บทที่ 79: ควรเรียกท่านว่าลุง
เพล้ง!
“เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?” แสงเย็นส่องผ่านดวงตาของเซียวถังอี้ ขณะที่จอกสุราในมือของเขาแตกละเอียด
มู่ไป๋ไป่ตัวสั่นเทา พร้อมกับความรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังขยี้หัวเล็ก ๆ ของเธอแทนจอกสุรานั้น
แต่เธอก็พยายามข่มความกลัวพลางกะพริบตากลมโตสีเข้มเพื่อให้ท่าทางของตัวเองดูน่าสงสารที่สุด
พอนึกขึ้นได้ว่าเธอเคยใช้เคล็ดลับนี้เพื่อจัดการกับมู่เทียนฉง เธอไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าสัตว์ประหลาดคนนี้จะรับมือได้ยากกว่าเขา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเธอจะกะพริบตาปริบ ๆ จนปวดตา แต่ดวงตาภายใต้หน้ากากสีเงินก็ยังคงเย็นชาเหมือนเดิม
“...”
นั่นทำให้มู่ไป๋ไป่ยอมรับว่าเจ้าสัตว์ประหลาดนั้นจัดการได้ยากกว่ามู่เทียนฉงจริง ๆ
“โอ้ เด็กคนนี้เป็นลูกของคุณชายเซียวจริง ๆ หรือนี่” คนแรกที่เอ่ยปากก็คือชายร่างเตี้ยที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำของกลุ่ม “ทำไมคุณชายเซียวถึงมีลูกแล้วล่ะ ท่านทำให้พี่รองของเราต้องเป็นห่วงท่านอยู่ตั้งนาน”
เซียวถังอี้ไม่ได้พูดอะไร เขาทำเพียงแค่กวาดจอกสุราที่ถูกบดขยี้ทิ้งไป จากนั้นจึงหยิบจอกสุราอันใหม่ขึ้นมาดื่มต่อ
“เลือด!” มู่ไป๋ไป่เห็นบางอย่างผิดปกติบนนิ้วของอีกฝ่าย เธอจึงรีบคว้ามือเขาแล้วนำมาจ่อที่ริมฝีปากเพื่อเป่าเบา ๆ
ทันทีที่ทุกคนเห็นการกระทำของคนตัวเล็ก พวกเขาก็เงียบลงอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าคนที่กล้าถึงเนื้อถึงตัวคุณชายเซียวเช่นนี้น่าจะเป็นลูกของเขาจริง ๆ
“เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ?” เซียวถังอี้ลดสายตาลงมองไปที่เด็กน้อย แต่เนื่องจากมีหน้ากากบดบังใบหน้าของเขาไว้จึงทำให้มู่ไป๋ไป่ไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
เด็กหญิงแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาขณะตอบว่า “ถ้าท่านเลือดออกหรือได้รับบาดเจ็บ เราจะต้องเป่าเพี้ยง ๆ เพื่อให้แผลหายเร็ว ๆ”
พูดจบเธอก็วิ่งไปหาผู้หญิงชุดสีแดง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามเสียงหวานหยดย้อยว่า “พี่สาวคนสวย ท่านมีผ้าสะอาดหรือไม่?”
เดิมทีสตรีในชุดแดงมีชื่อที่ถูกเรียกหลายชื่อ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกเรียกว่า ‘พี่สาวคนสวย’ มันทำให้นางรู้สึกมีความสุขยามที่ถูกเรียกเช่นนี้ และสายตาที่มองเด็กน้อยก็เปลี่ยนไป นางรู้สึกว่าเด็กหญิงคนนี้ดูน่ารักขึ้นมาก จึงได้มอบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองให้โดยไม่รู้ตัว
มู่ไป๋ไป่ที่รับผ้าเช็ดหน้ามาแล้วก็กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายอย่างมีมารยาท จากนั้นจึงวิ่งกลับไปหาเซียวถังอี้และใช้ผ้าเช็ดหน้านั้นพันแผลให้เขา
ให้ตายเถอะ ถ้าเธอไม่รีบ แผลนั้นก็จะหายดีเสียก่อน!
พอแผลหายดีแล้ว เธอจะหาข้ออ้างมาใส่ใจเขาได้อย่างไร?
ในขณะที่มู่ไป๋ไป่กำลังบ่นในใจว่ามือของชายคนนี้ทำมาจากอะไร เหตุใดถึงได้ทิ้งบาดแผลเพียงเล็กน้อยหลังจากที่บดขยี้จอกสุราด้วยมือเปล่า เธอก็พันผ้าเช็ดหน้ารอบปลายนิ้วอีกคนอย่างระมัดระวัง และสุดท้ายเธอก็ตบมันเบา ๆ ด้วยความภาคภูมิใจกับผลงานของตน
เนื่องจากเซียวถังอี้สวมชุดสีดำทั้งตัว นอกจากสีเงินบนใบหน้าของเขาแล้วก็ไม่มีสีอื่นปะปนอีก
แต่ผ้าเช็ดหน้าที่ผู้หญิงคนนั้นมอบให้มู่ไป๋ไป่เป็นสีแดง ตอนนี้มันถูกผูกไว้บนมือของเขา มันจึงตัดกับชุดสีดำพอดีซึ่งกลายเป็นจุดเด่นขึ้นมา
มู่ไป๋ไป่เหลือบมองคางเรียวสวยของคนตรงหน้า แล้วจู่ ๆ เธอก็มีความคิดสงสัยเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของเขา
มู่เทียนฉงกับมู่จวินฝานนับว่าเป็นคนที่หล่อเหลาที่สุดเท่าที่เธอเคยพบมาตั้งแต่ทะลุมิติมายังที่นี่ แต่เจ้าสัตว์ประหลาดคนนี้ดูจะแตกต่างจากพวกเขา
มันเป็นรูปลักษณ์ที่น่าทึ่ง ถึงแม้ว่าจะปกปิดใบหน้าเอาไว้แต่ก็ไม่อาจปิดบังความงามไว้ได้
ทางด้านเซียวถังอี้มองผ้าเช็ดหน้าสีแดงสดในมือของตัวเอง ขณะที่คิ้วรูปดาบที่อยู่ภายใต้หน้ากากค่อย ๆ ย่นเข้าหากัน จากนั้นสายตาก็เลื่อนไปมองใบหน้าของเด็กน้อยก่อนจะเห็นว่าดวงตาของอีกฝ่ายยังคงแดงอยู่ประกอบกับมีน้ำตาเปียกชื้นอยู่ที่ขนตา
ภาพที่เขาเห็นมันทั้งดูดีและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน ใช่… ทั้งหมดนี้ไม่เหมือนกับคนเย่อหยิ่งที่เขาเจอก่อนหน้านี้เลย
“หึ” เด็กหนุ่มแค่นเสียงในลำคออย่างหมดความอดทน ก่อนจะคว้าตัวนางมานั่งลงบนตักของเขา แล้วถามนางเสียงขุ่นว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่?”
เดิมทีมันเป็นความตั้งใจที่เขาพาเด็กคนนี้มาที่นี่
เขาเคยเป็นคนสำมะเลเทเมา มักจะทำทุกอย่างตามที่ใจต้องการ เขาคิดเพียงว่าเจ้าเด็กนี่น่าสนใจดี เขาจึงพานางมาที่นี่เพื่อดูนางถูกคนอื่นรังแก
แต่เด็กน้อยคนนี้ก็เก่งกาจถึงขนาดร้องไห้จ้าจนทำให้ทุกคนตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก แถมยังพุ่งเข้ามากอดเขาและเรียกเขาว่าพ่ออีกด้วย
สิ่งที่ทำให้เขาพูดไม่ออกที่สุดก็คือการที่นางพันแผลที่นิ้วให้เขา
เซียวถังอี้เหลือบมองนิ้วที่มีผ้าเช็ดหน้าสีแดงพันเอาไว้อีกครั้ง ก่อนที่คิ้วหนาจะขมวดเข้าหากันแน่นขึ้น
“ข้ารู้” มู่ไป๋ไป่โน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของอีกฝ่ายอย่างเชื่อฟัง แล้วจับมือเขาเอาไว้พลางตอบด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด “ถ้ามีเลือดออก ก็แสดงว่าเจ็บ เราต้องรีบหาอะไรมาพันไว้”
“...” เด็กหนุ่มบีบคางเล็ก ๆ ของอีกคนอย่างเหลืออด “พูดแบบปกติ!”
“...”
คนผู้นี้เป็นสัตว์ประหลาดชนิดใดกันถึงสามารถต้านทานความน่ารักของเธอได้?
มู่ไป๋ไป่สะบัดคางออกจากมือของเซียวถังอี้ด้วยความโกรธ ก่อนจะกระโดดออกจากตักเขา
“นั่นเจ้าจะทำอะไรอีก?” เด็กหนุ่มขมวดคิ้วถาม
แต่มู่ไป๋ไป่ไม่ตอบ เธอนั่งลงเพื่อหยิบจอกสุราที่เขาเพิ่งกวาดลงพื้นเมื่อกี้
“...”
เจ้าเด็กน้อยคนนี้ถูกเลี้ยงมาอย่างไร ทำไมถึงรับมือได้ยากนัก?
“ลุกขึ้น!” เซียวถังอี้รู้สึกรำคาญจึงคว้าคอเสื้อด้านหลังของคนตัวเล็กขึ้นแล้วเขาก็ยัดพวงองุ่นใส่ไว้ในอ้อมแขนของอีกฝ่ายแบบส่ง ๆ ก่อนจะนั่งดื่มสุราของตัวเองต่อไป
มู่ไป๋ไป่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะกอดองุ่นเอาไว้ ในไม่ช้าเธอก็ตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนตักของเจ้าสัตว์ประหลาด เธอจึงก้มหน้าลงเม้มปากกลั้นรอยยิ้มภาคภูมิใจของตัวเอง
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนทั้ง 2 ที่ตกอยู่ในสายตาคนอื่นก็ทำให้พวกเขาประหลาดใจ ก่อนจะหัวเราะออกมา
“แน่นอนสิ ตอนนี้เขามีลูกแล้ว ดูสิคุณชายเซียวของเราอ่อนโยนมากเพียงใด”
“ข้าเองก็ยังสงสัยว่าทำไมคุณชายเซียวถึงไม่สนใจหญิงงามในหอคณิกาเลย ที่แท้เขาก็มีครอบครัวอยู่แล้ว”
“ฮึก ๆ …. ข้าเสียใจนัก คุณชายเซียวของเราแต่งงานแล้ว เจ้าเด็กน้อย น้าขอถามเจ้าหน่อยว่าแม่ของเจ้าหน้าตาดีพอ ๆ กับน้าหรือไม่?”
มู่ไป๋ไป่ค่อย ๆ หยิบองุ่นขึ้นกินช้า ๆ ขณะแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายถาม
เซียวถังอี้เหลือบมองเด็กหญิงผ่านจอกสุราแล้วพูดเสียงเรียบว่า “อย่าพูดจาไร้สาระ นางเป็นแค่น้องสาวของข้า”
เขาไม่ได้พูดเสียงดังและน้ำเสียงก็เรียบเฉยมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าปฏิเสธเขา
หลังจากคนอื่นได้ยินเขาบอกว่าเด็กคนนี้เป็นน้องสาว สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนทันที
มู่ไป๋ไป่ซึ่งกำลังกินองุ่นอยู่เงียบ ๆ จู่ ๆ ก็เงยหน้าขึ้นและส่ายหัวตอบอย่างจริงจัง “ไม่ใช่สิ”
“หืม?” เซียวถังอี้ไม่ได้คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบ คิ้วดาบจึงขมวดเข้าหากัน ขณะที่นิ่งมองดูนางอยู่ครู่หนึ่งจนถึงขั้นลืมยกจอกสุราดื่มด้วยซ้ำ
“ข้าไม่ใช่น้องสาวของท่าน พ่อของข้าคงไม่สามารถให้กำเนิดพี่ชายที่อายุเท่านี้ได้” มู่ไป๋ไป่ที่มีสีหน้าจริงจังจนทำให้ทุกคนตกใจ “ข้าควรเรียกท่านว่าท่านลุงต่างหาก”
“พรู้ดดดด!!” เซียวถังอี้พ่นสุราออกจากปาก และเกือบสำลักสุราตาย
ในทางกลับกัน คนไม่กี่คนที่คอยดูความสนุกก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา บางคนถึงขั้นกุมท้องลงไปกลิ้งอยู่กับพื้นเลยด้วยซ้ำ
“ฮ่า ๆๆ!! ลุง… คุณชายเซียวหนอคุณชายเซียว แม้แต่ตัวท่านก็ยังมีวันนี้”
“คุณชายเซียว ดูเหมือนว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้จะไม่อยากเป็นน้องสาวของท่าน”
“ฮ่า ๆๆ คุณชายเซียวเพิ่งพาน้องสาวมาแนะนำเป็นครั้งแรก แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างน่าอนาถ”
เมื่อมู่ไป๋ไป่เห็นคนพวกนี้พากันหัวเราะอย่างพร้อมเพรียง เธอก็เม้มปากอย่างไม่พอใจ เพราะสิ่งที่เธอพูดนั้นไม่ผิดเลยสักนิด
สิ่งที่เธอต้องการจะบอกคือมู่เทียนฉงไม่สามารถให้กำเนิดพี่ชายที่ตัวโตขนาดนี้ได้ไม่ใช่หรือ?
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: เจ้าเด็กคนนี้นี่มันสุดยอดจริง ๆ ไปแซะเขาหน้าแก่ ทำเอาคุณชายเซียวที่ผู้คนเกรงกลัวเสียอาการได้ขนาดนี้ 55555
ทุกคนนน! E-Book ไป๋ไป่เล่ม 3 วางขายวันที่ 11 พ.ย. 67 นี้น้า นักอ่านท่านไหนที่รอซื้อ E-Book อยู่ สามารถเข้าไปตำกันได้ที่ลิงก์ด้านล่างเลยจ้า