ตอนที่ 46 เทคนิคการหลอมเทพเจ้า ตำราคู่มือการเลี้ยงแมลงกู่
ตอนที่ 46 เทคนิคการหลอมเทพเจ้า ตำราคู่มือการเลี้ยงแมลงกู่
ฉู่เสวียนไม่ใช่คนที่จะประมาท ใครก็ตามที่มีสมองย่อมรู้ดีว่าต้องมีผู้บำเพ็ญที่อยู่ในช่วงสร้างรากฐานอย่างน้อยถึง 4 คน จึงจะสามารถเพิ่มโอกาสในการช่วยเหลือครั้งนี้มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ผู้อาวุโสอู๋เถิงยังบาดเจ็บสาหัส และยังไม่ได้สติเลยด้วยซ้ำ
ในตอนนั้นหลิวเจิ้งสงก็ได้กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า "เรายังมีอีกคนหนึ่ง เขาเป็นลูกศิษย์ส่วนตัวของบรรพบุรุษคนแรกและอยู่ในช่วงสร้างรากฐานขั้นที่ 3 "
ดวงตาของฉู่เสวียนเป็นประกายขึ้นมาทันที "แล้วเขาผู้นั้นเป็นใครกัน..."
“เขาเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดในบรรดาศิษย์ของนิกายอู๋จี๋ที่อยู่ในช่วงสร้างรากฐาน ผู้ที่มีแน่วโน้มจะทะลวงผ่านไปอยู่ในช่วงแก่นปราณทองคำ ซึ่งนั่นก็คือศิษย์พี่หลี่ซวนหมิง”
ฉู่เสวียนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก "เขายังมีชีวิตอยู่หรือขอรับ"
เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อเสียงของหลี่ซวนหมิงผู้นี้มาก่อน ตั้งแต่ที่เขาเริ่มเข้าสู่ช่วงกลั่นลมปราณ ในเวลานั้นหลี่ซวนหมิงคนนี้สามารถบ่มเพาะได้อย่างรวดเร็วจนทะลวงผ่านเขตแดนมาได้ และเป็นที่สนใจของบรรพบุรุษแก่นปราณทองคำทั้งสิบ ซึ่งทุกคนต่างก็เชื่อว่าหลี่ซวนหมิงจะต้องเป็นผู้บำเพ็ญคนต่อไปที่จะสามารถทะลวงเขตแดนขึ้นมาอยู่ในช่วงแก่นปราณทองคำได้ !
แต่หลังจากที่นิกายอู๋จี๋ถูกทำลายลงไป หลี่ซวนหมิงก็หายตัวไป หลายคนจึงคิดว่าเขาตายไปแล้ว โดยไม่คาดคิด หลี่ซวนหมิงหลับสามารถหลบหนีไปได้ สมแล้วที่เขาได้เป็นศิษย์อันดับที่ 1 ในช่วงสร้างรากฐานของนิกายอู๋จี๋
หลิวเจิ้งสงพยักหน้า "อู๋เถิงได้ติดต่อเขาไปแล้ว ตอนนี้เขากลายเป็นผู้บ่มเพาะนิรนามและเข้าร่วมกับนิกายขนาดกลาง แต่เมื่อรู้ว่าเราจะไปช่วยเหลืออาจารย์ เขาก็ยินดีที่จะมาช่วยพวกเรา แต่มีข้อแม้คือ อาจารย์จะต้องยอมรับเขาเป็นศิษย์ชั้นยอด”
ฉู่เสวียนยิ้มออกมา มีเงื่อนไขอย่างนี้นี่เอง...
แต่นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากว่าระบบสืบทอดของนิกายอู๋จี๋ได้จบสิ้นลงไปแล้ว จึงเป็นเรื่องปกติที่หลี่ซวนหมิงจะอยากเป็นศิษย์ชั้นยอดของหวันอู๋อิง เพื่อสืบทอดมรดกต่อจากเขา
หลิวเจิ้งสงพูดอย่างเคร่งขรึมว่า "ด้วยจำนวนคนที่เรามีในตอนนี้ ข้าหวังว่าศิษย์น้องฉู่จะยอมช่วยเราอีกแรง”
“ได้โปรดเถิดศิษย์น้องฉู่!” หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็คุกเข่าลงและโค้งคำนับฉู่เสวียนด้วยความจริงใจ
ฉู่เสวียนรีบเข้าไปพยุงเขาขึ้นมา "ศิษย์พี่หลิว ข้าย่อมช่วยท่านอยู่แล้ว "
หลิวเจิ้งสงมีความสุขมาก "เอาล่ะ ด้วยวิธีนี้ โอกาสที่จะช่วยเหลืออาจารย์ได้สำเร็จก็จะมีมากขึ้น!"
ฉู่เสวียนกล่าวว่า "แล้วเราจะเริ่มลงมือกันเมื่อไหร่ ? เนื่องจากว่าผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานของนิกายเสินกังเสียชีวิตลงที่นี่หลายคน ดังนั้นข้าเกรงว่าพวกเขาจะต้องส่งคนมาที่นี่มากขึ้น”
“เราไม่มีเวลาแล้ว” หลิวเจิ้งสงกล่าวอย่างจริงจัง “เราจะดำเนินการทันทีหลังจากอาการบาดเจ็บของอู๋เถิงดีขึ้น”
“ตกลง” ฉู่เสวียนพยักหน้า
เขาหยุดชั่วครู่ แล้วถามต่อว่า "ศิษย์พี่หลิว ท่านมี ‘เทคนิคการหลอมเทพเจ้า’ และ ‘ตำราคู่มือการเลี้ยงแมลงกู่’ หรือไม่ "
เทคนิคการหลอมเทพเจ้า เป็นเทคนิคช่วงสร้างรากฐานที่สามารถทำให้จิตวิญญาณสงบลงได้ และยังควบคุมศพหยินได้มากขึ้น ส่วนตำราคู่มือการเลี้ยงแมลงกู่ เป็นเทคนิคช่วงสร้างรากฐานที่สามารถเปิดอวัยวะที่เรียกว่า ‘ถุงหนอนโลหิต’ ในร่างกายเพื่อให้แมลงกู่ได้อาศัยอยู่ในร่างกายของผู้เลี้ยงได้
ประโยชน์ของถุงหนอนโลหิตนั้นคล้ายคลึงกับหอเลี้ยงศพ
เพียงแต่ว่าหอเลี้ยงศพนั้นใช้เป็นที่อยู่อาศัยของศพหยิน แต่ถุงหนอนโลหิตจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยของแมลงกู่
นอกจากนี้ หลังจากที่สร้างถุงหนอนโลหิตขึ้นมาได้แล้ว ยังสามารถผสมพันธ์แมลงกู่และเพิ่มขีดจำกัดของแมลงกู่ที่เราเลี้ยงได้อีกด้วย
เพราะหลังจากที่ฉู่เสวียนได้ทะลวงผ่านเขตแดนมาอยู่ในช่วงสร้างรากฐานแล้ว พลังของเส้นลวดโลหิตก็ล้าหลังเป็นอย่างมาก ฉู่เสวียนจึงวางแผนที่จะผสมพันธ์แมลงกู่และเพิ่มขีดจำกัดให้กับพวกมันมานานแล้ว เพียงแต่เขายังไม่มีหนังสือคู่มือการเลี้ยงแมลงกู่ และก็ยังไม่รู้ว่าจะปรับแต่งมันอย่างไร
หลิวเจิ้งสงพยักหน้า "ข้ามีทั้งสองทักษะนี้อยู่ในมือ ข้าก็พอจะได้ยินมานานแล้วว่าศิษย์น้องฉู่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องแมลงกู่ ตอนนี้เจ้าวางแผนที่จะใช้งานทั้งแมลงกู่และศพหยินเลยหรือไม่
" ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้...“พูดมาถึงตรงนี้ หลิวเจิ้งสงก็หยิบตำราสองเล่มออกมาจากถุงเก็บของและมอบให้ฉู่เสวียนไป” ข้าได้คัดลอกมันลงในนี้ทั้งหมดด้วยตัวเอง ไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน”
ฉู่เสวียนพยักหน้าและรับมา ก่อนจะยื่นถุงเก็บของให้หลิวเจิ้งสงไป
“นี่คือ…” หลิวเจิ้งดูสงสับสน
เมื่อเขาเปิดมันดู เขาก็รู้สึกประหลาดใจ "ในนี้มีลูกปัดโลหิตมากมาย! นอกจากนี้ยังมีลูกปัดโลหิตเม็ดใหญ่อีกหลายเม็ด!"
ฉู่เสวียนยิ้ม "ข้าไม่มีอะไรจะแลกเปลี่ยน มีเพียงสิ่งเหล่านี้เท่านั้นที่พอจะเอามาแลกกับ ‘เทคนิคการหลอมเทพเจ้า’ และ ‘ตำราคู่มือการเลี้ยงแมลงกู่’ ศิษย์พี่หลิวอย่าแปลกใจเลย"
หลิวเจิ้งสงมีความสุขมากจนอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "โอ้ พวกเขาจะต้องดีใจมากอยู่แล้ว!"
สวีหมิงและศิษย์ที่เหลืออีกสี่คนสามารถใช้ลูกปัดโลหิตเม็ดเล็กในการฝึกฝนได้ส่วนลูกปัดโลหิตเม็ดใหญ่เขาก็เอามาใช้สำหรับฝึกฝนตนเองได้เหมือนกัน
ถุงลูกปัดโลหิตนี้ช่วยแก้ปัญหาความต้องการเร่งด่วนของเขาได้อย่างไม่ต้องสงสัย เนื่องจากตอนนี้เขากำลังขาดแคลนทรัพยากรในการบ่มเพาะ ซึ่งลูกปัดโลหิตยังสามารถใช้เป็นยารักษาโรคทุกชนิดได้ แม้ว่าผลที่ได้จะไม่ดีเท่ายารักษาโรคเฉพาะก็ตาม
เมื่อสวีหมิงและคนอื่น ๆ ได้ยินคำว่า "ลูกปัดโลหิต" ดวงตาของพวกเขาก็สว่างขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
ในใจของทุกคนตอนนี้ ที่มีต่อฉู่เสวียน มีแต่ความเคารพเท่านั้น
ในตอนนั้นฉู่เสวียนก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง และกล่าวออกมาว่า "แต่ข้าคงจะไม่อาศัยอยู่ที่นี่กับท่าน ข้าจะไปหาถ้ำอื่นอยู่"
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็วางหยกส่งเสียงลง "ศิษย์พี่หลิว ให้ท่านใช้สิ่งนี้ในการติดต่อกับข้า"
หลิวเจิ้งสงได้แต่เฝ้าดูฉู่เสวียนจากไป เขาเต็มไปด้วยอารมณ์ต่างๆที่ผสมปนเปกันไปหมด “หากนิกายอู๋จี๋ยังคงอยู่ ฉู่เสวียนจะต้องเป็นอัจฉริยะอีกคนที่เทียบได้กับหลี่ซวนหมิงแน่นอน แต่น่าเสียดายที่…”
.....
ในอีกด้านหนึ่ง ฉู่เสวียนก็ไปออกมาหาถ้ำแห่งใหม่เพื่ออาศัยอยู่ ก่อนจะมาพบถ้ำของงูเหลือมยักษ์ จากนั้นเขาก็ได้เชิญเจ้าของเดิมไปพบยมบาลอย่างสุภาพเช่นเคย
และไม่นาน กลิ่นเหม็นอับของสถานที่แห่งนี้ก็ถูกเขากำจัดออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นฉู่เสวียนก็เข้าพักในถ้ำ และเริ่มคิดแผนการต่อไปของเขา
การช่วยเหลือบรรพบุรุษแก่นปราณทองคำในครั้งนี้ถือเป็นภารกิจที่เสี่ยงเป็นอย่างมาก แม้แต่แผนการที่คิดว่าวางมาดีแล้ว ก็อาจล้มเหลวลงได้ ดังนั้นเขาจึงต้องเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับความล้มเหลวด้วย
“อีกฟากของเทือกเขาหยุนอู๋คือแคว้นอู๋โจว แคว้นอู๋โจวเป็นดินแดนป่าเถื่อน อุดมไปด้วยยาพิษและยังมีการเลี้ยงวิญญาณชั่วร้าย เคยเป็นสวนหลังบ้านของนิกายอู๋จี๋ แต่ตอนนี้นิกายอู๋จี๋ได้ล่มสลายลงไปแล้ว จึงมีหลายนิกายที่ต้องการจะยึดครองแคว้นอู๋โจว”
หากว่าแผนการช่วยเหลือในครั้งนี้ไม่เป็นไปอย่างที่คิด เขาจะต้องรีบลงใต้ไปที่อู๋โจวทันที
“เมื่อเข้าสู่เขตแดนของแคว้นอู๋โจว ท้องฟ้าก็สูงพอที่จะให้นกบินได้ และทะเลก็กว้างพอที่จะให้ปลาแหวกว่าย” ฉู่เสวียนพยักหน้าเล็กน้อย เขาหยิบตำราคู่มือการเลี้ยงแมลงกู่ออกมา หลังจากอ่านอย่างละเอียดแล้ว เขาก็เข้าใจวิธีการเปิดถุงหนอนโลหิตอย่างรวดเร็ว
ถุงนี้สามารถเปิดได้ทุกที่ในร่างกาย แต่ถุงที่ดีที่สุดคือถุงที่อยู่ใกล้หัวใจ เนื่องจากแมลงกู่นั้นเป็นสัตว์ที่กระหายเลือด เลือดที่อยู่ใกล้หัวใจจึงสะดวกที่จะเป็นอาหารให้มันได้ตลอดเวลา
นอกจากนี้หากว่าเปิดถุงหนอนโลหิตใกล้กับหัวใจ ก็จะสามารถเข้าถึงทุกส่วนของร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
ส่วนผลข้างเคียงก็เห็นได้ชัดเจนมาก เมื่อขาดสารอาหาร สิ่งแรกที่แมลงกู่จะโจมตีคือหัวใจของเจ้าของ
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับฉู่เสวียนเลย เนื่องจากเขาฆ่าซอมบี้ไปมากมายและได้เตรียมลูกปัดโลหิตไว้จำนวนมากแล้ว
ซึ่งถุงเก็บลูกปัดโลหิตที่เขาให้หลิวเจิ้งสงไป ก็เป็นเพียงหนึ่งในถุงเก็บลูกปัดโลหิตที่เขามีเป็นร้อยๆถุง
นอกจากนี้ยังมีร่างของผู้บ่มเพาะนิกายเสินกัง ที่มาให้เขาล่าอีกมากมายในช่วงเวลานี้ เขาได้เก็บร่างของผู้บ่มเพาะเหล่านั้นเข้าไปไว้ในหอเลี้ยงศพอย่างระมัดระวัง ซึ่งก็เพียงพอที่จะเป็นอาหารประจำวันให้กับแมลงกู่และศพหยิน
ดังนั้นฉู่เสวียนจึงไม่ลังเลและตัดสินใจเปิดถุงหนอนโลหิตใกล้หัวใจของเขาทันที เพียงแต่กระบวนการเปิดถุงหนอนโลหิตนั้นค่อนข้างที่จะเจ็บปวด
ท้ายที่สุด เขาต้องจัดการกับอวัยวะภายในของตัวเอง เพื่อสร้างอวัยวะที่ไม่มีอยู่จริงขึ้นมาถัดจากหัวใจของเขา หากจะบอกว่าไม่เจ็บเลย ก็คงจะเป็นเรื่องโกหก
ฉู่เสวียนใช้เวลาสามชั่วโมงเต็มในการสร้างถุงหนอนโลหิตขึ้นมาในร่างกายของเขา
ถัดไปก็ต้องเสริมกำลังให้กับมัน
แต่เพื่อไม่ให้เขาใช้พลังวิญญาณของตนเองมากเกินไป ดังนั้นในขณะที่เสริมกำลัง เขาจึงหยิบถุงเก็บของที่ยึดมาก่อนหน้านี้ออกมานับ
ทว่าในเวลานี้ จู่ๆ เส้นลวดโลหิตก็ได้พุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา หัวของมันชี้ไปที่ถุงเก็บของใบหนึ่ง...ซึ่งก็คือถุงเก็บของของซุนชือ
“หืม? เจ้าสัมผัสได้ถึงอะไรหรือ?” ฉู่เสวียนรู้สึกสับสน และนำสิ่งของในถุงเก็บออกมาทันที
จากนั้นเส้นลวดโลหิตก็ได้เลื้อยหาไปมาอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดมันก็หยุดอยู่ตรงหน้าอำพัน
อำพันนี้ดูไม่โดดเด่นมากนักเมื่อมองแวบแรก แต่เมื่อฉู่เสวียนหยิบมันขึ้นมาแล้วตรวจสอบดูอย่างละเอียด เขาก็เห็นว่ามีเลือดพันอยู่ในนั้น เขาจึงถามออกมาว่า “เจ้าต้องการมันหรือ?”