ตอนที่ 44 หลิวเจิ้งสงหยุดยอมรับความตายซะ!
ตอนที่ 44 หลิวเจิ้งสงหยุดยอมรับความตายซะ!
ฉู่เสวียนฉีดวิญญาณนี้เข้าไปในเชือกยึดวิญญาณ ไม่ว่าวิญญาณที่ได้มานี้จะเหมาะสมกับเชือกยึดวิญญาณหรือไม่ ก็ต้องให้เชือกยึดวิญญาณเป็นคนเลือกเอง หากว่าไม่สามารถเข้ากันได้ มันก็จะแหลกสลายและกลายเป็นสารอาหารให้กับดวงวิญญาณหลายหมื่นดวงที่อยู่ในเหล็กหยิน
ครู่ต่อมา เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากเชือกยึดวิญญาณ และวิญญาณของผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานที่เพิ่งใส่เข้าไปก็ได้ระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ นับไม่ถ้วน
ฉู่เสวียนได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ "สหายลัทธิเต๋า เสียใจด้วย เจ้าเข้ากับมันไม่ได้"
ฉู่เสวียนใช้เวลาอยู่ในเทือกเขาหยุนอู๋แห่งนี้มานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว ทุกๆ สองถึงสามวันเขาจะออกไปล่าผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานมา แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักคือการค้นหาวิญญาณที่เหมาะสมกับเชือกยึดวิญญาณ
เขาไม่ได้มีความคิดที่จะไปเก็บสมบัติของผู้บ่มเพาะเหล่านั้นแน่นอน ไม่อย่างแน่นอน
ในหนึ่งเดือน ฉู่เสวียนได้สังหารผู้บำเพ็ญในช่วงสร้างรากฐานไปแล้วสามคน และผู้บำเพ็ญช่วงกลั่นลมปราณอีกมากกว่าหนึ่งโหล ส่งผลให้ธงหมื่นวิญญาณได้เติบโตขึ้นมาอย่างมาก ทว่าจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่พบวิญญาณที่เหมาะสมกับเชือกยึดวิญญาณของเขาเลย
เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาได้ส่งวิญญาณเข้าไป วิญญาณเหล่านี้ไม่สามารถอยู่ได้เกินร้อยอึดใจก่อนที่พวกเขาจะระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ และกลายเป็นอาหารบำรุงวิญญาณที่อยู่ในเหล็กหยินไปแทน
สิ่งนี้ทำให้ ฉู่เสวียนเริ่มที่จะรู้สึกปวดหัวขึ้นมา ข้ายังสงสัยด้วยซ้ำว่าเชือกยึดวิญญาณของเขาตั้งใจที่จะปฏิเสธวิญญาณที่เขาใส่เข้าไปหรือไม่ เนื่องจากว่าพวกเขาอยากจะกินวิญญาณดิบเหล่านี้เป็นอาหารมากกว่า
ส่วนเรื่องของการทำผิดกฎสวรรค์นั้น เขาก็ไม่ได้กังวลแต่อย่างใด ท้ายที่สุดแล้วผู้ฝึกฝนอมตะและมนุษย์ก็มีเส้นทางที่ไม่เหมือนกัน ตราบใดที่มนุษย์ได้เข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกฝนความเป็นอมตะ เขาก็จะกลายเป็นผู้บ่มเพาะหรือนักบวชและไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ดังนั้นการที่ผู้บ่มเพาะฆ่ามนุษย์ ย่อมก่อให้เกิดกรรม แต่การฆ่าผู้บ่มเพาะด้วยกันนั้น ไม่ถือว่าเสียหายอะไร
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องฆ่าผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานที่อยู่ในขั้นสูงๆกว่านี้เสียแล้ว และข้าคิดว่าวิญญาณของซุนซือน่าจะเหมาะสมมากที่สุด” ฉู่เสวียนครุ่นคิดพลางพยักหน้า
ตั้งแต่มาที่นี่ เขาได้เห็นซุนซือจากระยะไกลหลายครั้ง หากเป็นไปตามที่เขาคิด เขตแดนของซุนซือผู้นี้จะต้องสูง และอย่างน้อยเขาจะต้องเป็นผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานขั้นที่ 3 ซึ่งการจะจัดการกับผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานขั้นที่ 3 นั้นต้องเตรียมตัวให้ดีเขาไม่ต้องการให้เรือมาถล่มในคลองระบายน้ำ ตอนนี้
"หือ? นี่คือเสียงการต่อสู้ใช่ไหม?" ฉู่เสวียนเลิกคิ้วขึ้น เนื่องจากว่าเขาได้ยินเสียงการต่อสู้ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และยังได้ยินเสียงของอาวุธเวทย์มนตร์ที่เสียดสีกับอากาศ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เพียงพริบตาเดียวเขาก็มาปรากฏตัวบนต้นไม้ขนาดยักษ์ โดยที่ทำการปกปิดปราณของเขาไว้ เพื่อสำรวจสถานการณ์โดยรอบ
ในไม่ช้าเขาก็เห็นชายคนหนึ่งไล่ตามชายอีกคนมา ซึ่งคนที่ถูกตามล่าก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลิวเจิ้งสง ในเวลานี้แขนขวาของเขามีเลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก และมีรอยแผลมากมายตามร่างกายของเขา ซึ่งคนที่ไล่ตามหลิวเจิ้งสงก็คือซุนซือ
ซุนซือคำรามออกมาด้วยความโกรธ "หลิวเจิ้งสง! เจ้าฆ่าศิษย์น้องจ้าวของข้า! เจ้าฆ่าผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานของนิกายเสินกังไปถึงสองคน! หยุดเดี๋ยวนี้ วันนี้เจ้าต้องตายด้วยน้ำมือของข้า !"
หลิวเจิ้งสงที่ใช้ทักษะปีศาจหลบหนี กำลังทำการหลบหนีไปข้างหน้าด้วยความโกรธ เขาโกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมา
ข้าไปฆ่าคนนิกายเสินกังของเจ้าเมื่อไหร่กัน? ใส่ความกันเห็นๆ! ข้าซ่อนตัวอยู่แต่ในถ้ำทุกวัน ใครจะโง่ออกไปฆ่าคนเพื่อให้ตำแหน่งที่ซ่อนของตนเองถูกเปิดเผยกันเล่า? แต่เขาก็ขี้เกียจเกินกว่าที่จะมาอธิบายให้ซุนชือฟัง
ตอนนี้เขาแค่อยากจะสลัดตัวออกจากซุนชือให้ได้ก่อน จะได้หลบเข้าไปในที่ซ่อนของตัวเอง และทำการรักษาบาดแผล เนื่องจากว่าอาการของเขาตอนนี้สาหัสเป็นอย่างมาก และยาอายุวัฒนะที่มีก็หมดไปแล้ว มันจึงส่งผลให้ความเร็วในการหลบหนีของเขาลดลงเป็นอย่างมาก
แม้ว่าซุนซือเองก็จะได้รับบาดเจ็บจากเขาเช่นกัน แต่อีกฝ่ายก็มียาอายุวัฒนะอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก และต่อให้เขาใช้พลังวิญญาณเข้ามาช่วยในการหลบหนี แต่เขาก็ยังไม่สามารถสลัดตัวออกจากซุนซือได้ และที่แย่ไปกว่านั้น คือมันจะเกิดเสียงดังขึ้นมา ซึ่งจะไปดึงดูดผู้บ่มเพาะคนอื่นๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หากศิษย์ของวัดจินหลงมาได้ยินเข้า เขาไม่มีทางรอดไปได้อย่างแน่นอน!
บนต้นไม้ยักษ์ ฉู่เสวียนได้แต่เลิกคิ้ว
ซุนซือติดตามหลิวเจิ้งสงมาอย่างใกล้ชิด จึงไม่ได้สังเกตเห็นการปรากฏตัวของเขาเลย ถ้าเขาคิดจะลงมือในตอนนี้ มันจะเป็นการโจมตีที่ทำให้อีกฝ่ายเจ็บตัวอย่างแน่นอน! แม้ว่าจะไม่สามารถฆ่าได้ในทันที แต่ก็ต้องได้รับบาทเจ็บสาหัส!
เมื่อคิดได้ ฉู่เสวียนก็ไม่ต้องการที่จะปล่อยโอกาสนี้ไป
ช่วงเวลาที่ซุนชือใช้เทคนิคติดตามของเขาและพุ่งทะลุต้นไม้ยักษ์ขึ้นมา ฉู่เสวียนก็ได้ลงมือทันทีอย่างไม่ลังเล!
เชือกยึดวิญญาณได้ฟาดใส่หัวของซุนซือราวกับสายฟ้า ธงหมื่นวิญญาณปลุกเร้า วิญญาณที่อาฆาตรแค้นมากกว่าหนึ่งโหลซึ่งตายอย่างอยุติธรรมก็ได้เข้ามาโจมตีเขา
ซุนชือไม่คาดคิดเลยว่าจะมีทีมสังหารอันน่าสะพรึงกลัวซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ยักษ์รอโจมตีเขาอยู่ ด้วยความรีบร้อน เขาทำได้เพียงเปิดใช้งานโล่เงินขนาดเล็กเพื่อต้านทานตามสัญชาตญาณเท่านั้น อย่างไรก็ตามการ โจมตีที่ฉู่เสวียนได้เตรียมการมายาวนานจะล้มเหลวลงอย่างง่ายดายได้อย่างไร
ในตอนนั้นก็เกิดเสียงดังปัง โล่เงินขนาดเล็กที่ซุนซือนำออกมาป้องกันก็หรี่แสงลงจนหมดและตกลงไปที่พื้น ส่งผลให้พลังของวิญญาณชั่วร้ายได้โจมตีไปที่หัวของซุนซือโดยตรง ซุนชือร้องโอดครวญออกมาและตกลงไปบนพื้น วิญญาณอาฆาตรแค้นของผู้บริสุทธิ์มากกว่าหนึ่งโหลได้รวมตัวกันเข้าไปกัดกินเนื้อของซุนชืออย่างบ้าคลั่ง
เสี่ยวหลงที่รอคอยโอกาสนี้มานานก็เริ่มทำการเคลื่อนไหวทันที เขาก็รีบไปข้างหน้าและฉีกขาข้างหนึ่งของซุนชือออกด้วยแรงมหาศาล!
“ออกไป!” ซุนซือคำรามด้วยความโกรธ ในตอนนั้นเองก็ได้มีดาบเล็ก ๆ ทั้ง 16 เล่มก็พุ่งออกมาจากแขนเสื้อของเขา ตรงไปยังวิญญาณอาฆาตรแค้นเหล่านั้นและแทงเข้าไปทำลายวิญญาณจนมันสลายลงไป
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง!
ดาบเล็กทั้ง 16 เล่มวนกลับมาหมุนรอบตัวซุนชืออีกครั้งราวกับว่ามันเป็นองครักษ์
ซึ่งดาบนี้ก็คืออาวุธเวทย์มนตร์ของเขา ที่มีชื่อว่าดาบศักดิ์สิทธิ์ชิงหยุน สมบัติชิ้นนี้เป็นอาวุธเวทย์มนตร์ครบชุด โดยมีดาบขนาดเล็ก 16 เล่ม ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการโจมตี ป้องกัน รุกคืบ หรือล่าถอยก็ได้ มันเป็นอาวุธเวทย์มนตร์ที่ทำให้ซุนชือได้มีชื่อเสียงมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็ได้ใช้สมบัติชิ้นนี้โจมตีหลิวเจิ้งสงอย่างรุนแรง
ซุนซือยืนด้วยขาข้างเดียว มองดูยอดต้นไม้ยักษ์ด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเห็นว่ามีผู้บำเพ็ญหัวล้านลอยอยู่ตรงนั้น เขาจึงคำรามออกมาด้วยความโกรธ "เจ้าเป็นผู้บำเพ็ญสายมารด้วยหรือ!ดี ข้าเพิ่งรู้ว่ามีผู้บำเพ็ญสายมารที่อยู่ในช่วงสร้างรากฐานสองคนในเทือกเขาหยุนอู๋แห่งนี้! "
เขาสั่งการให้ดาบศักดิ์สิทธิ์ชิงหยุนโจมตีออกไป ในตอนนั้นดาบเล็ก ๆ ทั้งสิบหกเล่มก็ได้พุ่งออกไปโจมตีในคราวเดียว
ความเร็วนั้นเร็วมาก แค่เพียงอึดใจเดียวมันก็พุ่งเข้ามาถึงดวงตาของฉู่เสวียนแล้ว!
ฟรืดด! ดาบศักดิ์สิทธิ์ชิงหยุนได้แทงเข้าไปที่ม่านตาของผู้บำเพ็ญหัวโล้นที่แอบซุ่มโจมตีคนนี้
ทว่ามันกลับไม่รู้สึกถึงการเจาะเข้าไปในเนื้อของมนุษย์เลย
ตอนแรกดวงตาของซุนชือยังเป็นประกาย แต่ทันใดนั้นเขาก็พบว่าจุดที่ผู้บ่มเพาะหัวโล้นยืนอยู่นั้นตอนนี้ได้ว่างเปล่าไปแล้ว เหลือเพียงวิญญาณชั่วร้ายตัวสีดำที่ยืนอยู่ตรงนั้นแทน
ซุนซือตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง เขารีบตะโกนสั่งการให้ดาบศักดิ์สิทธิ์ชิงหยุนกลับมาปกป้องรอบตัวของเขาอีกครั้ง แต่ว่ามันก็สายเกินไปแล้ว
เชือกยึดวิญญาณได้ฟาดเข้ามาที่ด้านหลังของเขา มุ่งตรงไปยังต้นคอของเขาโดยตรง ในตอนนั้นศีรษะของซุนซือก็หลุดออกจากบ่าบินขึ้นไปสูงถึงปลายยอดไม้ เลือดได้พุ่งออกมาราวกับน้ำพุ!
จิตสำนึกของซุนชือถูกความมืดและความหนาวเย็นเข้ามากลืนกินอย่างรวดเร็ว
ฉู่เสวียนจึงรีบเปิดใช้งานเทคนิคช่วงชิงวิญญาณ และดึงวิญญาณของซุนซือออกมาจากร่างที่หมดลมหายใจของเขาทันที
"เยี่ยม!" ดวงตาของฉู่เสวียนสว่างขึ้น
วิญญาณดิบดวงนี้มีสีขาว ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันควบแน่นไปด้วยพลังวิญญาณ ซึ่งดีกว่าวิญญาณดิบทั้งสามที่เขาได้มาก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด บางทีมันอาจจะสามารถใช้เป็นวิญญาณชั่วร้ายที่ควบคุมเชือกยึดวิญญาณได้!
หลิวเจิ้งสงพยายามหลบหนี แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของซุนชือจึงหยุดและมองย้อนกลับไป ก่อนจะเห็นผู้บำเพ็ญหัวล้านกำลังดึงวิญญาณออกมาจากร่างของซุนชือเต็มสองตา
ฉากนี้ทำให้เขารู้สึกทั้งดีใจและตกตะลึงไปตามๆกัน
นี่คือสิ่งที่เราผู้บำเพ็ญสายมารมักจะทำ! เมื่อได้ดูวิธีการใช้เทคนิคช่วงชิงวิญญาณของอีกฝ่ายแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นวิธีการของนิกายอู๋จี๋ หรือว่านี่อาจเป็นศิษย์ที่อยู่ในช่วงสร้างรากฐานของนิกายอู๋จี๋กันนะ?
ในนิกายอู๋จี๋นั้นจะมีบรรพบุรุษแก่นปราณทองคำ 10 คน ซึ่งบรรพบุรุษแต่ละคนก็จะมีศิษย์ที่อยู่ในช่วงสร้างรากฐาน หลิวเจิ้งสงไม่รู้จักศิษย์ของนิกายที่อยู่ในช่วงสร้างรากฐานเหล่านี้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยเขาก็รู้จักบางคน เพียงแต่ว่าชายคนนี้ เขาไม่เคยเห็นหน้าคร่าตามาก่อนด้วยซ้ำ
หลิวเจิ้งสงไม่ได้รีบเข้ามาดูใกล้ๆในทันที เขายังคงรักษาระยะห่างจากอีกฝ่ายและถามออกมาเสียงดังว่า "ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือแต่ ข้าสงสัยว่าเจ้าเป็นศิษย์ของบรรพบุรุษคนไหนกัน"
ฉู่เสวียนเหลือบมองเขาและไม่ตอบอะไรออกมา เขาไม่ต้องการเข้าใกล้พวกที่เหลืออยู่ของนิกายอู๋จี๋อีกต่อไป เนื่องจากว่าห้านิกายสายธรรมในอาณาจักรหยูต่างจับตาดูผู้บำเพ็ญสายมารที่เหลืออยู่ของนิกายอู๋จี๋ ยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับพวกที่เหลืออยู่ของนิกายอู๋จี๋ใกล้ชิดมากขึ้นเท่าไหร่ ความเป็นไปได้ที่จะตกเป็นเป้าหมายก็มีมากขึ้นเท่านั้น เขาไม่อยากมีชีวิตแบบเดียวกับหนูที่เดินข้ามถนนอีกต่อไป
หลิวเจิ้งสงกล่าวอย่างเร่งรีบว่า "สหายลัทธิเต๋า ข้าชื่อหลิวเจิ้งสงศิษย์สร้างรากฐานภายใต้บรรพบุรุษหวันอู๋อิง! สหายลัทธิเต๋า! บรรพบุรุษของข้า บรรพบุรุษหวัน เขายังมีชีวิตอยู่ เมื่อบรรพบุรุษหวันยังไม่ตาย เราก็ยังมีความหวังที่จะตั้งนิกายอู๋จี๋ขึ้นมาอีกครั้งได้!”
1 เรื่องล้มในคลองระบายน้ำ หมายถึงประมาทเลินเล่อจนเรื่องที่ทำมาทั้งหมดล้มไม่เป็นท่าเพราะเรื่องเล็กน้อย