ตอนที่แล้วบทที่ 17 จิ๊กซอว์แห่งอดีต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 19 เปลี่ยนห้อง

บทที่ 18 ผีเด็กร่างขาว 


บทที่ 18 ผีเด็กร่างขาว

ในความฝัน

เวลาย้อนกลับไปสู่อดีต

แสงอาทิตย์อ่อนโยนส่องลงมายังถนนเก่า ต้นหลิวปลิวไสว ชาวบ้านสูงอายุนั่งพูดคุยกันอย่างสบายอารมณ์ใต้แสงแดด

อู๋เซี่ยนนั่งยองๆ อยู่หน้าโรงแรม รอบตัวเขามีกลุ่มเด็กน้อยหลายคนล้อมอยู่

พวกเขากำลังเล่นเกมตีการ์ด

เกมนี้ใช้การ์ดรูปตัวละครจากเกมหรืออนิเมะ เป็นการ์ดที่ส่วนใหญ่เลิกผลิตแล้ว ซึ่งการ์ดหายากมักมีมูลค่าสูง ผู้เล่นผลัดกันตีการ์ดของอีกฝ่ายด้วยการ์ดของตน หากการ์ดของฝ่ายตรงข้ามพลิกคว่ำ ผู้ชนะจะได้การ์ดใบนั้นไป

พวกเขาเล่นกันมาเป็นเวลากว่าชั่วโมงแล้ว

ถุงพลาสติกที่วางข้างตัวอู๋เซี่ยนเต็มไปด้วยการ์ด ขณะที่เด็กคนอื่นๆ เริ่มมีการ์ดเหลือเพียงไม่กี่ใบ

เสียงตีดังสนั่น

การ์ดใบสุดท้ายพลิกคว่ำ

อู๋เซี่ยนยืนขึ้นอย่างภาคภูมิใจ หัวเราะลั่นขณะเก็บการ์ดใส่กระเป๋า ฝันนี้ทำให้เขายิ้มอย่างสุขใจ เพราะนี่เป็นความสุขที่เขาเคยปรารถนามาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยได้สัมผัส

ทันใดนั้น เด็กทั้งห้าคนก็กรูเข้ามาล้อมเขาไว้ เริ่มผลักและขู่

"คืนมา คืนของพวกเรามา!"

อู๋เซี่ยนรู้สึกแปลกใจ

ทำไมเด็กพวกนี้ถึงทวงของคืน ทั้งที่สิ่งที่เขาได้มาคือการ์ดที่ชนะมาอย่างถูกต้อง?

"ถ้าไม่คืน... ตายซะเถอะ!"

ขณะที่อู๋เซี่ยนเริ่มรู้สึกตัว สภาพแวดล้อมในฝันก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว ความมืดมิดเข้าปกคลุม และสิ่งก่อสร้างรอบตัวบิดเบี้ยวอย่างน่าสยดสยอง

อู๋เซี่ยนรีบกัดลิ้นตัวเอง ความเจ็บปวดทำให้เขาหลุดออกจากความฝันในทันที

เมื่อเขาลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาเห็นคือ ดวงตาหกคู่

แสงจันทร์อันซีดเซียวส่องเข้ามาในห้อง เผยให้เห็นร่างเล็กๆ สามร่างยืนอยู่ข้างหน้าต่าง

ทั้งสามเป็นเด็กตัวเล็ก แต่มีใบหน้าของคนแก่ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยย่นและน่าขนลุก ดวงตาสีดำสนิทไร้แวว สะท้อนความอาฆาตแรงกล้า

ผีเด็กทั้งสามผลักและตบตัวอู๋เซี่ยน ทุกสัมผัสที่ได้รับนั้นราวกับเข็มทิ่มแทง

พวกมันกรีดร้องด้วยเสียงที่แหลมเล็กแต่แฝงด้วยความแก่ชราอย่างน่าสะพรึง

"คืนมา คืนของพวกเรามา!"

ภาพตรงหน้าน่ากลัวจนทำให้อู๋เซี่ยนต้องมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม ไม่ใช่เพราะเขาขี้ขลาด แต่เพราะเขาต้องการเวลาเพื่อคิดหาวิธีรับมือ

แต่ในผ้าห่มนั้น เขากลับเห็นใบหน้าซีดขาวอีกสองหน้า

ดวงตาสีดำไร้แววของพวกมันจ้องมองเขาอย่างไร้ความรู้สึก

"ชิ!"

เมื่อถูกอู๋เซี่ยนจับได้ ผีเด็กทั้งสองเริ่มเคลื่อนไหว มือเล็กๆ ของพวกมันตบตีร่างกายของอู๋เซี่ยน ส่งผ่านความเจ็บปวดเยือกเย็นเข้ามาทุกครั้งที่สัมผัส

แต่เป็นที่รู้กันดีว่า การซุกซนในผ้าห่ม อาจเผลอเจอสิ่งที่ไม่ควรจับต้องได้

มือเล็กๆ ของผีเด็กสัมผัสเข้ากับสิ่งหนึ่งที่ร้อนระอุและเป็นแท่งยาว

มันคือดาบเหรียญทองแดง

ดาบที่ร้อนขึ้นเมื่อพบผี และสามารถฟาดฟันสิ่งชั่วร้ายได้

"วี๊ดด!"

ผีเด็กทั้งสองส่งเสียงกรีดร้องอย่างเงียบงัน แต่แสบแก้วหู

อู๋เซี่ยนไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย เขาฉวยดาบและกระชากผ้าห่มออก ยกดาบขึ้นด้วยใบหน้าดุดัน พร้อมจะฟาดฟัน

ท่าทางเกรี้ยวกราดของเขาทำให้ผีเด็กทั้งสามตัวหวาดกลัวจนตัวสั่น พวกมันหลบไปซุกมุมห้อง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวาและน้ำตาคลอ

อู๋เซี่ยนหยุดชะงัก

เขายังไม่ได้ทำอะไรแท้ๆ แต่พวกมันกลับกลัวจนเป็นแบบนี้?

"ถ้างั้นฉันก็ไม่ต้องกลัวพวกแกแล้ว!"

อู๋เซี่ยนหัวเราะเยาะพร้อมยกดาบเหรียญทองแดงขึ้นเตรียมฟาด แต่ก่อนที่ดาบจะฟันลงไป เขากลับหยุดมือทันที

"ไม่ชอบมาพากล..."

"พวกผีเด็กนี่มันอ่อนแอเกินไป"

อู๋เซี่ยนรำพึง เขานึกถึงสิ่งที่ฉีจื้อหยงเคยพูดไว้ ว่า ยิ่งผีมีพลังมากเท่าไร ข้อจำกัดของมันก็ยิ่งมากขึ้น ในทางกลับกัน พวกผีที่อ่อนแอจึงสามารถแทรกซึมเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ ได้

"พวกมันน่าจะอ่อนแอกว่าผีเร่ร่อนเสียอีก แล้วทำไมถึงกล้าบุกมาหาฉันตรงๆ แบบนี้?"

อู๋เซี่ยนเริ่มเข้าใจเบื้องหลังของเหตุการณ์นี้

วันนี้ต่างจากเมื่อวานตรงที่ ห้องที่ถูกทำสัญลักษณ์ไว้นั้นไม่มีคนอยู่ ทำให้ผีบุกประตูมาเสียเที่ยว อาจเป็นเพราะเหตุนี้เอง ผีบุกประตูจึงปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ ส่งผีเด็กร่างขาวเหล่านี้เข้ามาเพื่อลองเชิงว่าห้องใดมีคนอยู่

คำถามใหม่จึงเกิดขึ้น ผีบุกประตูสื่อสารกับผีเด็กเหล่านี้ได้หรือไม่?

อู๋เซี่ยนเดิมพันว่า มันสื่อสารกันไม่ได้

บางทีผีบุกประตูอาจใช้วิธีตรวจสอบจากสภาพของผีเด็กที่มันส่งเข้ามา ว่าพวกมันได้รับบาดเจ็บหรือไม่ เพื่อประเมินว่าห้องนั้นมีคนอยู่หรือไม่

เมื่อคิดได้เช่นนี้ อู๋เซี่ยนจึงเก็บดาบเหรียญทองแดง พร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนให้พวกผีเด็ก

"มาเล่นกันเถอะ"

ผีเด็กตัวหนึ่งพูดด้วยเสียงแผ่วเบา "เล่นอะไรดีล่ะ?"

"เล่นซูโดกุ กับเกมจับคู่ไพ่ดีไหม?"

"ดีสิ ดีสิ!"

อู๋เซี่ยนจึงปล่อยให้พวกผีเด็กอยู่ต่อ และตัดสินใจสังเกตการณ์ดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

---

คืนอันยาวนานที่ชวนอึดอัดกำลังจะสิ้นสุด เหลือเวลาอีกเพียงครึ่งชั่วโมงก่อนฟ้าสาง พวกผีเด็กที่สับสนและมึนงงค่อยๆ หนีออกจากห้องของอู๋เซี่ยน

เขาค่อยๆ ลุกขึ้นจากพื้น เดินไปที่ห้องน้ำเพื่อส่องกระจก

บนร่างกายของเขามีรอยช้ำเล็กๆ กว่า 30 รอย ซึ่งเป็นรอยที่ผีเด็กทิ้งไว้ รอยช้ำเหล่านี้ให้ความรู้สึกเย็นเฉียบ และเมื่อกดลงไปก็จะรู้สึกเจ็บแปลบ

อย่างไรก็ตาม รอยมือเหล่านี้เพียงแค่ทำให้เจ็บ แต่ไม่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเขา

ด้วยความชำนาญจากประสบการณ์เมื่อวาน อู๋เซี่ยนเปิดประตูห้องและเดินออกไปยังทางเดิน

เมื่อเขาออกมาที่ทางเดิน เขาก็หันไปมองที่ห้อง 408 พบว่าประตูถูกถีบเปิดออก และภายในห้องดูเหมือนจะถูกปล้นยับเยิน ของทุกชิ้นพังพินาศ และไม่มีร่องรอยของอุปกรณ์หรือเทวรูปหลงเหลืออยู่

"ดูเหมือนว่าฉันคิดถูก"

นี่เป็นหลักฐานว่า สัญลักษณ์จากอวี๋อิงฮวาไม่ได้ระบุคน แต่เป็นการระบุที่ห้องหรือประตู ดังนั้นหากหลบออกจากห้องที่ถูกทำสัญลักษณ์ไว้ก็จะปลอดภัย

แต่การปรากฏตัวของผีเด็กกลับสร้างความยุ่งยากขึ้นมาอีก

หากครั้งหนึ่งไม่สามารถฆ่าใครได้ จะมีผีเด็กโผล่มา แล้วถ้าเป็นครั้งที่สอง หรือสามล่ะ? ความยากของถ้ำสวรรค์จะเพิ่มขึ้นหรือไม่หากพวกเขารอดไปได้หลายครั้ง?

อู๋เซี่ยนส่ายหัว "ดูท่าเราจะต้องเริ่มก่อเรื่องอะไรบางอย่างแล้วล่ะ"

เขาสำรวจรอบๆ พบว่ามีรอยมือจากโคลนปรากฏขึ้นใหม่ที่หน้าห้องของสือจี๋ แต่ครั้งนี้อู๋เซี่ยนเพียงมองเฉยๆ โดยไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม

---

เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่าง ประตูห้องต่างๆ ก็ถูกเปิดออก

ผู้รอดชีวิตที่อาศัยอยู่ในโรงแรม ยังคงเป็นคนเดิมจากเมื่อคืน

อู๋เซี่ยนกวาดตามองใบหน้าของทุกคน พบว่ามีเพียงเขาที่มีรอยมือบนร่างกาย ใบหน้าของคนอื่นๆ สะอาดหมดจด ราวกับว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่ถูกผีเด็กเล่นงานเมื่อคืน

อย่างไรก็ตาม รอยคล้ำใต้ตาของพวกเขาบอกให้รู้ว่า ไม่มีใครนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่ม

โดยเฉพาะฉีจื้อหยง ที่ดูเหนื่อยล้ามากที่สุด

เขาตื่นตัวตลอดทั้งคืนเพื่อเตรียมรับมือกับผีบุกประตู แต่สุดท้ายก็เจอเพียงผีเด็กตัวจ้อยเท่านั้น ตอนนี้เขากำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ว่าทำไมเป้าหมายเมื่อคืนถึงไม่ใช่ตัวเขา

ฉีจื้อหยงสังเกตใบหน้าของทุกคนครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะหยุดมองที่รอยคล้ำใต้ตาของอู๋เซี่ยน

จู่ๆ เขาก็เกิดความหวั่นไหวขึ้นมา

หรือว่า... มีคนวางแผนจัดการกับเขา?

อู๋เซี่ยนที่ดูเหมือนจะเป็นคนอ่อนแอตั้งแต่วันแรก แต่กลับยังมีชีวิตอยู่รอดมาได้ และบ่อยครั้งก็ให้ข้อมูลสำคัญได้ อีกทั้งยังเป็นคนที่เขาทำให้โกรธมากที่สุด

ข้อมูลเกี่ยวกับสัญลักษณ์และการโจมตี ก็เป็นข้อมูลที่มาจากอู๋เซี่ยนเช่นกัน

ยิ่งคิด ฉีจื้อหยงก็ยิ่งสงสัยในตัวอู๋เซี่ยน สายตาของเขาทำให้อู๋เซี่ยนรู้สึกไม่สบายใจ

“อ๊าาา!”

ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องดังขึ้น ทำลายความคิดของฉีจื้อหยง

ผีเด็ก: บันทึกจากอีเจียนจื้อ – ม้วนที่ 13 "หลี่อวี้ต่อสู้กับผี"

ในบันทึกกล่าวว่า ขุนนางชื่อหลี่อวี้ได้รับคำสั่งจากผู้ปกครองเมืองให้ไปต้อนรับข้าหลวงใหม่ที่เขตชานเมือง เมื่อเดินทางไปได้สิบกว่าลี้ เขาได้ยินข่าวว่าข้าหลวงยังมาไม่ถึง จึงตัดสินใจกลับบ้าน

ระหว่างทาง เขาเจอเด็กเล็กๆ กว่าร้อยคนปรากฏตัวออกมาจากข้างถนน เด็กแต่ละคนอายุเพียงสี่ถึงห้าขวบ พวกเด็กๆ พากันตะโกนเสียงดังและรุมเข้าทำร้ายหลี่อวี้

ในตอนแรก หลี่อวี้ไม่เกรงกลัว และเริ่มต่อสู้กับพวกผีเด็ก เขาออกหมัดเพียงครั้งเดียวก็ทำให้เด็กสิบกว่าคนล้มลง แต่เด็กเหล่านั้นกลับลุกขึ้นมาใหม่และรวมตัวกันอีกครั้ง พวกเขาทำแบบนี้อยู่หลายรอบ บางคนกระโดดขึ้นบนไหล่ของหลี่อวี้และดึงผมเขา

หลี่อวี้เริ่มจนมุมและพยายามดิ้นรนหนีไปข้างหน้า ขณะที่ต่อสู้และถอยไปเรื่อยๆ ชายชราผู้หนึ่งในชุดผ้าป่านและสวมรองเท้าฟางปรากฏตัวขึ้นอย่างลึกลับ

ชายชราตะโกนใส่เด็กๆ ว่า “ขุนนางคนนี้สวดพระสูตร(สัทธรรมปุณฑริกสูตร) เป็นประจำ หากพวกเจ้าทำร้ายเขา จะเป็นการสร้างกรรมไม่ดีแก่ข้า!”

เมื่อได้ยินดังนั้น ผีเด็กก็พากันถอยหนีไป และชายชราก็หายตัวไปเช่นกัน

หลี่อวี้เดินทางกลับถึงบ้าน แต่ไม่สามารถเดินได้อีก และต้องให้ทหารช่วยพยุงกลับเข้าไปในบ้าน เมื่อเขากลับถึงบ้าน เขาหมดสติไป และเมื่อลูกๆ เปิดเสื้อของเขาออก ก็พบว่าร่างกายของเขามีรอยช้ำทั่วตัว

พวกเขาจึงรีบทำพิธีเรียกวิญญาณ และนิมนต์พระสงฆ์มาสวดมนต์ ร่างกายของหลี่อวี้ฟื้นตัวหลังจากผ่านไปกว่าครึ่งปี จนในที่สุดเขาสามารถใช้ไม้เท้าเดินออกมาได้อีกครั้ง

มีคนสันนิษฐานว่า ชายชราผู้นั้นอาจเป็นเทพารักษ์ผู้คุ้มครองในท้องถิ่น

เรื่องนี้เกิดขึ้นในปีที่ 28 แห่งรัชศกเซ่าซิง (ค.ศ. 1158)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด