เล่มที่ 1: ถิ่นทุรกันดาร – บทที่ 30: เวิร์ลวินด์ [อ่านฟรี]
“หมึกน้ำแข็งโบราณ? หมายถึงหมึกยักษ์ที่อยู่ในทะเลสาบน่ะเหรอ?” อเล็กซ์ถาม
ชายคนนั้นหรี่ตาแคบเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของอเล็กซ์ “ใช่ เกิดอะไรขึ้นกับมัน?” ชายคนนั้นถาม
การแสร้งทำเป็นไม่รู้ของอเล็กซ์จะยิ่งแสดงออกชัดว่าเขากำลังโกหก หมึกตายไปแล้ว การทำลายล้างก็หนักหน่วงและเกิดเสียงดังลั่น
“มันถูกเม่นยักษ์ฆ่า” อเล็กซ์พูด
ชายคนนั้นเลิกคิ้วขึ้น “ถูกเม่นฆ่า? ได้ยังไงกัน?” เขาถาม
“ฉันก็ไม่ได้อยู่ตอนที่มันสู้ตลอดทั้งช่วงหรอกนะ แค่อยู่ใกล้ ๆ ทะเลสาบ ฉันได้ยินเสียงระเบิดดังแล้วก็เห็นหมึกยักษ์กระโดดขึ้นไปในอากาศ!” อเล็กซ์อธิบายให้เห็นภาพ “แล้วจากนั้นเรื่องที่น่าทึ่งก็เกิดขึ้น! หนามที่ใหญ่และยาวแทงทะลุร่างหมึกยักษ์ จนล้มลงทางเหนือของทะเลสาบใจกลางป่า ฉันเห็นเม่นกระโจนไปตรงนั้น หลังจากเกิดเสียงระเบิดสองสามครั้งแล้วทุกอย่างก็เงียบลง เลยมั่นใจว่าเจ้านั่นแหละที่ฆ่าหมึก” อเล็กซ์อธิบาย
ชายคนนั้นพลางลูบเคราครุ่นคิด “ที่เจ้าว่ามาก็มีเหตุผล แต่ขอยืนยันอะไรสักอย่างก่อน รอนี่นะ”
อเล็กซ์พยักหน้า เขาไม่คิดจะเพิ่มความเสี่ยงให้กับตัวเองด้วยการหนีระหว่างที่ชายคนนั้นไม่อยู่ เขาอาจจะตามหาอเล็กซ์เจออีกครั้งได้ไม่ยากนัก การหนีจึงยิ่งจะเป็นการทำให้น่าสงสัยมากขึ้น
ชายคนนั้นพูดคำออกมาหลายคำ ครั้งนี้ เขาใช้เวลาพึมพำคำเหล่านั้นออกมากว่าสิบวินาที นั่นคือคาถา ซึ่งการร่ายครั้งนี้ซับซ้อนกว่าครั้งก่อนมาก
อเล็กซ์รู้สึกถึงพายุมานาที่กำลังเคลื่อนเข้ามาหาชายคนนั้น และหลังจากที่เขาร่ายคาถาเสร็จ จู่ ๆ ร่างของเขาก็เริ่มลอยขึ้น พายุพวกนั้นก่อตัวขึ้นรอบ ๆ เขา มันเริ่มรุนแรงจนอเล็กซ์แทบจะปลิวถอยออกไป อย่างไรก็ตาม มันเพียงหมุนอยู่รอบ ๆ และช่วยให้ชายคนนั้นลอยขึ้น ต้นไม้สั่นไหวอย่างรุนแรงรอบ ๆ เขาเนื่องจากลมพายุ ทันใดนั้นเขาก็พุ่งไปข้างหน้าเหนือผืนป่าอย่างรวดเร็ว
ดวงตาอเล็กซ์เบิกโพลง ‘หมอนั่นบินได้! โลกนี้มีคนบินได้!’ อเล็กซ์คิด
อเล็กซ์เคยเห็นพลังที่พระเจ้าแสดงให้เขาเห็น แน่นอนว่าเหนือกว่าชายคนนี้มาก แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ มนุษย์คนแรกที่เขาพบนั้นบินได้!
แบบบินได้จริง ๆ
นี่คือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนใฝ่ฝันถึง! มันคือสัญลักษณ์ของความอิสระและพลังที่เกินกว่าใครจะจินตนาการถึง เขากระหายพลังในวิถีที่จะเพิ่มให้มากขึ้นอย่างมหาศาล เมื่อเขาครุ่นคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเห็น ชายคนนั้นก็ไปถึงทะเลสาบและลงเดินฝั่งเหนือ
พื้นที่โล่งเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ถูกทำลาย เขาพบหลุมขนาดใหญ่มากมาย เขาตรวจดูทั่วทะเลสาบเนื่องจากหมึกน้ำแข็งโบราณเป็นสัตว์น้ำ
ใครเขาหาหมึกบนบกกัน?
เขาหันไปพบกับก้อนหินขาดยักษ์ แต่กินก้อนนี้ไม่ใช่หิน หากแต่เป็นจะงอยปากของหมึก เม่นไม่กินอะไรแบบนี้ เป็นเหตุผลว่าทำไมจะงอยปากถึงอยู่ตรงนี้ เขาลอยขึ้นอีกครั้งและบินกลับมาหาอเล็กซ์
อเล็กซ์แทบจะปลิวไปขณะที่ชายคนนั้นค่อย ๆ ลงมาสัมผัสพื้น เมื่อถึงพื้นเขาก็พยักหน้าให้อเล็กซ์ “เจ้าพูดความจริง ข้าหาหมึกน้ำแข็งโบราณไม่เจอ เจอแต่จะงอยปากของมัน หลุมหลาย ๆ หลุมก็ใหญ่เท่าเข็มของเม่น ดูเหมือนมันจะได้มื้ออาหารอันโอชะเลยทีเดียวนะ” จากนั้นเขาก็หรี่ตาแคบ “เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมมันชอบทำตัวอัปยศต่อข้าในช่วงนี้” เขาพึมพำ “คงตั้งแต่กลายเป็นเม่นดินผลไม้อันดับสูงก็เลิกจ่ายบรรณาการให้ข้า”
“เจ้าเดียรัจฉานโง่”
ร่างกายอเล็กซ์สั่น เหงื่อเย็น ๆ ไหลลงมาจากหลังเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น อเล็กซ์จำความผิดปกตินั้นได้ เม่นไม่ปรากฏตัวเลยถึงสามวัน! อย่าบอกนะว่าชายคนนี้...?
“เกิดอะไรขึ้นกับเม่นเหรอ?” เขาถาม
“อยากรู้ไปทำไม?” ชายคนนั้นถามด้วยสายตาที่เย็นชา
อเล็กซ์ตัวสั่น “ก็... ฉันเคยเอาเนื้อแลกกับผลไม้ของมันอยู่หลายครั้งน่ะ”
ชายคนนั้นเลิกคิ้วขึ้น “มีความรู้สึกให้กับสัตว์เช่นนั้นหรือ?”
อเล็กซ์ไม่ตอบ
“อย่าอ่อนต่อโลกไปหน่อยเลย” เขาตำหนิอย่างเฉยชา “เจ้าเม่นนั่นยอมแลกของเพียงเพราะเจ้าอยู่เพียงแค่ลำดับอาณาจักรแรกเท่านั้น มันฆ่ามนุษย์ไปเยอะมากในช่วงอาณาตจักรที่สองและสาม ถ้าหากเจ้าอยู่อาณาจักรที่สองล่ะก็ มันคงฆ่าเจ้าไปตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ”
“เม่นกินผลไม้จำแนกศัตรูด้วยกลิ่น ถ้ากลิ่นความหนาแน่นของมานาออกมาคงที่ เมื่อนั้นสัญชาตญาณนักล่าของมันจะถูกปลุกให้ตื่น มันฆ่าได้แม้กระทั่งคนที่หาอาหารให้มันกินมากว่ายี่สิบปีในทันทีที่เขาเข้าถึงอาณาจักรที่สอง” เขาอธิบาย
อเล็กซ์นึกถึงทุกครั้งที่เม่นมักจะดมเขาตลอดเมื่อเข้ามาใกล้ แต่การกระทำที่น่ารักในตอนนั้น กลับไม่รู้สึกน่ารักอีกแล้วในตอนนี้ มันดมอเล็กซ์อยู่หลายครั้งเมื่อพบกัน ถ้าถึงกับฆ่าคนที่เลี้ยงดูมากว่ายี่สิบปีได้ เขาก็คงไม่ใช่ข้อยกเว้นเช่นกัน ความเยียบเย็นแล่นผ่านสันหลังของเขา
“ขอบคุณที่ท่านเตือนนะ” อเล็กซ์พูดอย่างสุภาพ “ผมขอถามอีกคำถามได้ไหม?” หลังจากที่ได้เห็นชายคนนี้บินได้ อเล็กซ์ปรับการพูดทันที
ชายคนนั้นพยักหน้า “เนื่องจากเจ้าช่วยข้าไขข้อสงสัยการหายไปของหมึกน้ำแข็งโบราณ เช่นนั้นข้าจะตอบคำถามให้เจ้า” เขาพูด
“ฉันเห็นกิ้งก่าสีเขียวที่ตัวยาวประมาณเมตรนึง มันยิงลูกไฟออกมาจากปากได้ มันเป็นสัตว์ประเภทไหนเหรอ?” อเล็กซ์ถาม
ชายคนนั้นลูบคาง เป็นอีกครั้งที่เขาไม่ได้ตอบกลับในทันที “ฟังดูเหมือนลูกกิ้งก่าต้นไม้ไฟ” เขาพูด “ปกติแล้วกิ้งก่าต้นไม้ไฟจะไม่ได้อาศัยอยู่แถวแอ่งน้ำ จะอยู่รอบ ๆ แนวภูเขา เดาว่าคงเดินผ่านมาแถวแอ่งน้ำหลังจากที่เกิดมาบนเขาแถว ๆ นี้”
“มันเป็นสัตว์อาณาจักรที่สอง หมายความว่าจะข้ามไปยังอาณาจักรที่สองทันทีที่เข้าสู่ร่างเต็มวัย เจ้าบอกว่ามันอยู่ที่นี่อย่างงั้นรึ?”
อเล็กซ์พยักหน้า
“เจ้ารู้หรือเปล่าว่ามันกินผลไม้ของเม่นด้วย?”
อเล็กซ์พยักหน้าอีกครั้ง
“ถ้างั้นลืมเรื่องกิ้งก่าไปก่อน” เขาพูด “เม่นจะรวมของเสียไว้ที่หนาม จนรวมกันเป็นผลไม้อย่างที่เห็น และจะร่วงลงบนพื้นอยู่อย่างนั้น”
“ผลไม้เหล่านั้นเปี่ยมด้วยมานา แน่นอนว่าดึงดูดสัตว์หลาย ๆ ชนิด เม่นไม่ได้เสียมานาเลยแม้แต่น้อยเพื่อสร้างผลไม้เหล่านี้ขึ้นมา ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตอาณาจักรที่สาม แค่ของเสียที่ขับออกมาก็มีปริมาณมานาที่มากเลยทีเดียว”
“หลายปีที่ผ่านมา ผลไม้ของเม่นมีคุณสมบัติบางอย่างที่ทำให้เสพติดได้ แต่มนุษย์สามารถกินมันได้ เพราะจิตใจเราหยั่งลึกกว่านั้น แต่กับพวกสัตว์นั้นต้านทานการดึงดูดจากผลไม้เหล่านี้ไม่ไหว”
“พอกิ้งก่าได้ลิ้มรสผลไม้ไปแล้ว มันก็จะตามติดอยู่รอบ ๆ เม่นจนได้รับผลไม้มากพอที่จะทำให้โตเต็มที่และก้าวไปสู่อาณาจักรที่สอง”
“เมื่อตอนนั้นมาถึง เม่นก็จะกินกิ้งก่า”
อเล็กซ์สูดหายใจเข้าลึก ความน่ารักของเม่นสิ้นสุดลงแล้วในใจของเขา ความน่ารักภายใต้คราบของปีศาจ!
“ขอบคุณที่แนะนำ” อเล็กซ์พูด
ชายคนนั้นมองอเล็กซ์ครู่หนึ่ง “จากคำถามก่อนหน้า ข้าเคยสอนมารยาทให้เม่นดินผลไม้ไป เพื่อรวบรวมแหล่งมานาธาตุดินของมัน มันใช้ชีวิตอยู่ในสวนของข้า แต่ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน ในหนุ่งครั้งต่อปี มันจะมอบแหล่งมานาธาตุดินให้แก่ข้า ข้าตอบคำถามให้เจ้า เพราะเจ้าช่วยข้าไขข้อสงสัยเรื่องการหายไปของหมึกโบราณ จงอย่าเข้าใจผิด”
จิตใจของอเล็กซ์ล่องลอยไปไกล แต่จะมัวคาดเดาไปทำไมในเมื่อเขาสามารถถามได้
“อะไรคือแหล่งมานาเหรอ?” อเล็กซ์ถาม
“หอกไร้ตัวตนที่เป็นหมอก ยาวประมาณหนึ่งเมตร” ชายคนนั้นตอบ “แหล่งมานาสามารถเป็นตัวเร่งให้เกิดพลังธาตุของพวกสัตว์ได้ พ่อแม่ส่งต่อแหล่งมานาให้แก่ลูกหลาน สัตว์ในอาณาจักรที่สองสามารถสร้างแหล่งมานาที่ไม่บริสุทธิ์เองได้ ส่วนอาณาจักรที่สามจะสามารถสร้างแหล่งมานาที่บริสุทธิ์ได้”
“นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงมาที่นี่”
ตอนนั้นเอง ชายคนนั้นก็มองอเล็กซ์ด้วยท่าทีที่เหมือนจะคิดอะไรสักอย่างได้
“จริงสิ ข้าลืมแนะนำตัวไปสินะ ข้าคือ ดยุก เวิร์ลวินด์ จอมเวทย์ขั้นสูง และนี่...” เขาผายมือออกไปทางป่า “คือหนึ่งในสวนของข้า”