บทที่ 40 เริ่มลงมือ
ภายในบ้านพักค่อนข้างยุ่งเหยิง สภาพในห้องนั่งเล่นโต๊ะเก้าอี้ถูกคว่ำลงกระจัดกระจายหลายตัว ส่วนห้องของหลี่เหยียนที่ชั้นหนึ่งและห้องของฟางเสิ่นที่ชั้นสองกลับไม่มีความเสียหายใด ๆ
ผู้บุกรุกมีสองคน คนหนึ่งนอนอยู่ข้างโซฟาที่คว่ำ อีกคนหนึ่งหมอบอยู่ตรงหน้าต่างบานใหญ่ ทั้งคู่หมดสติไปแล้ว ใบหน้าของพวกมันยังมีร่องรอยความหวาดกลัวสุดขีดให้เห็น ชัดเจนว่าพวกมันติดอยู่ในภาพหลอนที่น่ากลัวมาก
“ทำตัวเองแท้ๆก็ต้องรับกรรมเอง” ฟางเสิ่นหัวเราะเยาะเบาๆ เขาลากทั้งสองคนไปวางไว้ที่มุมห้องแล้วจัดห้องนั่งเล่นให้เรียบร้อย ทั้งสองคนนี้น่าจะหมดสติไปนานแล้ว แม้จะฟาดแขนขาไปมาในภาพหลอน แต่ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับห้องมากนัก ฟางเสิ่นจัดการทุกอย่างให้เข้าที่อย่างรวดเร็ว ส่วนของที่แตกหักเสียหายไปนั้นคงต้องไปหาซื้อใหม่ โชคดีที่เป็นของราคาถูก
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว ฟางเสิ่นก็เตะสองคนนี้ให้ตื่นขึ้น เขาอารมณ์ไม่ดีนักดังนั้นการปลุกจึงไม่ได้อ่อนโยนแน่นอน ทั้งสองคนตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด
อย่างไรก็ตาม เมื่อฟางเสิ่นพยายามจะสอบถามกลับพบว่าทั้งสองคนมีสภาพเหมือนคนเสียสติ ใบหน้าเต็มไปด้วยความมึนงงและหัวเราะอย่างโง่ๆราวกับคนบ้า
“บ้าไปแล้ว?” ทั้งสองคนนี้ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจจนบ้าไป และเป็นอาการบ้าที่ไม่สามารถรักษาได้
เมื่อพบเรื่องนี้ ความโกรธที่พุ่งพล่านในอกของฟางเสิ่นก็สงบลงทันที เขาไม่ได้มีความตั้งใจจะไว้ชีวิตทั้งสองคนนี้อยู่แล้ว เพราะหากพวกมันออกไปพูดสุ่มสี่สุ่มห้าก็จะนำปัญหามาให้เขา แต่ตอนนี้ในเมื่อพวกมันบ้าไปแล้วก็ช่วยให้เขาประหยัดแรงไปอีกขั้น
เวลานี้เป็นช่วงกลางดึกชุมชนแทบไม่มีคน ฟางเสิ่นจึงทำให้ทั้งสองหมดสติอีกครั้ง จากนั้นลากพวกมันไปทิ้งยังที่ห่างไกลจากบ้านพักของเขา แล้วจึงสะบัดมือเดินกลับมา
คงจะมีคนเจอพวกเขาในวันพรุ่งนี้ แล้วส่งตัวไปที่โรงพยาบาลโรคจิตเวช
คืนนั้นผ่านไปอย่างสงบ
เช้าวันรุ่งขึ้นฟางเสิ่นโทรหาเซี่ยหย่าซวี ให้เธอเรียกคนอื่นๆ ไปพบที่สถานที่ประมูลเพื่อปรึกษาเรื่องต่อไป
อีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้จะเป็นการประมูลครั้งแรกของ สถานที่ประมูลสองโลก ซึ่งจะเป็นวันที่ฟางเสิ่นกำหนดไว้ งานเตรียมการบางอย่างจึงต้องเริ่มขึ้น
เลขที่ 300 ถนนหนานซาน สถานที่ประมูลหลงซิงเดิม ตอนนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็นสถานที่ประมูลสองโลกแล้ว
“สวัสดีครับ สถานที่ประมูลของเรายังไม่เปิดทำการอย่างเป็นทางการ...” เมื่อฟางเสิ่นเดินเข้าไปพนักงานที่เพิ่งมาทำงานได้ไม่นานก็หยุดเขาไว้
แต่ยังไม่ทันที่พนักงานจะพูดจบ ก็มีพนักงานรุ่นเก่าคนหนึ่งรีบวิ่งมาดึงเขาออกไป
“ท่านฟาง ขอโทษครับเสี่ยวเฉินพึ่งมาทำงานใหม่ เขาไม่เคยเห็นหน้าท่านมาก่อน” พนักงานรุ่นเก่ากล่าวขอโทษอย่างเร่งรีบ
ฟางเสิ่นยิ้มเล็กน้อยแล้วโบกมือให้พวกเขากลับไปทำงานของตนเอง จากนั้นจึงเดินขึ้นไปชั้นสามอย่างสบายใจ ห้องทำงานของเขาและของเซี่ยหย่าซวีอยู่บนชั้นสาม แน่นอนว่าห้องทำงานของเขาส่วนใหญ่จะถูกปล่อยให้ว่างเปล่า
เมื่อเปิดประตูเข้าไปเซี่ยหย่าซวีกำลังรับโทรศัพท์อยู่ เมื่อเห็นฟางเสิ่นเข้ามา เธอก็รีบพูดสองสามคำแล้ววางสายทันที
ในช่วงนี้เซี่ยหย่าซวีได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเหมาะสมกับตำแหน่งผู้จัดการอย่างเต็มที่ บุคลิกและภาพลักษณ์ของเธอเปลี่ยนไปมาก มีท่าทางของผู้หญิงเก่งและทำงานได้อย่างคล่องแคล่วและเด็ดขาดมากขึ้น
แม้ว่าตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของสถานที่ประมูลสองโลกในตอนนี้จะยังว่างอยู่ แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่าเซี่ยหย่าซวีจะได้ตำแหน่งนี้ในที่สุด เพียงแต่ตอนนี้เธอยังไม่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหลินไห่ จึงยังไม่สามารถเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการได้
“ได้ยินว่านายเกือบถูกขวางไม่ให้เข้าไปล่ะสิ?” เซี่ยหย่าซวี กล่าวพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ขณะชงชาให้ฟางเสิ่น
ข่าวแพร่ไปเร็วมาก อาจจะเป็นสายก่อนหน้านี้ที่มีคนโทรมารายงานเรื่องนี้ให้เซี่ยหย่าซวีทราบ
“เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ฉันได้ตัดสินใจปลดคนไปหลายคน และคนที่ขวางนายเมื่อกี้คือเสี่ยวเฉินที่เพิ่งรับเข้ามาใหม่ แม้จะดูเงอะงะแต่เขาก็มีความสามารถพอตัว” เซี่ยหย่าซวี อธิบาย
“ฉันเข้าใจนะ หรือว่าในสายตาพวกเธอฉันเป็นเจ้านายจอมโหดที่ชอบไล่คนออกโดยไม่มีเหตุผล?” ฟางเสิ่นกล่าวพร้อมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นจิบ
เซี่ยหย่าซวีรายงานเรื่องราวต่างๆ ในช่วงนี้ให้ฟางเสิ่นฟัง ซึ่งเขาก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ผ่านไปไม่นาน ม่อฉง, โจวหรง และผู้จัดการฝ่ายอื่น ๆ อีกสองคนก็มาถึงพร้อมกัน
เช่นเดียวกับเซี่ยหย่าซวี, ม่อฉงและโจวหรง ต่างก็ไม่อยากพลาดโอกาสดีเช่นนี้ เมื่อฟางเสิ่นชวนพวกเขาก็ตอบตกลงทันที พวกเขาต่างเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยหลินไห่ที่มีความสามารถ แม้จะไม่เก่งเท่าเซี่ยหย่าซวีแต่ในเมื่อสถานที่ประมูลสองโลกยังมีขนาดเล็กอยู่ การให้พวกเขาเป็นผู้จัดการฝ่ายต่างๆก็ยังเป็นไปได้ และเมื่อพวกเขาสั่งสมประสบการณ์มากขึ้นก็น่าจะได้รับตำแหน่งที่สำคัญขึ้นในอนาคต
หลังจากรับตำแหน่งเซี่ยหย่าซวีได้ดำเนินการปฏิรูปสถานที่ประมูลอย่างเต็มที่ โดยมีฟางเสิ่นอยู่เบื้องหลังการสนับสนุน เธอจึงกล้าทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นอกจากนี้ฟางเสิ่นยังบอกเธอตั้งแต่แรกแล้วว่า เธอสามารถวางแผนสถานที่ประมูลสองโลกเหมือนเป็นบริษัทที่มีทรัพย์สินมูลค่าหลายสิบล้านหรือหลายร้อยล้านได้เลย ดังนั้นการแบ่งงานภายในสถานที่ประมูลจึงมีความชัดเจนและเป็นระบบมาก
แน่นอนว่าในตอนนี้สถานที่ประมูลสองโลกยังมีขนาดเล็กอยู่หลายฝ่ายยังคงว่างอยู่ แต่โครงสร้างได้ถูกวางไว้แล้ว รอแค่เติมบุคลากรเข้าไปเท่านั้น
“ที่ฉันเรียกพวกเธอมาวันนี้ก็เพื่อจะมอบหมายงานสำหรับเดือนต่อจากนี้ เนื่องจากเหตุผลบางอย่าง ฉันได้กำหนดให้มีการประมูลครั้งแรกของสถานที่ประมูลในวันที่ 10 เดือนหน้า พวกเธอเริ่มเตรียมงานได้เลย” ฟางเสิ่นกล่าว
“เดือนหน้าหรือ? มันจะเร็วไปไหม? ตอนนี้เรายังไม่มีสินค้าสำหรับการประมูลหลักเลย และการโฆษณาก็ต้องใช้เวลา” เซี่ยหย่าซวีขมวดคิ้วเล็กน้อยเธอพูดถึงข้อสงสัยของเธอ
“เรื่องการโฆษณาไม่น่าจะมีปัญหา และพวกเราไม่ใช่คนที่ต้องทำทั้งหมด เราแค่ต้องทำหน้าที่ประสานงานเท่านั้น” ฟางเสิ่นเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอย่างสั้นๆ
เมื่อได้ยินว่าฟางเสิ่นไปเข้าร่วมงานเลี้ยงระดับสูง คนอื่นๆ ก็ต่างตกตะลึง
“ถ้าเป็นแบบนี้เรื่องการโฆษณาก็ไม่น่ามีปัญหา ถ้าเช่นนั้นสินค้าที่จะเป็นไฮไลต์ของการประมูลคืออะไร?” เซี่ยหย่าซวีถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น เมื่อได้แรงสนับสนุนขนาดนี้ เธอจึงไม่อยากพลาดโอกาส
“สินค้าหลักคือน้ำยาหวนคืน” ฟางเสิ่นวางขวดหยกเล็กๆ ขวดหนึ่งลงตรงหน้าทุกคน และอธิบายถึงสรรพคุณและผลของมัน
“คืนความอ่อนเยาว์?” ดวงตาขอ เซี่ยหย่าซวีเป็นประกายขึ้นทันที ผู้หญิงย่อมให้ความสนใจในเรื่องความเยาว์วัยเสมอ แม้เธอจะอยู่ในวัยสาวแต่ก็ไม่ต่างกัน โชคดีที่ตอนนี้เธออยู่ในวัยนั้นพอดี ดังนั้นหลังจากจ้องมองขวดน้ำยาหวนคืนด้วยสายตาอันร้อนแรงแล้ว เธอก็กลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง
“แต่ของแบบนี้จะทำให้คนเชื่อได้หรือ?” ผู้จัดการฝ่ายที่รับผิดชอบเรื่องคุณภาพของสินค้าประมูลแสดงความกังวลขึ้น
โดยปกติแล้วสถานที่ประมูลทั่วไปจะเน้นประมูลของเก่า ภาพวาด ของโบราณ หรือเครื่องลายคราม ซึ่งล้วนแต่ผ่านการรับรองโดยผู้เชี่ยวชาญทั้งสิ้น แต่สำหรับน้ำยาหวนคืนไม่มีการรับรองใดๆ และสถานที่ประมูลสองโลกก็ยังไม่เป็นที่เชื่อถือพอ
“เธอกังวลได้ถูกต้อง เอาอย่างนี้แล้วกัน พวกเธอลงโฆษณาออกไปเชิญชวนอาสาสมัครจากสังคมทั่วไป แล้วมาทดลองใช้น้ำยาหวนคืนในการประมูล ฉันคิดว่าเมื่อเห็นด้วยตาตัวเองผู้คนก็จะเชื่อได้ง่ายขึ้น” ฟางเสิ่นกล่าวหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง
แม้ว่าหลี่โยวรั่วจะเป็นตัวอย่างที่ดี แต่กระบวนการเปลี่ยนแปลงของเธอไม่มีใครเห็น ดังนั้นจึงยังขาดความน่าเชื่อถือไปบ้าง ความคิดนี้ของฟางเสิ่นช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดไปได้อย่างดี
“แต่ถ้ามีแค่น้ำยาหวนคืนเพียงอย่างเดียว สินค้าสำหรับการประมูลคงจะน้อยเกินไป ผมเสนอว่าเราควรจัดประมูลสินค้าธรรมดาด้วยเพื่อสร้างบรรยากาศและจะช่วยให้น้ำยาหวนคืนมีราคาสูงขึ้น” อีกหนึ่งผู้จัดการเสนอแนะ
“ได้” ฟางเสิ่นพยักหน้าเห็นด้วย
สถานที่ประมูลสองโลกจะมุ่งเน้นสินค้าเกรดพรีเมียม แต่ในตอนนี้สินค้าพรีเมียมยังมีน้อยเกินไป ถ้ามีการประมูลเพียงสินค้าชนิดเดียวคงจะดูจืดชืดเกินไป แต่ตราบใดที่มีการแบ่งประเภทสินค้าที่ชัดเจน ก็ไม่ต้องกังวลว่าสินค้าธรรมดาจะทำลายแนวทางพรีเมียมนี้
หลังจากถกเถียงกันไปมา ทุกคนก็ร่วมมือกันเสนอความเห็นและวางแผนการต่างๆ ไม่นานนักแผนการที่สมบูรณ์ก็วางอยู่ตรงหน้าฟางเสิ่น
“ก็ประมาณนี้แหละ” ฟางเสิ่นวางมือลงบนโต๊ะประชุม โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย และมองไปยังทุกคนที่เข้าร่วมประชุม “เพื่อให้การประมูลครั้งแรกของเราประสบความสำเร็จ เริ่มลงมือกันเถอะ”
จบบท