ตอนที่แล้วบทที่ 1 โดนบังคับเข้า 'ยึดร่าง'
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 โดนสิงร่าง

บทที่ 2 โดนบังคับเข้า 'ยึดร่าง' (2)


มู่ฉางถิงเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง นึกถึงตอนที่จากเขาไป เด็กหนุ่มยังสูงไม่ถึงเอวของเขาด้วยซ้ำ

เขาก้มหน้าลงต่ำ หมิงลี่นึกว่าเขาน้อยใจในคำพูดของพวกศิษย์น้อง จึงรีบร้อนเอ่ยปราม "เอาละ อย่าเพิ่งเอะอะไป คนไม่เป็นอะไรถึงจะสำคัญที่สุด"

หมิงลี่ประคองมู่ฉางถิงขึ้นมานั่ง "ศิษย์น้อง เจ้าหนีออกมาได้อย่างไร?"

เขากะพริบตาปริบๆ บอกว่า "ข้าทำให้ตาของมันบอด แล้วอาศัยช่วงชุลมุนวิ่งออกมา"

น้ำเสียงที่มีความสงสัยดังขึ้น "ยังจะมาโกหกอีก! เจ้าทำให้ตาของสัตว์ประหลาดนั่นบอดได้ด้วยหรือ?"

"ศิษย์พี่ใหญ่ ในเมื่อเขาเก่งกาจเสียขนาดนี้ ทำไมต้องให้พวกเรามาช่วยอีก!"

"จริงด้วย ไม่แน่เขาอาจคิดว่าพวกเราเกะกะ!"

หมิงลี่ขมวดคิ้ว กล่าวตำหนิว่า "ไม่ว่าอย่างไร หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้าทิ้งเขาไว้ เขาจะตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร? ปกติข้าสอนให้พวกเจ้าปฏิบัติต่อศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักเช่นนี้หรือ?"

ไม่นึกว่าลูกศิษย์ตัวน้อยจะมีมาดความเป็นศิษย์พี่ใหญ่เช่นนี้ มู่ฉางถิงมองอย่างยินดียิ่ง

เหล่าเด็กหนุ่มโดนว่าเสียจนสลดไปตามๆ กัน ใบหน้าแดงก่ำ

เห็นว่าหมิงลี่จะพูดอะไรอีก มู่ฉางถิงจึงกดขาไว้และแสร้งครวญครางขึ้นมา "โอ๊ย ขาของข้า หมิงลี่ หมิงลี่! เจ้าช่วยดูเร็วเข้าสิว่ามันยังใช้การได้หรือไม่?"

ได้ยินเขาเรียกชื่อหมิงลี่ตรงๆ อีกครา เหล่าเด็กหนุ่มพลันเงยหน้าถลึงมองเขา กลับไม่กล้าพูดอะไรอีก

หมิงลี่ดูอาการบาดเจ็บของมู่ฉางถิงอย่างละเอียด แล้วกล่าวปลอบใจว่า "วิธีห้ามเลือดของเจ้าถูกต้องแล้ว กลับไปให้ท่านอาจารย์หมอช่วยดูเสียหน่อย คงไม่เป็นอะไรหรอก"

เขาเงยหน้าขึ้นบอกพวกเด็กหนุ่มว่า "อยู่ที่นี่นานนักไม่ได้ พวกเจ้ากลับไปก่อนค่อยว่ากันเถอะ"

เขาเรียกพวกเด็กๆ มาแบกมู่ฉางถิง แล้วเดินออกจากป่าตามเส้นทางขามา

สำนักชิงซินตั้งอยู่บนภูเขาหลีซานที่ห้อมล้อมด้วยเมฆหมอก ตลอดมาเป็นสำนักแรกของเซียน ทั้งสิบสองวังตั้งไปตามแนวภูเขาราวมังกรยักษ์หลับใหลในภูผา ท่าทางคดเคี้ยวขึ้นลง ด้านบนไม่เห็นยอด ด้านล่างไม่แตะดิน ความโอ่อ่าตระการตาทำให้คนแค่เห็นก็ยำเกรง

วังทั้งสิบสองแบ่งกันตามระดับเป็นวังโส่วหยาง วังเหมยเจี้ยน วังเย่อิง วังชิงเหอ วังอวี้หลาน วังฉานอวี่ วังเหลียงเยวี่ย วังเยวี่ยเจี้ยน วังสืออวี่ วังเสินเล่อและวังหลงเยวี่ย

วังโส่วหยางเป็นหัวหน้าทั้งสิบสองวัง มีเพียงเจ้าสำนักและศิษย์สายตรงถึงจะได้เข้าพำนัก

หลังจากมู่ฉางถิงตายไป ศิษย์น้องของเขาก็เข้ามารับตำแหน่งต่อ ดังนั้นหมิงลี่ ศิษย์สายตรงเพียงคนเดียวของมู่ฉางถิงจึงต้องย้ายจากวังโส่วหยางไปวังชิงเหอ เห็นได้ว่าสำนักชิงซินอะไรก็ดีไปหมด มีเพียงลำดับขั้นที่เข้มงวด สูงต่ำแบ่งกันชัดเจน หลายปีมานี้ไม่มีเปลี่ยนแปลง

มู่ฉางถิงสงสัยจริงๆ วรยุทธ์พลังวิญญาณของกู้จือหลานเช่นนี้ เหตุใดถึงโดนส่งมาวังชิงเหอได้? มิน่าศิษย์พี่ศิษย์น้องพวกนั้นถึงได้ไม่พอใจเขา

สองมือประสานกันไว้ใต้ศีรษะ มู่ฉางถิงนอนเอกเขนกบนเตียง ทอดถอนใจพลางแกว่งขาซ้ายที่ห้อยไว้ไปมาอย่างเบื่อหน่าย

นอนอย่างหมดสภาพยิ่งนัก

ปึง!

อ่างน้ำวางลงอย่างกะทันหัน น้ำจึงสาดกระเซ็นไปทั่วในทันใด มู่ฉางถิงเช็ดหยดน้ำตามใบหน้าอย่างใจเย็น

หนึ่งในเด็กหนุ่มเมื่อคืนที่ไม่ชอบขี้หน้าเขา ถลึงจ้องมองเขาพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง "อย่าคิดว่าศิษย์พี่ใหญ่ดูแลเจ้า แล้วเจ้าจะสามารถเดินลอยชายในวังชิงเหอได้! ข้าตักน้ำมาให้เจ้า หากเจ้ายังกล้าไปฟ้องศิษย์พี่ใหญ่ ระวังเจ้าจะรับผิดชอบไม่ไหว!"

หมิงลี่คงสั่งให้เขาเข้ามาดูแลตนเองเป็นพิเศษแน่ๆ ถึงได้ตั้งใจตักน้ำมาให้เห็นกันเช่นนี้

มู่ฉางถิงยิ้มอย่างใจดี "ขอรับ ขอบคุณศิษย์พี่ฟาง! ข้าจะดูแลตนเอง ไม่ลำบากท่านแน่นอน!"

ฟางลี่มองเขาแปลกๆ ในใจคิดว่าทำไมจู่ๆ เจ้าเด็กนี้ถึงใจเย็นเช่นนี้ เมื่อก่อนพูดเช่นนี้เกรงว่าเขาคงตะเกียกตะกายขึ้นมาต่อล้อต่อเถียงแล้ว

แม้ฟางลี่จะสีหน้าดีขึ้นมาบ้าง ทว่ายังคงแค่นเสียงเย็นหยัน

เพียงเห็นเขาเดินไปเตียงฝั่งตรงข้าม ก่อนจะเปลื้องผ้าและนอนลงทันที ปากก็เอ่ยพึมพำว่า "เจ้าอย่าหาว่าพวกเราใจร้ายทิ้งเจ้าไว้เลย เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นน่ากลัวมากจริงๆ ทุกคนได้แต่หนีเอาตัวรอด ใครจะสนใจว่าเจ้าตามมาหรือไม่? จะว่าไปแล้ว หากเจ้าไม่ดึงดันจะไปช่วยเจ้าคนตัดไม้นั่นโดยไม่ประมาณกำลังตนเอง ทั้งยังไม่รอศิษย์พี่ใหญ่กลับมา แมงมุมยักษ์นั่นจะเพ่งเล็งเจ้าได้อย่างไร เจ้าน่ะ..."

เสียงของเขายิ่งเบาลงเรื่อยๆ มู่ฉางถิงชะโงกหน้าไปมองเขาอย่างขบขัน "ศิษย์พี่ฟาง?"

มู่ฉางถิงมองไปกลับตกใจเสียจนลุกขึ้นมานั่ง ฟางลี่ไม่แม้แต่จะห่มผ้า เพียงฟุบหน้าไปกับเตียง ไม่เหมือนว่ากำลังหลับแต่คล้ายสลบไปมากกว่า

ในยามนี้ ลมพัดประตูเปิดเสียงดัง 'แกร๊ก'

ผู้มาใหม่สวมชุดคลุมยาวนกกระเรียนสีขาวจันทร์ ผมปักปิ่นลายเมฆ ก้าวมาเบื้องหน้าของเขาอย่างเชื่องช้า ใบหน้าที่เคร่งเครียดเสมอมาเผยรอยยิ้มอบอุ่นน้อยๆ "จือหลาน ได้ยินว่าเจ้าบาดเจ็บ ข้าจึงมาเยี่ยมเจ้า"

มือของเขาลูบขาซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บของมู่ฉางถิงอย่างเบามือ พลังวิญญาณอันล้นเหลือห่อหุ้มมือนั้น ราวกระแสไออุ่นไหลผ่านไป ไม่ทันไรบาดแผลก็ไร้ซึ่งความเจ็บปวด

ใช้พลังวิญญาณรักษาบาดแผล! สิ้นเปลืองเสียจริง!

มู่ฉางถิงนิ่งมองศิษย์น้องของเขาที่ไม่ได้พบกันมาหลายปี สวรรค์! เขาไม่ได้ยิ้มมากี่ปีแล้วนะ?

ฟู่ซีเฟิงเงยหน้ามองเขา จู่ๆ ก็ยื่นมือมากุมมือของเขา ก่อนยิ้มขึ้นมาอีกครา "ทำไมไม่พูดอะไรเล่า? ยังโกรธที่ข้าไม่ยอมรับเจ้าเป็นศิษย์หรือ?"

มู่ฉางถิง "..."

เหมือนข้าจะเจอความลับอะไรดีๆ เข้าแล้วสิ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด