถึงสตูดิโอตอนกี่โมง?
- วูจิน: คงจะช้ากว่าพวกแกหน่อย
- คยองซอง: พวกมันสองคนคุยอะไรกันวะ?
- ฮย็องกู: ช่างเถอะ! เอาเป็นว่าวันนี้นัดรวมพล! ไปดูคังวูจินเดินพรมแดงกันนนนน
- คยองซอง: สรุปก็มีแค่แกกับฉันไม่ใช่เรอะ? ฮย็องกู
- แดยอง: ฉันไปด้วย ฉันก็ไม่ได้ไปบลูดราก้อน
บรรยากาศแห่งความตื่นเต้นครอบคลุมไปทั่วทั้งประเทศ ราวกับว่าทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังค่ำคืนอันแสนพิเศษนี้
เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างเชื่องช้า จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเข้าสู่ช่วงบ่าย
ห้องเสื้อหรูหราใจกลางกังนัมแห่งนี้ คือสถานที่ที่เหล่าคนดังแวะเวียนมาใช้บริการเป็นประจำ ทั้งเพื่อบันทึกภาพโปรไฟล์อันงดงาม หรือแม้แต่การเลือกสรรเสื้อผ้าอาภรณ์ชั้นเลิศ ก่อนเฉิดฉายในงานสำคัญต่าง ๆ พื้นที่ภายในถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก ส่วนแรกสง่างามด้วยแสงไฟ อุปกรณ์ และฉากหลัง พร้อมสำหรับการลั่นชัตเตอร์เก็บภาพความประทับใจ ส่วนที่สองคืออาณาจักรแห่งชุดสวย ที่มีทั้งกระจกบานใหญ่สะท้อนทุกมุมมอง เก้าอี้และโซฟาเรียงรายราวกับเชื้อเชิญให้พักผ่อน
ทันใดนั้น ทีมงานของนักแสดงสาวชื่อดังก็มาถึง
“เดี๋ยวฉันจัดชุดราตรีเอง!!” เสียงเข้มดังขึ้น
“แล้วเครื่องประดับล่ะคะ? จะวางตรงไหนดี”
“วางไว้ในกล่องนั่นก่อนก็ได้ เดี๋ยวจัดชุดเสร็จแล้วค่อยจัดต่อ”
“ค่ะ!”
“ส่วนไฟที่เอามา วางไว้ตรงนี้!”
“พี่ฮเยยอนล่ะคะ”
“เข้าห้องน้ำ!”
ใช่แล้ว พวกเขาคือทีมงานของ ‘ฮงฮเยยอน’ ดาราสาวผู้โด่งดัง และ ‘คิมแดยอง’ ก็เป็นส่วนหนึ่งในความวุ่นวายนี้ด้วย
ไม่นานนัก ฮงฮเยยอนในชุดคลุมยาว สง่างามราวเทพธิดา ใบหน้าเปลือยเปล่าไร้เครื่องสำอาง กลับดูเปล่งปลั่งสดใส เดินตรงเข้ามาในห้อง คงเพิ่งไปปรนนิบัติผิวสวยมาจากร้านเสริมความงามหลังจากลองชุดเสร็จแน่ ๆ
ฮงฮเยยอนทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหน้ากระจกบานใหญ่ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ราวกับเป็นสถานที่คุ้นเคย
“เฮ้อ เริ่มงานกันเลยดีกว่า” เธอบอกเสียงเรียบ
ก็แน่ล่ะ ใครจะตื่นเต้นเท่าไหร่เชียว กับงานประกาศรางวัลที่เธอต้องพบเจอมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ฮงฮเยยอนปลดปล่อยผมยาวสลวยออกจากยางมัดผมอย่างไม่รีบร้อน ก่อนจะถอดเสื้อคลุมออก พร้อมกับเอ่ยปากถามเขาที่กำลังจัดไฟอยู่ว่า
“แดยอง รองเท้าฉันอยู่ไหนคะ?”
“ครับ? อ๋อ! รองเท้า นั่นเหรอครับ รอสักครู่นะครับ”
รีบสาวเท้าไปคว้ากล่องรองเท้าราคาแพงลิบลิ่วจากกองสัมภาระตรงทางเข้าห้อง ยื่นส่งให้กับเธอ
“นี่ครับ แต่จะว่าไปมันดูแพงมากเลยนะครับ”
“เหรอ? ไม่นะ ไม่แพงเท่าไหร่” ฮงฮเยยอนตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
เขาได้แต่มองตามแผ่นหลังของเธอพร้อมกับคิดในใจว่า...
‘ไม่แพงเท่าไหร่ งั้นเหรอ แค่ดูก็รู้แล้วว่าต้องหลายแสนวอน’
ฮงฮเยยอนลุกขึ้นจากโซฟา ร่างบางดูเหมือนจะเริ่มต้นอะไรบางอย่าง ดวงตาคู่สวยสำรวจชุดเดรสหลายชุดที่แขวนเรียงรายอยู่ข้างกระจกบานใหญ่ สีสันของพวกมันช่างหลากหลาย ทั้งสีแดงอ่อนหวาน สีเบจสดใส และสีเทาเข้มขรึม ดีไซน์ของชุดเดรสแต่ละชุดก็ล้วนแตกต่างกันไป แน่นอนว่าทั้งหมดนี้คือชุดที่ฮงฮเยยอนตั้งใจเตรียมไว้ให้เธอได้ลองสวม
และแล้วช่วงเวลานั้นก็มาถึง
เสียงเปิดประตูที่ดังแซ่ก ขัดจังหวะความคิดของฮเยยอน
“เอ่อ ทุกคนมาอยู่กันครบแล้วเหรอ?”
ชเวซองกุนเดินเข้ามาในสตูดิโอสำหรับลองชุดพร้อมกับรวบผมเป็นหางม้า ตามมาด้วยกลุ่มคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาอย่างฮันเยจอง สไตลิสต์ และจางซูฮวาน พวกเขาคือทีมงานคู่ใจของคังวูจิน ในขณะที่ทุกคนกำลังทักทายกัน ชายหนุ่มใบหน้าเรียบเฉยในเสื้อพาร์กาตัวยาวก็ปรากฏตัวขึ้น
“สวัสดีครับ”
คังวูจินเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องมาลองชุดในห้องแบบนี้ ทำให้รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
‘โอ้โห ที่แบบนี้ก็มีด้วยเหรอเนี่ย’
ถึงแม้จะรู้สึกตื่นเต้น แต่ภายนอก เขากลับเสริมสร้างภาพลักษณ์เย็นชา ไม่แสดงท่าทีตื่นเต้นอะไรออกไป เพราะมีคนอยู่เยอะ คังวูจินจึงเลือกแต่งกายสบาย ๆ มาตั้งแต่ก่อนจะไปร้านทำผม หลังจากสบตาทักทายกับคิมแดยองอย่างลวก ๆ เขาก็เดินเข้าไปหาฮงฮเยยอนที่ยืนอยู่หน้าชุดเดรสที่เซ็ตเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
“สวัสดีครับ”
ฮงฮเยยอนยิ้มน้อย ๆ แล้วโบกมือทักทาย
“อื้ม มาแล้วเหรอคะ ถ่ายทำเสร็จแล้ว?”
“เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”
“ไม่เหนื่อยเหรอคะ ถ่ายทำตอนเช้า แล้วตอนกลางคืนก็ต้องไปบลูดราก้อน ท่านประธานคะ แบบนี้วูจินแย่แน่ ๆ”
ชเวซองกุนที่กำลังคุยกับทีมงานอยู่สะดุ้งไหล่
“ไม่มีทางเลือก ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ ถ่ายทำเลทไปหน่อย แต่ว่าเธอพร้อมหรือยัง? ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า เวลาจำกัด”
“อ่า รอสักครู่นะคะ”
ฮงฮเยยอนเอ่ยขึ้นขณะผละกายจากการเตรียมงาน ก่อนจะเดินกลับไปที่โซฟา วูจินเห็นดังนั้นจึงหยิบกล่องรองเท้าที่เตรียมไว้เดินตามไป
“คุณวูจิน”
กล่องรองเท้าถูกส่งต่อให้กับวูจินที่กำลังถอดโค้ทขนเป็ดตัวนอกออกอย่างใจเย็น
“นี่ค่ะ ของขวัญแสดงความยินดี”
วูจินรับกล่องมาถือไว้พลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงถาม
“อะไรเหรอครับ”
“รองเท้าค่ะ ก็แบบว่ารู้สึกขอบคุณสำหรับหลาย ๆ อย่าง แล้วก็ถือว่าอยู่ค่ายเดียวกัน ฉันนิ่งเฉยก็กระไรอยู่ ยินดีด้วยนะคะที่ได้เข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ครั้งแรก มันไม่ได้แพงมากมายอะไรหรอก รับไปเถอะค่ะ”
“ไม่แพงมากมายอะไร พูดแบบนี้หมายความว่าไง แค่ลองเสิร์ชดูก็เจอแล้ว” ชเวซองกุนที่ยืนอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ เอ่ยแทรกขึ้น
“พี่คะ! ไม่สิ ท่านประธานคะ หุบปากไปเลยค่ะ” ฮเยยอนรีบหันไปปรามเขาทันที
ระหว่างทางกลับ วูจินมองกล่องรองเท้าในมือด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นกัน
“ผมจะใส่ให้ดูดีเลยครับ”
“อ๊ะ! อื้ม! ใช่แล้ว ใส่ให้ดูดีเลยนะคะ”
“ครับ ผมจะใส่ให้ดูดีเลยครับ”
“······ แต่อย่าใส่แบบไม่ถนอมล่ะ ใส่แบบถนอม ๆ นะคะ”
“ครับ ผมจะใส่แบบถนอม ๆ ครับ”
“ค่ะ ใส่ตามสบาย ๆ เลย”
แน่นอนว่าคังวูจินไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร
‘ว้าว นี่มันแบรนด์เนมสุดหรูไม่ใช่เหรอเนี่ย? ให้ฉันเนี่ยนะ?’
แต่คนที่ควรจะทำตัวไม่ถูกในสถานการณ์แบบนี้คือเขามากกว่า เขาควรวางท่าทางเคร่งขรึมและทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นในเมื่อเธอหยิบยื่นน้ำใจมาแบบนี้ จะปฏิเสธไปทำไมล่ะ ของขวัญน่ะ ยินดีต้อนรับเสมอ คังวูจินจัดการกับความคิดที่สับสนในหัวเรียบร้อย ก่อนจะหันหลังกลับไปให้ฮงฮเยยอนเป็นคนแรกที่ได้ลองชุด
ชุดแรกเป็นเดรสสีแดงอ่อนหวาน
ฮงฮเยยอนเดินตามหลังทีมงานบางส่วนเข้าไปในห้องลองชุดที่อยู่ติดกับกระจกบานใหญ่ คังวูจินอยู่ในชุดลำลอง กำลังเตรียมตัวสำหรับคิวถ่ายทำฉากต่อไป ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ไม่ไกล ก่อนที่คิมแดยองจะเดินเข้ามาหา
“คุณคังวูจิน ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้างครับ?” คิมแดยองเอ่ยถาม
วูจินเงยหน้าสบตาคิมแดยอง ใจคิด 'หุบปากไปเลย ฉันจะอ้วกแล้ว'
แต่ก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ก็งั้น ๆ แหละ”
คิมแดยองแอบยกนิ้วโป้งให้ “สมกับเป็นคุณจริง ๆ เลยนะ ความเฉยชาแบบนั่นน่ะ”
'ไอ้ลูกหมาบ้า' วูจินได้แต่ส่งสายตาพิฆาตไปให้เพื่อนสนิท เป็นเชิงบอกให้ออกไปให้พ้น ๆ
เสียงประตูห้องลองเสื้อผ้าเปิดออก ฮงฮเยยอนในชุดเดรสสีแดงอ่อนก็ปรากฏสู่สายตา เผยให้เห็นช่วงไหล่เนียนและเนินอกขาวผ่องอย่างล่อตา ผมยาวสลวยสีดำขลับปล่อยสยายเป็นลอนคลื่น ช่วงเอวของชุดค่อนข้างรัดรูป แต่ด้วยรูปร่างเพรียวบางของฮงฮเยยอน เธอจึงเอาอยู่
ฮงฮเยยอนยิ้มอย่างผ่อนคลาย ก่อนจะเอียงคอเล็กน้อยเป็นการโพสท่าเบา ๆ “เป็นยังไงบ้างคะ” เธอเอ่ยถาม
คิมแดยองเป็นคนแรกที่แสดงปฏิกิริยา เขากระซิบกับวูจินเสียงเบา “โห แม่งเอ๊ย”
คังวูจินเองก็รู้สึกทึ่งไม่แพ้กัน แต่เขากลับเก็บอาการ 'สวยชิบหายเลยโว้ย โห นี่ฉันเห็นแบบนี้กับตาตัวเองจริง ๆ เหรอเนี่ย' ถึงอย่างนั้น ในตอนนี้เขาคงต้องเก็บอาการตื่นเต้นเอาไว้บ้าง คังวูจินจึงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เหมาะกับคุณมากครับ”
“จริงเหรอคะ จริง ๆ นะ” ฮงฮเยยอนยิ้มกว้าง เธอรับคำชมจากชเวซองกุนและทีมงานอีกสิบกว่าคนด้วยความยินดี พวกเขาทั้งหมดต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอสวยมาก ซึ่งไม่ใช่คำพูดเพื่อรักษาน้ำใจ แต่เป็นเพราะตอนนี้ฮงฮเยยอนดูเปล่งประกายจริง ๆ แม้จะไม่ได้แต่งหน้าแม้แต่น้อย ฮงฮเยยอนอารมณ์ดีสุดขีด เธอรีบเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องลองเสื้อผ้าทันที
สุดท้ายแล้ว เธอตัดสินใจเลือกชุดแรก ชุดเดรสสีแดงอ่อน จากชุดทั้งหมดสี่ชุด
และแล้วก็ถึงเวลาของ…
“เอ้า! วูจิน ไปเปลี่ยนเป็นชุดสีกรมท่าออกมาให้ดูหน่อยสิ ซูฮวานไปช่วยวูจินหน่อย”
คังวูจิน ผู้ชายที่ได้สัมผัสกับชุดทักซิโด้เป็นครั้งแรกในชีวิต และคิดว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสได้สวมใส่มันอีก ค่อย ๆ ก้าวเข้าไปในห้องลองชุดอย่างทำใจให้สงบ พลางสวมกางเกงและเสื้อเชิ้ตอย่างเชื่องช้า ความรู้สึกแรกที่วูจินสัมผัสได้นั้นเรียบง่ายมาก
‘โอ้? ก็ไม่เลวแฮะ?’
ขณะที่บรรยากาศภายนอกห้องลองชุดเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“พี่วูจินจะเป็นยังไงน้า?”
“จะพูดอะไรได้อีกล่ะคะ หุ่นดีขนาดนั้น”
“แต่ฉันว่านะ ต่อให้ปกติจะแต่งตัวดีแค่ไหน ก็มีนักแสดงหลายคนที่ใส่ทักซิโด้แล้วไม่รอดเหมือนกันนะ”
“อ่า— นั่นสินะ”
บทสนทนาระหว่างสไตลิสต์ยังคงดำเนินต่อไป จนกระทั่งประตูห้องลองเสื้อผ้าถูกเปิดออก เผยให้เห็นหญิงสาวสวมหมวกเดินเข้ามา
“เฮ้อ— คนเยอะจังเลย แฮะ ๆ สวัสดีค่ะ”
ฮวาลินในเสื้อแพดดิงสีน้ำตาลตัวสั้น ทำสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย ท่ามกลางทีมงานที่มองเธออย่างงุนงง ฮงฮเยยอนจึงโบกมือเรียกฮวาลินเข้ามา
“ฮวาลิน! เธอมาช้าจัง ฉันใส่ชุดเสร็จแล้วนะ!”
ฮวาลินที่เพิ่งทักทายซอซองกุนเสร็จก็เดินเข้าไปหาฮงฮเยยอนพลางยิ้มแห้ง ๆ
“ขอโทษที ๆ หายากนิดหน่อยน่ะค่ะ”
ฮงฮเยยอนมองถุงกระดาษสีเขียวในมือของหญิงสาว ก่อนจะถามขึ้นด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“นั่นใช่มั้ย?”
“หืม? อ่า— ใช่ แล้ววูจินล่ะคะ?”
“ห้องลองชุด”
ทันใดนั้นเอง…
-แกร็ก
บานประตูห้องลองเสื้อเปิดออกเผยให้เห็น คังวูจิน ในชุดทักซิโด้สีกรมท่าสง่างาม รองเท้าหนังสีดำเงาวับที่ฮงฮเยยอนเป็นคนเลือกให้ เสริมลุคให้เขาดูดีขึ้นไปอีก เสื้อกั๊กสีเดียวกันสวมทับเสื้อเชิ้ตสีกรมท่า ชุดทักซิโด้แนบไปกับเรือนร่างราวกับตัดเย็บขึ้นมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ
แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดเห็นจะเป็นเนคไทที่ไม่ได้ผูกเป็นโบว์แบบทั่วไป แต่เป็นริบบิ้นผ้าผูกเป็นโบว์ขนาดใหญ่พอเหมาะ เสริมเสน่ห์ให้คังวูจินดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร
ขณะที่วูจินกำลังจะก้าวออกจากห้อง พร้อมกับจัดชายเสื้อสูททักซิโด้ ฮวาลินที่เพิ่งมาถึงห้องลองเสื้อก็เผลอหลุดปาก ราวกับต้องมนต์สะกดจากใบหน้าคมคาย
“หล่อ... หล่อบาดใจ”
ฮงฮเยยอนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบถามขึ้นทันที
“หา? ว่าไงนะ?”
ณ เวลาเดียวกัน ณ เมืองอินชอน
‘พลาซ่า’ โถงอันโอ่อ่ากว้างใหญ่ของ ‘เมืองสรวงสวรรค์S’ โรงแรมรีสอร์ทสุดหรู ถูกเนรมิตให้เป็นสถานที่จัดงานมอบรางวัลอันวิจิตรตระการตา บรรยากาศภายในคึกคักไปด้วยเหล่าทีมงานกว่าร้อยชีวิตที่กำลังวุ่นวายกับการเตรียมงานขั้นตอนสุดท้าย จอภาพขนาดยักษ์บนเวทีฉายภาพชื่อเรื่องที่สะดุดตา
-[งานประกาศผลรางวัลภาพยนตร์บลูดราก้อน ครั้งที่41 ประจำปี 2020]
ท่ามกลางเก้าอี้ที่เรียงรายเต็มพื้นที่ หนึ่งในทีมงานที่กำลังเดินตรวจความเรียบร้อยเอ่ยถามขึ้น
“ใครเป็นคนติดชื่อนักแสดงบนเก้าอี้ตรงนี้!! ตรวจให้แน่ใจด้วยว่าครบทุกคนนะ!!”
บนพนักเก้าอี้แต่ละตัว ปรากฏชื่อของเหล่านักแสดงแถวหน้าของประเทศ เรียงรายกันอยู่เต็มไปหมด
“เอ๊ะ? ผมเช็คครบหมดแล้วนะครับ ?!”
“เช็คแล้วยังไง! แล้วนี่กับนี่ ทำไมถึงว่างเปล่าล่ะ!!”
บนเก้าอี้ที่ทีมงานเพิ่งเดินผ่านไปเมื่อครู่ ปรากฏชื่อที่ทุกคนต่างคุ้นเคย
-[คุณคังวูจิน]
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_