ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 335 มหาสงครามใกล้ปะทุ
ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 335 มหาสงครามใกล้ปะทุ
โลกวิญญาณ
ผู้บำเพ็ญในโลกนี้ มีชื่อเสียงในด้านความเชี่ยวชาญวิชาคำสาปวิญญาณ จึงถูกขนานนามว่า โลกวิญญาณ
ส่วนพลังอำนาจของโลกวิญญาณในหกมหาโลกนั้น จัดอยู่ในระดับกลาง ๆ
แม้ว่าพลังโดยรวมจะมิอาจเทียบเคียงโลกเซียนและโลกต่างภพได้ แต่ก็ยังมียอดฝีมือระดับราชันเซียนเหนือหล้าเจ็ดคน
กระทั่งยังมียอดฝีมือระดับเหนือหล้าสูงสุดสองคน
ผู้หนึ่งมีนามว่า ราชันเซียนสุญตาวิญญาณ ส่วนอีกผู้หนึ่งมีนามว่า ราชันเซียนถ้ำเร้นลับ
พลังอำนาจของราชันเซียนทั้งสอง มิได้ด้อยไปกว่าราชันเซียนสังสารวัฏแห่งโลกต่างภพ หรือราชันเซียนพินาศแห่งโลกเซียน
ดังนั้น แม้ว่าโลกวิญญาณจะมิอาจเทียบเคียงโลกเซียนและโลกต่างภพได้ แต่พลังอำนาจของพวกเขาก็มิอาจมองข้าม
และในวันนี้
ภายในโถงโบราณโลกวิญญาณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของโลกวิญญาณ
ปรากฏเงาร่างมากมายที่ล้อมรอบด้วยแสงเซียนอันยิ่งใหญ่ ยืนหยัดอยู่ ณ ที่แห่งนี้
ล้วนเป็นราชันเซียน
พวกเขามองไปยังเงาร่างสองตนที่อยู่ใจกลางโถงใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
นั่นก็คือ ราชันเซียนสุญตาวิญญาณ และราชันเซียนถ้ำเร้นลับ
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้
บนใบหน้าของสองยอดฝีมือระดับเหนือหล้าสูงสุด กลับเต็มไปด้วยความกังวล
เพราะว่า เมื่อครู่นี้ พวกเขาได้รับจดหมายประกาศสงครามจากโลกมาร
ไม่นานหลังจากนี้ โลกมารจะข้ามผ่านประตูมิติ บุกโจมตีโลกวิญญาณ!
เห็นได้ชัดว่า นี่เป็นข่าวที่น่าตกใจอย่างยิ่ง
หากเป็นโลกมารในอดีต พวกเขาย่อมมิได้สนใจ
กระทั่งไม่จำเป็นต้องให้สองยอดฝีมือระดับเหนือหล้าสูงสุดลงมือ ก็สามารถปราบปรามได้อย่างง่ายดาย
แต่โลกมารในปัจจุบัน มิได้เหมือนกับในอดีต
ที่แห่งนั้น มียอดฝีมือจากนิกายมารคอยปกป้อง!
หากกล่าวว่าก่อนหน้านี้ พวกเขาอาจจะไม่รู้ว่านิกายมารแข็งแกร่งเพียงใด
แต่วันนั้น มารพุทธะอู๋เทียนแห่งนิกายมารเพียงลำพังก็สามารถบีบบังคับยอดฝีมือจากขุมอำนาจโบราณให้ต้องถอยร่น
ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในหกมหาโลก ต่างก็ได้ล่วงรู้ถึงพลังอำนาจของนิกายมาร!
โลกวิญญาณก็เช่นกัน
แม้ว่าราชันเซียนสุญตาวิญญาณ และราชันเซียนถ้ำเร้นลับจะแข็งแกร่งไร้ผู้ต่อต้าน เป็นถึงยอดฝีมือระดับเหนือหล้าสูงสุด
แต่แม้แต่พวกเขาก็มิอาจบีบบังคับยอดฝีมือจากขุมอำนาจโบราณให้ต้องถอยร่นได้พร้อม ๆ กัน!
ยิ่งไปกว่านั้น อู๋เทียนผู้นั้น มิใช่เจ้าแห่งนิกายมาร
สามารถจินตนาการได้ว่า เจ้าแห่งนิกายมารคงต้องแข็งแกร่งจนน่ากลัว กระทั่งอาจจะบรรลุถึงระดับกึ่งจักรพรรดิเซียน
ในเวลานี้ บรรยากาศภายในโถงใหญ่ เต็มไปด้วยความกังวล กระทั่งยังแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัว
ท้ายที่สุด เมื่อนึกถึงพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวของนิกายมาร ไม่มีผู้ใดสามารถสงบนิ่งได้
แม้แต่ราชันเซียนสุญตาวิญญาณ และราชันเซียนถ้ำเร้นลับ ก็เช่นกัน
“หรือว่าโลกวิญญาณจะต้องกลายเป็นเชลยของนิกายมาร”
ราชันเซียนสุญตาวิญญาณรู้สึกสิ้นหวัง
นี่เป็นการต่อสู้ที่ไร้ซึ่งความหวัง
ทันใดนั้น ราชันเซียนเหนือหล้าคนหนึ่งราวกับนึกอะไรบางอย่างออก จึงกล่าวว่า
“บางที พวกเราอาจจะขอความช่วยเหลือจากขุมอำนาจโบราณ”
สิ้นคำกล่าว ราชันเซียนคนอื่น ๆ ต่างก็มีดวงตาเป็นประกาย
ราชันเซียนสุญตาวิญญาณ และราชันเซียนถ้ำเร้นลับก็เช่นกัน
“นี่เป็นความคิดที่ดี ตำแหน่งของขุมอำนาจโบราณอื่น ๆ พวกเรามิได้ล่วงรู้ แต่สำหรับนิกายพุทธ พวกเขาน่าจะอยู่ในโลกวิญญาณ”
“เพราะว่าก่อนหน้านี้ ภูเขาเทพสีทองและวัดต้าลุ่ยอิมปรากฏตัวขึ้นทางทิศตะวันตกของโลกวิญญาณ”
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ยอดฝีมือระดับเหนือหล้าสูงสุดทั้งสองสบตากัน จากนั้นก็ตัดสินใจในทันที เดินทางไปขอความช่วยเหลือจากนิกายพุทธ
หากจี๋อวิ๋นรู้เรื่องนี้ คงต้องหัวเราะออกมาอย่างแน่นอน
เขาแสดงละครมานาน ในที่สุดก็มีคนติดกับ
ในเวลาเดียวกัน มหาโลกอื่น ๆ ก็ได้ล่วงรู้ถึงการประกาศสงครามของนิกายมารต่อโลกวิญญาณ
สำหรับโลกอสูร ย่อมไม่ต้องพูดถึง ที่แห่งนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของจี๋อวิ๋น คงมิอาจมีการเคลื่อนไหวใด ๆ
ส่วนโลกมนุษย์สวรรค์ เรื่องนี้มิได้เกี่ยวข้องกับพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยว ก็มิกล้าทำเช่นนั้น
ท้ายที่สุด พวกเขาก็ได้เห็นพลังอำนาจของนิกายมาร
ยิ่งไปกว่านั้น โลกมนุษย์สวรรค์และโลกวิญญาณ เคยทำสงครามกันมาก่อน ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
ณ โลกเซียน เมื่อราชันเซียนเหนือหล้าหลายคนได้รับรู้ข่าวสารนี้ พวกเขารีบบอกเล่าให้กับราชันเซียนกลไกสวรรค์
ต้องการให้ราชันเซียนกลไกสวรรค์แจ้งข่าวสารนี้ให้กับวังสวรรค์ เพื่อดูท่าทีของวังสวรรค์
ไม่นานนัก ราชันเซียนกลไกสวรรค์ก็ส่งข่าวสารกลับมา
มีเพียงสี่คำเท่านั้น ‘สงบนิ่ง รอดูสถานการณ์’
“ดูเหมือนว่าวังสวรรค์คงจะหวาดกลัวนิกายมารผู้นี้”
ราชันเซียนเสียงอัสนีกล่าวด้วยความรู้สึก
“แน่นอนสิ เจ้าคงไม่ลืมข่าวสารที่ราชันเซียนกลไกสวรรค์ส่งกลับมาก่อนหน้านี้ หอกสังหารเทพเคยอาบโลหิตจักรพรรดิเซียน!”
“หากเป็นเจ้า ไม่เพียงแค่หวาดกลัว เจ้าคงต้องหวาดผวาจนตาย”
“ข้ารู้ดีว่าตอนที่เจ้ารู้เรื่องนี้เจ้าหวาดกลัวเพียงใด”
ราชันเซียนพินาศกล่าวพร้อมกับมองบน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ราชันเซียนเหนือหล้าคนอื่น ๆ ต่างก็นึกถึงตอนที่พวกเขาได้รับรู้ข่าวสารนี้ พวกเขารู้สึกตกใจเพียงใด
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่า เหตุใดยอดฝีมือจากขุมอำนาจโบราณเหล่านั้นจึงไม่กล้าลงมือ
“แม้แต่วังสวรรค์ก็เป็นเช่นนี้ ขุมอำนาจโบราณอื่น ๆ คงต้องเป็นเช่นเดียวกัน”
“หากเป็นเช่นนี้จริง ๆ หลังจากที่นิกายมารปราบปรามโลกวิญญาณ คงต้องถึงตาพวกเรา”
ราชันเซียนสรรค์สร้างกล่าวด้วยความกังวล
“ไม่ต้องกังวล เรื่องง่าย ๆ เช่นนี้ เจ้าสามารถคิดได้ ขุมอำนาจโบราณเหล่านั้นย่อมต้องคิดได้เช่นกัน”
“ข้าคาดการณ์ว่า ขุมอำนาจโบราณเหล่านั้น คงกำลังสะสมพลังอย่างลับ ๆ รอคอยการมาถึงของยอดฝีมือที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า”
“เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาจะต้องลงมือกับนิกายมาร”
ราชันเซียนพินาศกล่าว
คำพูดนี้ ได้รับการยอมรับจากราชันเซียนเหนือหล้าคนอื่น ๆ
พวกเขาก็คิดเช่นเดียวกัน
ท้ายที่สุด ขุมอำนาจโบราณเหล่านั้น ล้วนลึกลับ ไม่อาจหยั่งถึงได้ พวกเขาคงมิอาจทนมองดูนิกายมารแข็งแกร่งขึ้น
คงต้องสะสมพลัง รอคอยโอกาส
น่าเสียดาย หากพวกเขารู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงการแสดง คงต้องโมโหจนกระอักโลหิตออกมา
อีกด้านหนึ่ง
ณ โลกต่างภพ
หลังจากที่ราชันเซียนปฐมกาลได้รับรู้ข่าวสารนี้ เขาก็มีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
“ดูเหมือนว่านิกายมารจะบ้าระห่ำยิ่งกว่าที่ข้าคาดการณ์ไว้ พวกเขาจะบุกโจมตีมหาโลกอื่นแล้ว”
แต่เรื่องนี้กลับเป็นสิ่งที่เขาต้องการ
มีนิกายมารคอยก่อกวน ขุมอำนาจโบราณเหล่านั้น กระทั่งมหาโลกอื่น ๆ คงมิอาจสนใจโลกต่างภพได้
เช่นนี้แล้ว วิกฤตของโลกต่างภพก็จะคลี่คลายลง
“กระทั่ง ข้ายังสามารถร่วมมือกับนิกายมาร หาผลประโยชน์……”
ดวงตาของราชันเซียนปฐมกาลเป็นประกาย
ก่อนหน้านี้ เขาเคยคิดเช่นนี้ เพียงแต่ยังไม่ทันได้ลงมือ นิกายมารก็บุกโจมตีมหาโลกอื่นแล้ว
“อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ก็ยังไม่สาย ข้าได้ยินมาว่าขุมอำนาจโบราณเหล่านั้นต้องการสมบัติฟ้าดินจำนวนมาก บางทีข้าอาจจะใช้เรื่องนี้ สร้างพันธมิตรกับนิกายมาร”
ราชันเซียนปฐมกาลกล่าวในใจ
ทันใดนั้น เขาก็ออกคำสั่งให้ราชันเซียนคนอื่น ๆ เตรียมสมบัติฟ้าดินจำนวนมาก
หากจี๋อวิ๋นรู้เรื่องนี้ คงต้องดีใจอย่างยิ่ง
เขายังมิได้ลงมือ อีกฝ่ายก็ส่งของมาให้ถึงที่ ช่างใจดีจริง ๆ