ตอนที่แล้วตอนที่ 219 สัญญาพิเศษ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 221 สอบเข้ามหาวิทยาลัยล่วงหน้าสองปี?

ตอนที่ 220 ช่องว่างมิติหายไป! (ฟรี)


ตอนที่ 220 ช่องว่างมิติหายไป!

ไป๋จิ้งฉงไม่สงสัยในความสามารถของไป๋จื่ออัน

โดยเฉพาะตอนที่ไป๋จื่ออันนำแร่ลายไฟจำนวนมากกลับมาจากเทือกเขาวายุคำราม

ไป๋จิ้งฉงก็เข้าใจแล้ว

หลานชายของเขาไม่ใช่ผู้ใช้สัตว์วิญญาณธรรมดาๆ ไม่เพียงแต่พรสวรรค์ของเขาจะสูงส่งเท่านั้น โชคของเขายังดีมากอีกด้วย

แต่หลังจากที่ไป๋จื่ออันกลับมาจากโลกแห่งเงามืดอย่างปลอดภัย ไป๋จิ้งฉงก็ยังคงตกตะลึงกับน้ำใจของเขา

ตอนนี้ไป๋จื่ออันแข็งแกร่งขึ้นมากแค่ไหนแล้ว?

แม้แต่วัสดุระดับอเมทิสต์ที่เขาไม่สามารถหาได้ ไป๋จื่ออันยังมีถึงสิบชิ้น

ยิ่งไปกว่านั้น จากที่ไป๋จิ้งฉงรู้ ไป๋จื่ออันน่าจะมีวัสดุระดับอเมทิสต์มากกว่านี้

ไป๋จื่ออันสังหารสัตว์วิญญาณระดับอเมทิสต์ไปกี่ตัวกันแน่?

ไป๋จิ้งฉงไม่กล้าคิด

ตอนนี้ไป๋จื่ออันแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่?

“คุณปู่ วัสดุพวกนี้ผมมอบให้กับคุณปู่ ใช้มันตอนที่จำเป็น หรือจะใช้มันฝึกฝนลูกน้องก็ได้”

“ผมมอบมันให้กับคุณปู่ทั้งหมด”

“ส่วนผม คุณปู่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ทรัพยากรที่ผมมีอยู่กับตัว เพียงพอสำหรับการใช้งานแล้ว”

ไป๋จื่ออันไม่รู้ว่าไป๋จิ้งฉงกำลังคิดอะไรอยู่ เขากำลังพูดถึงสัตว์วิญญาณประเภทภูตผีและไข่สัตว์วิญญาณ

ในเมื่อไป๋จื่ออันหยิบของพวกนี้ออกมา ก็แสดงว่าเขาคิดมาดีแล้ว

ดังนั้นไป๋จิ้งฉงจึงไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ

“เอาล่ะ ในเมื่อหลานพูดแบบนี้ ปู่ก็จะไม่เกรงใจ”

ไป๋จิ้งฉงไม่ได้ปฏิเสธ เขารับวัสดุพวกนั้นเอาไว้

จากนั้นไป๋จื่ออันก็เลิกสนใจเรื่องนี้ เขาคุยกับไป๋จิ้งฉง ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ

ยังไงซะ ไป๋จิ้งฉงก็คือเจ้าเมืองหลักคนหนึ่งของมิติลับหมื่นรังไหม

เขาต้องรู้เรื่องราวต่างๆ ของมิติลับหมื่นรังไหมเป็นอย่างดี

“ช่วงนี้มิติลับหมื่นรังไหมเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่”

“การปรากฏตัวของช่องว่างมิติทำให้โลกทั้งสองเชื่อมต่อกัน มันเลยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง”

“แม้แต่อารมณ์ของผู้คนก็เปลี่ยนแปลงไป”

“โรงเรียนผู้ใช้สัตว์วิญญาณบางแห่งยังจัดให้นักเรียนเข้าไปฝึกฝนในโลกแห่งเงามืดอีกด้วย”

ไป๋จิ้งฉงเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ไป๋จื่ออันฟัง

ไป๋จื่ออันมีสีหน้าเรียบเฉย

เพราะตอนที่เขาอยู่ที่ห้องข้อมูลของจวนเจ้าเมือง เขาก็ได้รู้เรื่องพวกนี้แล้ว

พูดตามตรง ตอนที่ไป๋จื่ออันรู้เรื่องนี้ เขาก็รู้สึกประหลาดใจ

โรงเรียนผู้ใช้สัตว์วิญญาณบางแห่งจัดให้นักเรียนเข้าไปฝึกฝนในโลกแห่งเงามืด? นั่นหมายความว่าอะไร?

นั่นหมายความว่าผู้คนในมิติลับหมื่นรังไหมเริ่มชินกับการมีอยู่ของโลกแห่งเงามืดแล้ว

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องแย่

ยังไงซะ โลกทั้งสองจะหลอมรวมกัน การอยู่ร่วมกันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

“แต่ยังมีเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้น”

“ครึ่งเดือนก่อน ช่องว่างมิติที่เทือกเขาไป๋หลิน ช่องว่างมิติแรก หายไปแล้ว”

ไป๋จิ้งฉงเปลี่ยนเรื่อง เขามีสีหน้าเคร่งเครียด

พอได้ยินแบบนั้น ไป๋จื่ออันก็ตกตะลึง

ช่องว่างมิติแรกหายไป? แถมยังเป็นครึ่งเดือนก่อน?

นี่มันแปลกมาก

“ไม่ใช่ว่ามันปิดตัวลง แต่มันขยายตัว หลอมรวมเข้ากับโลกนี้”

“ด้วยเหตุนี้เอง เทือกเขาไป๋หลินถึงได้กลายเป็นภูเขาสีดำ เหมือนกับมุมหนึ่งของโลกแห่งเงามืด”

ไป๋จิ้งฉงส่ายหน้า เขาอธิบายต่อ

ไป๋จื่ออันเข้าใจทันที

การที่ช่องว่างมิติหายไป เป็นเพราะโลกทั้งสองเริ่มหลอมรวมกัน

มันหลอมรวมเข้ากับมิติลับหมื่นรังไหมอย่างสมบูรณ์แบบ

เหมือนกับหยดน้ำสีดำที่หยดลงไปในน้ำหนึ่งแก้ว น้ำสีดำดูเหมือนจะหายไป แต่น้ำในแก้วกลับกลายเป็นสีดำ

“ถ้านับเวลาแล้ว มันก็น่าจะถึงเวลาแล้ว”

คำพูดของไป๋จิ้งฉงทำให้ไป๋จื่ออันนึกอะไรบางอย่างออก

จากกระบวนการหลอมรวมของโลกที่เขาได้เรียนรู้มาจาก [เนตรหยั่งรู้] ดูเหมือนว่ามันจะเข้าสู่ขั้นตอนที่สามแล้ว

[ขั้นตอนแรก] :  สองเดือนครึ่งแรกของการปะทะกันของโลกทั้งสอง พื้นที่ต่างๆ ในมิติลับหมื่นรังไหมจะสั่นสะเทือน

[ขั้นตอนที่สอง] :  จากสองเดือนครึ่งถึงแปดเดือน การปะทะกันจะผ่อนคลายลง เกิดรอยแยกในมิติ โลกทั้งสองจะเริ่มหลอมรวมกัน

[ขั้นตอนที่สาม] :  จากแปดเดือนถึงสิบหกเดือนครึ่ง โลกทั้งสองจะหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์แบบ กลายเป็นโลกใบใหม่

[ขั้นตอนที่สี่] :  จากสิบหกเดือนถึงยี่สิบสี่เดือน โลกทั้งสองจะเข้าสู่ช่วงปรับตัว จนกระทั่งมันเสถียร

ไป๋จื่ออันฝึกฝนอยู่ในโลกแห่งเงามืดเป็นเวลาครึ่งปี นั่นก็คือหกเดือน

ช่องว่างมิติแรกปรากฏขึ้นในเดือนที่สองครึ่งหลังจากที่โลกทั้งสองเริ่มหลอมรวมกัน

นั่นหมายความว่าตอนนี้เป็นเวลาแปดเดือนครึ่งหลังจากที่โลกทั้งสองเริ่มหลอมรวมกัน

พูดง่ายๆ ก็คือ เดือนที่แปดเมื่อครึ่งเดือนก่อน คือจุดเริ่มต้นของการหลอมรวมขั้นที่สาม

ในขั้นตอนนี้ โลกทั้งสองจะหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์แบบ

ดังนั้นการที่ช่องว่างมิติหายไปจึงเป็นข้อพิสูจน์ว่าโลกทั้งสองได้ผ่านช่วงเปลี่ยนผ่าน เริ่มหลอมรวมกันอย่างเป็นทางการ

ยิ่งไปกว่านั้น จากคำอธิบายของ [เนตรหยั่งรู้] ในอีกแปดเดือนข้างหน้า ช่องว่างมิติที่เหลือจะค่อยๆ หายไป

ตอนที่ช่องว่างมิติสุดท้ายหายไป นั่นหมายถึงการที่โลกทั้งสองหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์แบบ กลายเป็นมิติลับระดับสูง

ตอนนั้นขั้นตอนที่สามก็จะจบลง มันจะเข้าสู่ขั้นตอนที่สี่

แต่ในสายตาของไป๋จื่ออัน ขั้นตอนที่สี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

เพราะมันเป็นแค่ช่วงปรับตัวของโลกใบใหม่ พื้นที่ต่างๆ ที่หลอมรวมเข้าด้วยกันจะเริ่มปรับตัว มันอาจจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้น

มันอาจจะคล้ายกับการปะทะกันในขั้นตอนแรก

แต่โดยรวมแล้ว มันก็ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น

นั่นหมายความว่าแปดเดือนข้างหน้าจะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดสำหรับโลกทั้งสอง

ไป๋จื่ออันจึงตั้งหน้าตั้งตารอ

ยังไงซะ หลังจากที่โลกทั้งสองหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว โลกใบใหม่ก็จะเป็นมิติลับระดับสูง

ขีดจำกัดของมิติลับระดับสูงก็คือระดับราชันย์

ไป๋จื่ออันอยากรู้ว่าการหลอมรวมของโลกใบใหม่จะทำให้เกิดสัตว์วิญญาณระดับราชันย์รึเปล่า

“คิดมากไปแล้ว การที่โลกใบใหม่จะสร้างสัตว์วิญญาณระดับราชันย์ขึ้นมา มันต้องใช้เวลาหลายปีในการสะสมพลังงาน”

“ดังนั้นช่วงนี้ฉันคงไม่มีโอกาสได้เห็นสัตว์วิญญาณระดับราชันย์ปรากฏตัวในโลกใบใหม่”

ไป๋จื่ออันพึมพำในใจ

ยิ่งระดับของมิติลับสูงเท่าไหร่ ขีดจำกัดของสัตว์วิญญาณก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

ขีดจำกัดของมิติลับระดับสูงก็คือระดับราชันย์

ตามทฤษฎีแล้ว มิติลับระดับสูงที่เกิดจากการหลอมรวมของมิติลับหมื่นรังไหมกับโลกแห่งเงามืด อาจจะสามารถสร้างสัตว์วิญญาณระดับราชันย์ขึ้นมาได้

แต่การที่จะสร้างสัตว์วิญญาณระดับราชันย์ขึ้นมา มันไม่ใช่เรื่องง่าย

ดูจากสถานการณ์ของโลกใบใหม่แล้ว บางทีอาจจะต้องใช้เวลาหลายร้อยปีในการสะสมพลังงานถึงจะสามารถสร้างสัตว์วิญญาณระดับราชันย์ขึ้นมาได้

ดังนั้นความคาดหวังของไป๋จื่ออันจึงไม่มีทางเป็นจริง

แทนที่เขาจะมัวแต่คาดหวังให้โลกใบใหม่สร้างสัตว์วิญญาณระดับราชันย์ขึ้นมา เขาน่าจะฝึกฝนราชันย์วาฬกับอีกาสุริยะ ให้พวกมันเลื่อนขั้นเป็นระดับราชันย์โดยเร็วที่สุด

ความปรารถนานี้มีโอกาสเป็นจริงมากกว่า

ไป๋จื่ออันจึงไม่ได้คาดหวังโลกใบใหม่มากนัก

ด้วยพลังของไป๋จื่ออันในตอนนี้ บวกกับพรสวรรค์และสมบัติล้ำค่าต่างๆ เขาก็สามารถต่อกรกับสัตว์วิญญาณระดับอเมทิสต์ได้แล้ว

ตอนที่อีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองยังเป็นแค่ระดับเงินขั้นต้น มันก็สามารถเอาชนะเสือกระโหลกไฟวิญญาณระดับอเมทิสต์ขั้นต้นได้ด้วยพรสวรรค์ต่างๆ และความช่วยเหลือจากแหวนผนึกเงา

แต่ตอนนี้ พลังของไป๋จื่ออันแข็งแกร่งขึ้น อีกาสริุยะปีกเพลิงประกายทองก็เลื่อนขั้นเป็นระดับเงินขั้นสูงแล้ว พลังของมันแข็งแกร่งขึ้นมาก

ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าไม่มีสัตว์วิญญาณระดับราชันย์ปรากฏตัว ต่อให้โลกทั้งสองจะหลอมรวมกัน กลายเป็นมิติลับระดับสูง ไป๋จื่ออันก็คงจะสามารถรับมือได้

“บางทีฉันน่าจะหาเวลาไปที่โลกต้นกำเนิด”

ไป๋จื่ออันพึมพำในใจ เขาเกิดความคิดขึ้นมา

มนุษย์มักจะใฝ่ฝันโลกที่แข็งแกร่งกว่า ทรัพยากรที่ดีกว่า และระดับที่สูงขึ้น

สำหรับไป๋จื่ออันในตอนนี้ มิติลับหมื่นรังไหมไม่ใช่ความท้าทายสำหรับเขาอีกต่อไป

ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลไป๋กับตระกูลไป๋ในโลกต้นกำเนิดก็เริ่มติดต่อกัน พวกเขามีแผนที่จะกลับไป

ดังนั้นไป๋จื่ออันจึงต้องคิดให้รอบคอบ

แน่นอนว่าเรื่องนี้ไป๋จื่ออันไม่จำเป็นต้องปิดบังไป๋จิ้งฉง

ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋จื่ออันยังอยากจะขอคำแนะนำจากไป๋จิ้งฉง

ดังนั้นไป๋จื่ออันจึงบอกความคิดของเขาออกมา เขาอยากรู้ว่าไป๋จิ้งฉงคิดยังไง

“มิติลับหมื่นรังไหมไม่ใช่ความท้าทายสำหรับหลานแล้วงั้นเหรอ?”

ไป๋จิ้งฉงเงียบไปเมื่อได้ยินไป๋จื่ออันพูดแบบนั้น

แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่กล้าพูดแบบนี้

ตอนนี้เสี่ยวอันแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่? ไป๋จิ้งฉงเริ่มสงสัย

เขาฝึกฝนมาหลายปี แต่ผลลัพธ์กลับสู้ไป๋จื่ออันไม่ได้

ที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตแบบไหนกันแน่?

ไม่นานไป๋จิ้งฉงก็ทำใจได้

“เสี่ยวอัน หลานเคยคิดที่จะไม่สอบเข้ามหาวิทยาลัยรึเปล่า?”

ไป๋จิ้งฉงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาอย่างช้าๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด