ตอนที่ 1450 บททดสอบพลังผังก่อเกิดครั้งที่สี่ (ฟรี)
ตอนที่ 1450 บททดสอบพลังผังก่อเกิดครั้งที่สี่
“โลกใบนี้ควรจะมีความสมดุล การมีตาชั่งนี้ทำให้พวกเราสามารถชั่งน้ำหนักสวรรค์และโลกได้ มันทำให้โลกสงบสุข” เจียงเหวินซูที่ยืนอยู่ข้างๆ ตาชั่งแห่งยุติธรรมกำลังตรวจสอบมันอย่างระมัดระวัง
“พูดได้ดี”
เงาหนึ่งลอยตัวอยู่เหนือขั้นบันไดของวิหารศักดิ์สิทธิ์สามฟุต
“ท่านเจ้าวิหาร” เจียงเหวินซูโค้งคำนับ
เงาที่ดูเหมือนกับน้ำนั้นคือเจ้าวิหารแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์
“วันนี้เจ้ามาที่นี่เพราะอะไร?” เจ้าวิหารถามอย่างไม่ใส่ใจ
“ทหารชุดเกราะสีเงิน 3,000 คน ถูกกำจัด ข้าหวังว่าท่านเจ้าวิหารจะให้ความยุติธรรมกับข้า”
“ข้ารู้เรื่องนี้แล้ว” เจ้าวิหารกล่าวอย่างใจเย็น “ก่อนหน้านี้ ทหารชุดเกราะสีเงินกับยามทมิฬต่อสู้กัน ทำให้มีคนมากมายต้องจบชีวิตลง จากนั้นทหารชุดเกราะสีเงินก็ถูกโจมตีโดยสัตว์เทพ ชีวิตคนเรานั้นคาดเดาไม่ได้จริงๆ”
“สิบวิหารไม่ได้ทำข้อตกลงกับสัตว์ร้ายเอาไว้เหรอ? ทำไมสัตว์เทพถึงได้สังหารทหารชุดเกราะสีเงิน?” เจียงเหวินซูถาม
“เมื่อ 100,000 ปีก่อน ผืนดินแยกตัวออกจากกัน ดินแดนแห่งความว่างเปล่าใช้เสาหลักแห่งหายนะเป็นรากฐานเพื่อที่จะขึ้นไปบนสวรรค์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มนุษย์ก็ถูกแยกออกจากสัตว์ร้ายและเผ่าพันธุ์อื่นๆ สิบวิหารทำข้อตกลงเอาไว้ก็จริง แต่ข้อตกลงก็ยังคงเป็นเพียงแค่ข้อตกลง มันไม่อาจจำกัดสัตว์ร้ายทั้งหมดได้” เจ้าวิหารถอนหายใจ
“แบบนี้แสดงว่าการตายของทหารชุดเกราะสีเงิน 3,000 คน นั้นสูญเปล่างั้นเหรอ?” เจียงเหวินซูกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้
“ข้าจะเป็นคนเจรจากับยามทมิฬเอง ส่วนเรื่องดินแดนที่ไม่รู้จัก...” เจ้าวิหารหยุดพูดอยู่ครู่หนึ่ง “รออีกหน่อย”
“รอ?” เจียงเหวินซูสับสน “ตอนนี้ความไม่สมดุลนั้นรุนแรงมากขึ้น สิบวิหารเริ่มทำตัวไร้เหตุผล พวกเขาไม่สนใจวิหารศักดิ์สิทธิ์ หากพวกเรารอต่อไป ข้าเกรงว่าพวกเขาจะก่อกบฏ!”
เจ้าวิหารยังคงสงบนิ่งเมื่อได้ยินคำพูดของเจียงเหวินซู เขาจ้องมองไปที่เจียงเหวินซู “ก่อกบฏ?”
“หากยามทมิฬแห่งวิหารซวนอี้กล้าโจมตีทหารชุดเกราะสีเงิน ใครจะไปรู้ล่ะ? ว่าในอนาคตพวกมันจะไม่กล้าโจมตีวิหารศักดิ์สิทธิ์? เวลาผ่านไป 100,000 ปี แล้ว วิหารศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือสิบวิหารและปกครองดินแดนแห่งความว่างเปล่า ตอนนี้เวลาผ่านไป 100,000 ปี ข้าเกรงว่าสิบวิหารคงจะอยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ข้าหวังว่าท่านเจ้าวิหารจะพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง” เจียงเหวินซูกล่าว
เจ้าวิหารมองดูเจียงเหวินซูอย่างเงียบๆ ทำให้เจียงเหวินซูรู้สึกผิด
“เวลาผ่านไปมากกว่า 400 ปี แล้ว แต่เมล็ดพันธุ์แห่งความว่างเปล่าชุดสุดท้ายก็ยังคงหายไป มีคนได้รับรายงานว่ามีผู้ฝึกยุทธดอกบัวทองคำในดินแดนที่ไม่รู้จักครอบครองเมล็ดพันธุ์แห่งความว่างเปล่า เจ้ารู้เรื่องนี้รึเปล่า?” เจ้าวิหารถาม
“ข้าไม่รู้เรื่องนี้” เจียงเหวินซูส่ายหัว เขาตอบอย่างตรงไปตรงมา
“หลังจากที่ครอบครองเมล็ดพันธุ์แห่งความว่างเปล่ามา 400 ปี แล้ว ตามหลักเหตุผลแล้วชื่อของเขาควรจะเป็นที่รู้จักในเก้าดินแดน ยิ่งไปกว่านั้นความไม่สมดุลนั้นรุนแรงขึ้น แต่ทำไมเก้าดินแดนถึงยังได้สงบสุข?”
“หากแม้แต่ท่านเจ้าวิหารยังคงไม่รู้คำตอบ แล้วแบบนี้ข้าจะไปรู้ได้ยังไง?” เจียงเหวินซูตอบ
“พวกเจ้าชอบส่งร่างฉายไปยังเก้าดินแดน แล้วแบบนี้พวกเจ้าจะไม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” เจ้าวิหารถาม
“ข้าไม่รู้เรื่องของคนจากสิบวิหาร แต่ข้าส่งร่างฉายไปยังดินแดนดอกบัวทองคำเพื่อที่จะรักษาสมดุล ข้าอยากจะแน่ใจว่าเก้าดินแดนจะไม่ทำลายขีดจำกัด” เจียงเหวินซูรีบกล่าว
“แล้วเมล็ดพันธุ์แห่งความว่างเปล่าสิบเมล็ดล่ะ?” เจ้าวิหารพยักหน้า
“เรื่องนี้...” เจียงเหวินซูคิดอยู่ครู่หนึ่ง “บางทีคนที่ได้รับเมล็ดพันธุ์แห่งความว่างเปล่าอาจจะกำลังซ่อนตัวและฝึกฝนตัวเองอยู่ก็ได้”
“โลกใบนี้กว้างใหญ่ก็จริง แต่ทุกอย่างก็ยังคงถูกชั่งน้ำหนักโดยตาชั่งแห่งยุติธรรม พวกเขาจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนได้?” เจ้าวิหารถาม
“บางทีอาจจะเป็นสถานที่แบบภูเขาฮัวชิง?” เจียงเหวินซูตอบ
“บางที...” เจ้าวิหารถอนหายใจ “ช่วงนี้เจ้าได้ยินข่าวอะไรบ้างรึเปล่า?”
“ไม่มี” เจียงเหวินซูงุนงง
“มีคนบอกว่าเขากลับมาแล้ว”
“ใครกันที่พูดจาไร้สาระแบบนี้? การที่เขาจะกลับมาน่ะเป็นไปไม่ได้ เขาถูกส่งไปยังนรกแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะกลับมาได้!” เจียงเหวินซูตกใจกับคำพูดของเจ้าวิหาร
ความเงียบปกคลุม
เจ้าวิหารไม่ได้พูดอะไร เขายืนอยู่ตรงหน้าห้องโถง
เจียงเหวินซูยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขาไม่ยอมจากไป เขามาที่นี่ก็เพื่อที่จะขอความยุติธรรมให้กับทหารชุดเกราะสีเงิน 3,000 คน
“เจียงตงซานตายแล้ว เจ้าก็ควรจะจำบทเรียนนี้เอาไว้ให้ดี” เจ้าวิหารกล่าว
ฟิ้ว!
เงาที่ดูเหมือนกับน้ำหายตัวไป
เจียงเหวินซูเบิกตากว้าง เขามองดูทางเข้าวิหารศักดิ์สิทธิ์ หัวใจของเขาเต้นแรง เขาตั้งสติก่อนจะโค้งคำนับ “ข้าจะจำคำสั่งสอนของท่านเจ้าวิหารเอาไว้”
เจียงเหวินซูจากไป
“คุณหนูศักดิ์สิทธิ์” เสียงหนึ่งดังมาจากในวิหารศักดิ์สิทธิ์
“ข้าไม่อาจซ่อนตัวจากท่านเจ้าวิหารได้จริงๆ” หลานซีเหอที่บินมาจากระยะไกลร่อนลงตรงหน้าวิหารศักดิ์สิทธิ์ นางยิ้ม
“ขอแสดงความยินดีด้วยที่เจ้าได้กลายเป็นเซียนเต๋า”
“ขอบพระคุณท่านเจ้าวิหาร ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความเมตตาของท่าน”
“หากชงกวางยังคงอยู่ที่นี่ เขาคงจะดีใจมาก” เจ้าวิหารกล่าวอย่างอ่อนโยน
“ซีเหอยังคงห่างไกลจากการเป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุด แต่ข้าจะพยายาม” หลานซีเหอพยักหน้าเล็กน้อย
“เหตุผลที่ข้ามอบเมล็ดพันธุ์แห่งความว่างเปล่าให้กับเจ้าก็เพราะพรสวรรค์และนิสัยใจคอของเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง” เจ้าวิหารกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุด” หลานซีเหอกล่าว
เสียงหัวเราะที่อ่อนโยนดังมาจากในห้องโถง
“ดี ไปได้แล้ว เรื่องผู้สืบทอดแห่งสภาหอคอยขาวนั้นไม่ต้องรีบร้อน”
หลานซีเหอตกใจเล็กน้อย “ข้าเข้าใจแล้ว” นางตอบ
หลานซีเหอหันหลังกลับไป นางรู้สึกสงสัย
ณ ดินแดนที่ไม่รู้จัก
ด้วยความเร็วที่ผิดปกติของวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ทำให้พวกเขาใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนในการเดินทางมาถึง 300 ลี้ ทางใต้ของตุนจั้ง
ไม่ต้องพูดถึงสัตว์ร้ายตัวอื่นๆ แม้แต่สัตว์ร้ายประเภทเดียวกันก็ยังคงหลีกเลี่ยงวิหคเพลิง
พวกเขาไม่ได้มุ่งหน้าไปยังเสาหลักแห่งหายนะในตุนจั้งในทันที แต่พวกเขากลับมาหยุดอยู่ที่ซากปรักหักพัง
ลู่โจวคิดที่จะใช้หัวใจชีวิตของวิหคเพลิงเปิดใช้งานพลังผังก่อเกิดก่อนที่จะคืนมันให้กับวิหคเพลิง
พวกเขาตรวจสอบซากปรักหักพังเป็นเวลานานเพื่อที่จะแน่ใจว่ามันปลอดภัย จากนั้นลู่โจวก็บอกให้จ้าวหงฝูสร้างเส้นทางอักษรโบราณและสร้างเขตแดนพลังเพื่อปกปิดซากปรักหักพังเอาไว้
หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จ ทุกคนก็เริ่มพักผ่อน
ในเมื่อวิหคเพลิงยังไม่ได้รับหัวใจชีวิตคืน มันจะจากไปได้ยังไง? ดังนั้นมันจึงคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง
แบบนี้ศาลาปีศาจลอยฟ้าก็มีบอดี้การ์ดที่แข็งแกร่งโดยที่ไม่ต้องทำอะไร
ในตอนกลางคืน
หลังจากที่ลู่โจวให้ทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว เขาก็เริ่มฝึกฝนตัวเอง
เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะสามารถเปิดใช้งานพลังผังก่อเกิดผังที่ 24 ได้เร็วขนาดนี้ การเปิดใช้งานพลังผังก่อเกิดที่ใกล้กับบททดสอบพลังผังก่อเกิดครั้งที่สี่นั้นยากมาก ถึงแม้ว่าเขตแดนพลังโบราณจะช่วยให้รากฐานของเขามั่นคงขึ้น แต่เขาก็ยังคงคิดว่ามันเร็วเกินไป
ส่วนหยวนเอ๋อ เขาไม่ได้กังวลอะไรเกี่ยวกับนาง หากเขาไม่ได้เลี้ยงดูนางมา เขาคงจะคิดว่านางใช้โปรแกรมโกงเกม
“หวังว่าวังก่อเกิดของฉันจะขยายใหญ่ขึ้นหลังจากที่เปิดใช้งานพลังผังก่อเกิดผังที่ 24” ลู่โจวมองดูวังก่อเกิดที่ตอนนี้ดูแออัด
จากนั้นลู่โจวก็วางหัวใจชีวิตสีแดงเพลิงลงบนพื้นที่ ‘เปลวไฟแห่งความโลภ’ ในวังก่อเกิด
ตามปกติแล้ว การเปิดใช้งานพลังผังก่อเกิดที่ยิ่งใหญ่ด้วยหัวใจชีวิตของสัตว์เทพนั้นเป็นเรื่องดีที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นหากวางหัวใจชีวิตไว้ในพื้นที่สวรรค์ก็จะยิ่งดีมากขึ้นไปอีก แต่อย่างไรก็ตามลู่โจวไม่ได้ขาดแคลนหัวใจชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่ ‘เปลวไฟแห่งความโลภ’ นั้นเหมาะกับหัวใจชีวิตของวิหคเพลิงมาก ผลประโยชน์ที่ได้นั้นดีกว่าการเปิดใช้งานในพื้นที่สวรรค์
เสียงคมชัดดังขึ้น
ลู่โจวใช้ผนึกน้ำแข็งป้องกันความร้อน เขายังคงใช้เซรามิกประกายม่วงบรรเทาความเจ็บปวด
คราวนี้ลู่โจวไม่ได้ใช้เสาหลักแห่งความไม่เที่ยง
หลังจากที่อยู่ในเขตแดนพลังโบราณมา 100 ปี แล้ว เขาเริ่มระมัดระวังในการใช้เสาหลักแห่งความไม่เที่ยงมากขึ้น บางทีการแลกเปลี่ยนชีวิตเพื่อการฝึกฝนอาจจะไม่ใช่เรื่องดีเสมอ
“ฉันจะใช้เสาหลักแห่งความไม่เที่ยงอัปเกรดพลังอวตารสีน้ำเงินแทน”
เสียงคมชัดดังขึ้นอีกครั้ง มันบ่งบอกว่าการเปิดใช้งานพลังผังก่อเกิดนั้นเข้าสู่ขั้นตอนที่สองแล้ว
ลู่โจวพยักหน้าอย่างพอใจ เขาดึงหัวใจชีวิตของวิหคเพลิงออกจากวังก่อเกิด