ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 โดนบังคับเข้า 'ยึดร่าง' (2)

บทที่ 1 โดนบังคับเข้า 'ยึดร่าง'


กลิ่นคาวเลือดน่าขยาดฟุ้งไปในอากาศ ในช่องเขาอันเงียบสงัด เสียงอสูรกายเคี้ยวฟันยิ่งดังขึ้นหลายเท่า มู่ฉางถิงพยายามประคองสติ ภายใต้แสงจันทร์สลัวๆ เขาเห็นแมงมุมยักษ์ตัวหนึ่งกำลังก้มกินร่างไร้วิญญาณที่ไม่เหลือเค้าเดิมอย่างใจจดใจจ่อ เพียงเห็นหัวของมันก้มๆ เงยๆ อยู่ในท้องของศพ เลือดไหลนองพื้น ในนั้นยังมีอวัยวะภายในที่มันล้วงออกมาทิ้งไว้บนพื้น

มู่ฉางถิงหายใจอย่างช้าๆ ก่อนจะกลับไปนอนราบอีกครั้ง ความคิดยังปั่นป่วนไม่หยุด

แม้สถานการณ์ตอนนี้น่าสะพรึง ทว่าเขาดูแลสำนักชิงซินมาแปดปีไม่เคยเจออุปสรรคอะไร สิ่งที่ทำให้เขายากจะใจเย็นได้จริงๆ ก็คือ... เขาที่เป็นตาแก่ผู้ตายไปกว่าสิบปี ตายเสียจนไม่อาจตายได้อีก เหตุใดถึงได้มายึดร่างของเด็กหนุ่มคนนี้?!

พลังวิญญาณจะไหลเวียนในร่างหนึ่งวัน มู่ฉางถิงมั่นใจอย่างยิ่งว่าตนเองโดนบังคับให้เข้ามา 'ยึดร่าง'

ถึงจะเรียกว่ายึดร่าง อันที่จริงก็ต่างจากการที่วิญญาณคนตายสิงร่างคนเป็นเพียงเล็กน้อย แค่เพราะวิญญาณของผู้บำเพ็ญตนจะบริสุทธิ์จึงต่างจากวิญญาณของคนทั่วไป คนที่โดนวิญญาณคนตายสิงสู่จะโดนวิญญาณคนตายที่เต็มไปด้วยพลังหยินดูดกลืนพลังชีวิตทั้งวันและคืน ทว่าคนที่โดนวิญญาณเซียนเข้ายึดร่างจะไม่ได้รับความเสียหายใดๆ แต่จิตสำนึกจะหายไปชั่วคราว จิตวิญญาณของเจ้าของร่างจะถอยไปเบื้องหลังและหลบทางให้วิญญาณเซียน ปล่อยให้วิญญาณเซียนควบคุมร่างกายของตนเอง

เพื่อจะแบ่งแยกความแตกต่างระหว่างสองสิ่งนี้ วิถีแห่งเซียนจึงเรียกการที่วิญญาณเซียนสิงร่างคนทั่วไปเช่นนี้ว่า 'ยึดร่าง'

มู่ฉางถิงตรวจสอบพบว่าร่างกายไม่ได้รับบาดเจ็บ มีเพียงขาขวาที่เจ็บมากๆ มันโดนแทงเสียจนเลือดไหล ตอนหนีเอาชีวิตรอดจะต้องโดนขาของแมงมุมยักษ์แทงทะลุเป็นแน่

ปกติเด็กหนุ่มคนนี้คงไม่ขยันฝึกบำเพ็ญ พลังวิญญาณในร่างถึงได้น้อยเสียจนน่าเวทนานัก!

แย่ล่ะ กำลังไม่มี อาวุธข้างกายก็ไม่มี! มิน่าเล่า กระทั่งแมงมุมยักษ์ยังทิ้งเขาไว้ข้างๆ นับเป็นมื้อเย็นรสเลิศที่มาส่งถึงบ้าน ซ้ำยังไร้แรงต่อต้านขัดขืนไม่ใช่หรือ?

มู่ฉางถิงแอบๆ สบถ มือซ้ายเช็ดถูร่างกายอย่างแรง แม้จะสกปรกมากเพียงใด กลับยังฝืนทำใจมองได้

เขากัดนิ้วมือและวาดอักขระแปลกๆ บนฝ่ามือสะอาด เมื่อลากเส้นสุดท้ายเสร็จอักขระก็ส่องแสงสีทอง 'อาคมทลายเมฆ' สำเร็จแล้ว

ความรู้สึกถึงอันตรายของสัตว์ประหลาดนับเป็นสิ่งที่มีกันมาแต่กำเนิด แมงมุมยักษ์หยุดกินอาหาร แปดดวงตาที่เรียงกันสามแถวยิ่งร้ายกาจขึ้นในความมืดมิด เพียงเห็นมันพลันหันคลานมาหามู่ฉางถิง!

มันคลานมาได้ว่องไวนัก ถึงขั้นว่ามู่ฉางถิงเพิ่งจะพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง ขาข้างหนึ่งของมันก็ก้าวเข้ามาแล้ว!

เขากลิ้งตัวหลบไปได้

ก่อนจะค้ำกำแพงหินลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล หัวเราะว่า "เจ้าอัปลักษณ์น่าขยะแขยง แต่ไหวตัวได้เร็วนัก"

แมงมุมยักษ์โจมตีพลาดเป้าจึงยิ่งโกรธจัด ก่อนจะพุ่งเข้ามาอย่างอุกอาจ

ครานี้มู่ฉางถิงไม่คิดหลบ รอมันใกล้เข้ามาประชิด แล้วลอยตัวขึ้นไปบนตัวมันทันใด!

แมงมุมยักษ์ยิ่งเกรี้ยวกราดอย่างเห็นได้ชัด มันขยับดิ้นไม่หยุด พยายามจะสะบัดเขาออกไป

มู่ฉางถิงจับปุยขนตามตัวของมันไว้แน่น อีกมือก็เล็งกดฝ่ามือไปยังหัวของมัน ปากก็พึมพำว่า "กฎสวรรค์ยิ่งใหญ่! ไล่ปีศาจร้ายขจัดสิ่งชั่วช้า! กำจัดมันเสีย!" จู่ๆ แสงสีทองก็ส่องสว่างขึ้น มันหลั่งไหลออกมาจากฝ่ามือ

แมงมุมยักษ์เจ็บปวดอย่างมาก มันยิ่งดิ้นหนักขึ้น มู่ฉางถิงก็เริ่มไม่ไหว เสียพลังวิญญาณไปไม่หยุด ฝ่ามือร้อนเสียจนผิวเนื้อแทบละลายติด!

เวลาต่อมาเขาพลันโดนเหวี่ยงออกไป! ร่างกายกระแทกกำแพงหิน แล้วล้มลงอย่างแรง!

มู่ฉางถิงกระอักเลือด กลับยังโล่งอกในใจ

ดวงตาของแมงมุมยักษ์มองไม่เห็นแล้ว พลังวิญญาณที่ไหลพล่านในตัวยิ่งเจ็บปวดเสียจนทำให้มันวิ่งชนทุกทิศทาง

ในถ้ำมีก้อนหินกลิ้งตกไม่หยุด มู่ฉางถิงเดินล้มลุกคลุกคลานออกไป

เขาใช้คาถา 'ศัตรูเสียร้อย ตนเองเสียพัน' ใส่แมงมุมยักษ์ทำให้มันเสียพลังไปกว่าครึ่ง แม้ไม่ตายแต่ก็บาดเจ็บสาหัสยากจะฟื้นคืน ไหนเลยจะมีเรี่ยวแรงมาไล่ล่าเขาต่อ

ด้านนอกถ้ำเป็นป่าไม้มองไปไม่เห็นปลายทาง จันทราแห่งหน้าหนาวลอยโด่ง เป็นช่วงเวลาที่พลังหยินจะมากล้นที่สุด

ลมหนาวโหยหวน ผีร้ายตามติด มู่ฉางถิงเดินมาเป็นเวลาหนึ่งก้านธูป เปลวไฟที่จุดด้วยพลังวิญญาณตรงฝ่ามือยิ่งเล็กลงเรื่อยๆ ผีร้ายพวกนั้นเห็นเขาเป็นเช่นนี้จึงยิ่งคิดร้าย

เท้าไม่ระวังเดินสะดุดกิ่งไม้

มู่ฉางถิงล้มลงไปกับพื้น ทันทีที่เงยหน้าก็เห็นผีสาวตนหนึ่งอ้าปากที่เต็มไปด้วยเลือดกระโจนมาหาเขาทันควัน!

ขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงศรคมพุ่งผ่านอากาศก็ดังขึ้น!

ศรขนนกสีทองพลันทะลุผ่านร่างผีสาวปักเข้าลำต้นไม้ ปลายขนนกสั่นไหว เสียงกรีดร้องดังไม่ทันจบ ผีสาวตนนั้นก็สลายหายไปเสียแล้ว!

มู่ฉางถิงแอบชื่นชม ฝีมือดีนัก!

เสียงฝีเท้ากรอบแกรบหยุดลงเบื้องหน้าของเขา น้ำเสียงอ่อนโยนของเด็กหนุ่มก็ดังขึ้นมาทันที "ศิษย์น้อง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?"

แน่นอนว่าไม่เป็นอะไร รู้มาแต่แรกว่าเจ้าอยู่ไม่ไกล ยังไม่ทันส่งเสียงอะไรเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ไหน?

มู่ฉางถิงเงยหน้ายิ้มร่า ประโยคว่า 'ไม่เป็นไร' ติดค้างในลำคอ แล้วขานเรียกด้วยความประหลาดใจตามสัญชาตญาณ "หมิงลี่!"

เด็กหนุ่มตรงหน้าสวมชุดเมฆปักลายม่วงสำหรับลูกศิษย์ระดับสูง คิ้วตางดงามดั่งภาพวาด ไฝใต้หางตาทำให้ความองอาจหาญกล้าของเขาอ่อนลง ดูยิ่งอ่อนโยนและเป็นมิตรเป็นพิเศษ

หมิงลี่นิ่งอึ้งไป ยังไม่ทันตอบอะไรหนุ่มน้อยสองสามคนที่ตามหลังมาก็กระทืบเท้า "กู้จือหลาน! ชื่อของศิษย์พี่ใหญ่เจ้าเรียกตรงๆ ได้หรือ! ไม่มีมารยาทบ้างหรือไร?!"

ลูกศิษย์ตัวน้อยของข้าได้เติบใหญ่เพียงนี้เชียว...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด