ตอนที่แล้วบทที่ 8 ให้ตายเถอะ ใครจะไปทนได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10 เปลี่ยนเป็นนมให้เธอ

บทที่ 9 ทำไมถึงมีคนเลวได้ขนาดนี้


ชายหนุ่มกำลังคุยกับสวี่สุยโดยยืนหันหลังให้กับป้ายรถเมล์สีเขียว สวี่สุยมองไปข้างหลังเขาโดยไม่ได้ตั้งใจเธอสะดุดไปข้างหน้าเล็กน้อย ซือเยว่เจี่ยจึงจับข้อศอกของเธอเพื่อรักษาสมดุลไว้

สวี่สุยกล่าวขอบคุณด้วยเสียงต่ำและดึงมือกลับมา ดวงตาของเธอตื่นตระหนกเล็กน้อย ซือเยว่เจี่ยหันไปมองตามสายตาของเธอ

โจวจิงเจ๋อกำลังเอามือล้วงกระเป๋าและเดินเข้ามาหาพวกเขาช้า ๆ ใต้หมวกสีดำมีสีหน้าหน้าเย้ยหยัน เขากำลังเคี้ยวลูกอมรสมินต์และยิ้มอย่างเกียจคร้าน

ซือเยว่เจี่ยเห็นรอยยิ้มของโจวจิงเจ๋อจางหายไปครู่หนึ่งและกลับมาเป็นปกติเมื่อเขาเดินเข้ามา

“นายมาทำอะไรที่นี่?” สวี่สุยเงยหน้าขึ้นและถามเขา

“มาหาคนคนนึง” โจวจิงเจ๋อมองลงมาที่เธอ

สวี่สุยรู้สึกว่าบรรยากาศไม่ค่อยดีนัก เมื่อเธอกำลังจะทำลายความอึดอัด โดยการแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน ซือเยว่เจี่ยก็พูดด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “จิงเจ๋อ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

สวี่สุยตาโต และความสงสัยก็แวบเข้ามาในดวงตาของเธอ “พวกนาย... รู้จักกันหรอ?”

ซือเยว่เจี่ยพยักหน้า ขณะที่เขากำลังจะพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ระหว่างพวกเขาทั้งสอง โจวจิงเจ๋อกดปลายลิ้นของเขากับลูกอมมินต์และกัดอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง ทำให้ผงข้างในละลายในปาก เขายิ้มและพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก “ถ้าไม่ใช่คนรู้จัก เธอคิดว่าพวกเราเป็นอะไรกัน?”

ดวงตาของโจวจิงเจ๋อมองตรงไปที่ซือเยว่เจี่ยราวกับต้องการสื่อความหมายบางอย่าง ซือเยว่เจี่ยถูกจ้องอยู่อย่างนั้น เขาลังเลอยู่นาน และ ในที่สุดเขาก็พูดออกมาเพียงคำเดียว “เพื่อน”

เมื่อโจวจิงเจ๋อ ได้ยินคำพูดนั้น มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย คล้ายกับต้องการเย้ยหยัน แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้พูดอะไร

เนื่องจากโจวจิงเจ๋อเข้ามาร่วมวงสนทนา ออร่าอันทรงพลังจึงแพร่กระจายระหว่างพวกเขาทั้งสอง ซือเยว่เจี่ยไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เขาพูดกับสวี่สุยว่า “เรื่องนี้เธอวางใจได้ ผลการทดสอบก็จะเข้าสู่กระบวนการตามปกติ”

สวี่สุยพยักหน้า ซือเยว่เจี่ยลังเลก่อนจะเดินจากไป เขาตบไหล่โจวจิงเจ๋อแล้วพูดว่า “ไปนะ” ด้วยรอยยิ้ม โจวจิงเจ๋อหัวเราะเยาะเบา ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

หลังจากซือเยว่เจี่ยเดินไป โจวจิงเจ๋อก็พิงป้ายรถเมล์ เขาหยิบตลับลูกอมออกมา เทลูกอมรสมินต์ออกมาหนึ่งเม็ด ก้มศีรษะลงแล้วดึงกระดาษห่อออก โดยไม่พูดอะไรสักคำ

สวี่สุยกลัวเขาเข้าใจผิด จึงพูดตะกุกตะกักและอธิบายว่า “เขาเป็นรุ่นพี่ที่คุมสอบน่ะ...พอดีเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย” ด้วยเหตุผลบางอย่าง สวี่สุยจึงไม่ได้บอกโจวจิงเจ๋อเกี่ยวกับคนที่ใส่ร้ายเธอ

“รุ่นพี่เหรอ” โจวจิงเจ๋อกัดฟันพูดอย่างช้า ๆ หลังจากนั้นครู่หนึ่งจึงเปลี่ยนเรื่อง “เรื่องคลี่คลายหรือยัง?”

“ช่างมันเถอะ” เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ สวี่สุยก็รู้สึกเซื่องซึมขึ้นมา

เมื่อการสอบเสร็จสิ้นลง ซือเยว่เจี่ยเข้าไปในห้องควบคุมและชมวิดีโอในห้องสอบย้อนหลัง 2 ชั่วโมง เมื่อพบคนโกงตัวจริง เขาก็ไปติดต่อสำนักวิชาการและผู้ที่เกี่ยวข้อง

ในที่สุดเรื่องก็คลี่คลายไปได้ด้วยดี แต่นักเรียนคนนั้นไม่เต็มใจที่จะถูกลงโทษและปฏิเสธที่จะขอโทษ เธอถูกใส่ร้ายโดยไม่มีเหตุผล ทำให้สวี่สุยรู้สึกข้องใจเล็กน้อย

สวี่สุยรู้สึกเกรงใจซือเยว่เจี่ย เธอไม่คุ้นเคยกับการเป็นหนี้บุญคุณคนอื่น ดังนั้นเธอจึงถามเขาว่าอยากได้อะไร ซือเยว่เจี่ยไม่กล้าปฏิเสธ จึงขอให้เธอเลี้ยงชานมเขาเป็นการตอบแทน ทำให้โจวจิงเจ๋อเข้ามาเห็นฉากนั้นพอดี

เมื่อสวี่สุยกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง คุณครูก็ส่งข้อความขอให้เธอไปที่สำนักงานเพื่อขอสำเนากระดาษทดสอบ

เมื่อเห็นแววตาที่ลังเลของเธอ โจวจิงเจ๋อจึงดีดหัวเธอเบา ๆ “รีบไปเถอะ ฉันก็มีเรื่องต้องไปทำเหมือนกัน”

หลังจากที่สวี่สุยเดินไป โจวจิงเจ๋อก็ยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ป้ายรถเมล์ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดโทรออกจากนั้นก็วางสายและเข้าไปในแอปพลิเคชั่น WeChat เพื่อค้นหารูปโปรไฟล์ของไป่อวี๋เยว่

บันทึกบทสนทนาอาทิตย์ที่แล้วของทั้งคู่ยังคงอยู่ไป่อวี๋เยว่ส่งข้อความมาว่า

——ฉันเห็นนายพาสวี่สุยมาส่งที่โรงเรียน

โจวจิงเจ๋อไม่ตอบ ละอองฝนเริ่มสาดลงมา เขาเช็ดคราบที่เปียกบนหน้าจอด้วยนิ้วโป้ง และจ้องไปที่ประโยคนั้นอย่างครุ่นคิด

หลังจากที่สวี่สุยไปที่สำนักงานเพื่อช่วยครูจัดเอกสารสอบ เธอก็กลับไปที่หอพัก ทันทีที่เธอเปิดประตู 1017 ก็วิ่งไปหาเธอพร้อมกับร้อง “เมี้ยว เมี้ยว” ทันที

ไป่อวี๋เยว่กำลังหวีผม จู่ ๆ เธอก็วางหวีลงบนโต๊ะ และพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “หนวกหูจริง ๆ”

สวี่สุยไม่สนใจ เธอหยิบอาหารแมวออกมาแล้วเทลงในชามเพื่อให้อาหารแมว โดยไม่สนใจไป่อวี๋เยว่ ไป่อวี๋เยว่ไม่พอใจและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง

เสียง “ติ๊ง” หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะสว่างขึ้น ไป่อวี๋เยว่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและเปิด WeChat เป็นข้อความจากโจวจิงเจ๋อ “ออกมาเจอกันหน่อย”

เมื่อไป่อวี๋เยว่เห็นข้อความนี้ ดวงตาของเธอก็เป็นประกาย เธอจัดโต๊ะและเริ่มแต่งหน้าทันที คิ้วและตาของเธอเต็มไปด้วยความสุขจนเก็บไม่อยู่

ไป่อวี๋เยว่แต่งตัวอย่างรวดเร็ว เธอเปลี่ยนเป็นกระโปรงพลีทสวยงาม เมื่อไป่อวี๋เยว่เดินออกไป เธอก็ชนกับเหลียงส่วงที่เพิ่งกลับมา

“เธอจะไปไหนเหรอ แต่งตัวสวยจัง” เหลียงส่วงถาม

“แน่นอนว่ามีคนสำคัญนัดฉันให้ไปเดทน่ะสิ” ไป่อวี๋เยว่มองย้อนกลับไปที่สวี่สุย

หลังจากแมวสีส้มกินเสร็จ เธอก็แกะนมแพะออกมาแล้วเทลงในกล่อง เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอก็ทำนมหกลงบนพื้น ลูกแมวก็ก้มหัวลงทันทีและเลียมันจนสะอาด

หลังจากที่ไป่อวี๋เยว่และโจวจิงเจ๋อเลิกกัน พวกเขาก็ยังโสด คนที่มีผลต่อความรู้สึกของไป่อวี๋เยว่ ยังคงมีแค่โจวจิงเจ๋อเพียงคนเดียวเท่านั้น

ในตอนเช้าที่โจวจิงเจ๋อบอกว่ามาหาใครคนหนึ่งที่แท้ก็คือไป่อวี๋เยว่ จู่ ๆ หัวใจของเธอก็เหมือนถูกดึง ดวงตาเริ่มพร่ามัว เธอมองของสิ่งหนึ่งด้วยอาการเหม่อลอย

หลังจากที่สวี่สุยนั่งเหม่อกว่าสิบนาที เธอไม่ต้องการที่จะอยู่ในสภาพที่เฉื่อยชาเช่นนี้ เธอลุกขึ้นและหยิบหนังสือสองสามเล่มและตัดสินใจไปที่ห้องสมุด ทำอย่างอื่นดีกว่าการคิดไปเรื่อยเปื่อยแบบนี้

สวี่สุยลงไปข้างล่างพร้อมกับหนังสือสองสามเล่มในอ้อมแขนของเธอ ลมหนาวพัดเข้ามา ทำให้เธอห่อไหล่โดยไม่รู้ตัว เมื่อฝนหยุดตกพื้นก็เปียกจนชุ่ม สวี่สุยเดินไปตามถนนที่มีต้นไม้เรียงราย เดินลงบันได และเดินต่อไปทางซ้าย

ห้องสมุดอยู่ห่างจากหอพักหญิงพอสมควร หลังจากเดินไปตามทางแล้ว ยังต้องเดินผ่านสวนดอกไม้ เนื่องจากอุณหภูมิลดลงทำให้ในสวนคนมีไม่ค่อยมาก ดอกไม้บานเป็นกระจุก ม้านั่งสีน้ำตาล 2 ตัววางตรงข้ามกัน ที่พักแขนด้านบนขึ้นสนิมสีแดง

สวี่สุยเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็ได้ยินเสียงทะเลาะวิวาท เธออดไม่ได้ที่จะหยุดเดินข้าง ๆ สวนดอกกุหลาบ เธอเห็นคนสองคนกำลังทะเลาะกัน

สวี่สุยลดขนตาสีเข้มของเธอลง พระเจ้าชอบแกล้งเธอจริง ๆ เธอต้องเห็นโจวจิงเจ๋อกับผู้หญิงคนอื่นอีกกี่ครั้งกัน?

ถ้าจะพูดให้ถูก คือไป่อวี๋เยว่โวยวายเพียงฝ่ายเดียว

ไป่อวี๋เยว่ยืนอยู่ด้านหน้าโจวจิงเจ๋อ ไม่มีท่าทีหยิ่งเหมือนอยู่ต่อหน้าคนอื่น ๆ น้ำตาไหลพราก เธอก้มศีรษะ “ฉันผิดไปแล้ว ... เราดีกันเถอะนะ”

โจวจิงเจ๋อไม่ได้พูดอะไรในความเงียบของเขาไป่อวี๋เยว่สูญเสียการควบคุมอารมณ์ของเธออีกครั้ง “ฉันขอโทษนายแล้วไม่ใช่หรอ! ตอนเราอยู่ด้วยกัน นายเคยรักฉันบ้างมั้ย?”

“นาย...ยังชอบฉันอยู่ใช่มั้ย” เสียงของไป่อวี๋เยว่กลวง ราวกับว่าเธอพบความหวังสุดท้าย เธอฉีกเสื้อถักจากกระดูกไหปลาร้าของเธอไปที่หน้าอก ทำให้เห็นผิวที่ขาวสะอาด

ไป่อวี๋เยว่จับมือของโจวจิงเจ๋อ และวางมือบนหน้าอกของเธอ เธอไม่มีความเคารพตัวเองเลยสักนิดเดียว เธอร้องไห้และพูดว่า “นายไม่ได้บอกว่า... นายชอบสัมผัสฉันมากที่สุดหรอ?”

โจวจิงเจ๋อมองมาที่เธอโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ ในที่สุดเขาก็ยกมือขึ้นและช่วยเธอแต่งตัว มือแข็งแรงดึงซิปกลับขึ้นไปอีกครั้ง สวี่สุยบังเอิญเห็นไฝสีดำของเขาวางอยู่บนไหล่ของหญิงสาว

ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเทา โจวจิงเจ๋อสวมเสื้อแจ็คเก็ตนักบิน บนไหล่ของเขาค่อย ๆ มืดลง เขายืนฟังทั้งหมด ยอมรับข้อกล่าวหาทั้งดีและไม่ดีทั้งหมด เขาพูดออกมาเพียงประโยคเดียว

“ไป่อวี๋เยว่ อย่าลดคุณค่าตัวเองแบบนี้”

ในที่สุดไป่อวี๋เยว่ก็ทรุดตัวลง ไหล่ของเธอสั่น น้ำตาไหลไม่หยุด ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้ เพราะเธอรู้ว่ามันไม่ได้ผลกับโจวจิงเจ๋อ

ไป่อวี๋เยว่ยกเท้าขึ้นและเดินไปข้างหน้า เดินไปได้สิบก้าว แต่โจวจิงเจ๋อยังยืนอยู่ที่เดิม เขาเรียกเธอและพูดว่า “เธอลองเอากลับไปคิดดี ๆ”

หลังของเธอหยุดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

โจวจิงเจ๋อสวมกางเกงขายาวสีดำและรองเท้าบู๊ตสั้น ยืนอยู่ตรงนั้น เขาใช้ปลายเท้าแตะลงบนพื้นเบา ๆ หัวเราะและพูดว่า “ไม่ต้องฟังแล้ว ออกมาเถอะ”

สวี่สุยตกใจ เธอหอบหนังสือและเดินออกไปสองก้าว พร้อมกับอธิบายว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

โจวจิงเจ๋อหันกลับมาและพูดอย่างช้า ๆ “งั้นทำยังไงดี? พวกเราเลิกกันแล้ว แต่โดนจับได้”

“ฉันขอโทษ” สวี่สุยคิดอยู่ครู่หนึ่ง

โจวจิงเจ๋อล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าและเดินเข้าไปหาเธอทีละก้าว จ้องมองไปที่สวี่สุย ทั้งสองอยู่ใกล้กันมากจนหน้าผากแทบจะชนกัน

กลิ่นควันบุหรี่จากร่างกายของเขาและลมหายใจอันหนาวเหน็บทำให้สวี่สุยตื่นตระหนก เธอถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แต่โจวจิงเจ๋อก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้น

โจวจิงเจ๋อก้มตัวลงมองไปที่เธอ ดวงตาสีดำดุจหินสีนิลของเขามีความขี้เล่นเล็กน้อย “เธออยากมาแทนที่มั้ยล่ะ?”

ความร้อนกระทบหูของเธอ สวี่สุยรู้สึกจั๊กจี้อยู่ครู่หนึ่ง ภายใต้การจ้องมองของโจวจิงเจ๋อใบหน้าของเธอกลายเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด ราวกับหยดสีแดงหยดลงบนกระดาษน้ำมันโปร่งใส ลามจากแก้มไปด้านหลังใบหูอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นว่าสวี่สุยไม่ได้พูดอะไร โจวจิงเจ๋อก็ก้าวเข้าไปใกล้อีกขั้น ยกคิ้วขึ้นและถามว่า “หืม?”

“ฉัน...ฉัน...” สวี่สุยทั้งประหม่าและเขินอาย เธอถอยห่างออกไปทีละก้าว กระแทกพุ่มไม้กุหลาบอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้ต้นไม้โคลงเคลง มีบางอย่างตกลงมาในอากาศเหมือนมีเสียงแตกของอะไรบางอย่าง

โจวจิงเจ๋อยืนอยู่ข้างหน้าเธอและเดินเข้าหาเธอช้า ๆ สวี่สุยเหลือบเห็นจมูกโด่งของเขา ริมฝีปากบาง ๆ ของเขากดลงทีละนิ้ว ใกล้จนเธอสามารถเห็นขนตาสีเข้มของเขาได้

หัวใจของเธอเต้นแรงมาก ทั้งหวาดกลัวและตื่นเต้น

โจวจิงเจ๋อโน้มตัวลง เหยียดนิ้วโป้งและนิ้วชี้ออกเพื่อหนีบกลีบกุหลาบบนไหล่ของเธอ แล้วใส่เข้าไปในปากของเขา โจวจิงเจ๋อกดริมฝีปากของเขากับกลีบสีแดง ฟันของเขาเคี้ยวช้า ๆ และเคี้ยวมัน ดวงตาสีเข้มของเขาเผยรอยยิ้มขี้เล่น

สวี่สุยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในเวลาเดียวกันหนังสือที่เธอถือก็หล่นลงกับพื้น จากนั้นกลีบดอกไม้ก็ร่วงลงมาบนไหล่ของพวกเขาอีกครั้ง

“ฉันล้อเล่น” แววตาของโจวจิงเจ๋อนั้นชัดเจน

“ตอนเย็นไปทานอาหารเย็นกัน ซีซีรู้แล้ว” โจวจิงเจ๋อหยิบกลีบดอกไม้อีกดอกออก แล้วบิดเบา ๆ ด้วยปลายนิ้วของเขา

สวี่สุยพยักหน้า หลังจากที่โจวจิงเจ๋อออกไป เธอใช้มือพยุงเข่าและอ้าปากค้าง เธอมองดูแผ่นหลังของเขาและคิดว่ายังมีคนเลวแบบนี้อยู่อีกเหรอ

เหมือนกับยาพิษ แค่คำพูดก็เสพติด ราวกับตกอยู่ในความฝัน และตกนรกในวินาทีถัดมา ทำให้ต้องตื่นขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด