ตอนที่แล้ว บทที่ 90 เดินทวนแสง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 93 ทำซ้ำรอยเดิม 

บทที่ 91 กำจัดปีศาจ? ใครคือปีศาจ? +บทที่ 92 (บทโฆษณาของผู้เขียน) 


บทที่ 91 กำจัดปีศาจ? ใครคือปีศาจ? +บทที่ 92 (บทโฆษณาของผู้เขียน)

บ้านของ หยวนชิงเสวี่ย  ตั้งอยู่ในย่านเก่าที่ห่างไกล ซึ่งถือเป็นอพาร์ตเมนต์ที่เก่ามากและทรุดโทรม

เพราะอยู่ในเขตห่างไกล บ้านแถบนั้นจึงถูกทิ้งร้างเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีผู้คนอยู่อาศัย และการจ่ายน้ำจ่ายไฟก็ไม่แน่นอน

แม้จะเกิดเรื่องใหญ่แค่ไหนขึ้น ก็ไม่มีใครสังเกตได้ เนื่องจากในรัศมีไม่กี่กิโลเมตรแทบไม่มีคนอาศัยอยู่

ข้อดีของการใช้ชีวิตในพื้นที่แบบนี้คือไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก แต่ข้อเสียคือ แม้จะเกิดอาชญากรรมขึ้นก็ไม่มีใครมาช่วย

หยวนชิงเสวี่ยไม่เคยคาดหวังว่าจะมีใครมาช่วยเธอเลย

แต่ทำไม...

เขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้?

หยวนชิงเสวี่ยมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ

ไป๋อวี้    ใช่แล้ว, อีกครั้งที่เป็นไป๋อวี้

เขาไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่ แต่กลับปรากฏตัวขึ้นอย่างพอเหมาะพอเจาะ ในช่วงเวลาที่เธอไม่รู้ว่าจะรอดชีวิตหรือไม่

ไป๋อวี้ถอนหายใจออกมา ไม่มีแม้แต่เวลาที่จะรู้สึกเสียดายโทรศัพท์ที่เขาโยนไปเพื่อสังเวย

“ดีที่มันเป็นของแบรนด์นอร์ซิอา แข็งแรงขนาดนี้ ต่อให้ยิงกระสุนใส่ก็คงไม่เป็นไร”

“ไปแจ้งตำรวจ”

ไป๋อวี้พูดกับหยวนชิงเสวี่ยที่ยังยืนงงอยู่

หยวนชิงเสวี่ยได้สติกลับมา และพูดเบาๆ ว่า “แต่ว่า...”

“อย่าชักช้า รีบไป!” ไป๋อวี้สั่งเสียงเฉียบ “จำไว้นะ อย่าหันหลังกลับมา!”

เสียงเข้มของเขาทำให้หยวนชิงเสวี่ยรู้สึกตื่นตัว แม้ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมาหลายปี แต่ดูเหมือนเธอเพิ่งจะได้รู้จักตัวตนจริงๆ ของเด็กหนุ่มคนนี้ในวันนี้

เหตุผลที่เขามาอยู่ที่นี่ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

ในเมื่อเขามาและยื่นมือช่วย เธอก็รู้ว่าเขาจะไม่หนีไปใหน

หยวนชิงเสวี่ยกลัวว่าปัญหาของเธอจะดึงไป๋อวี้ให้จมลงสู่ขุมนรกด้วย แต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ก็ไม่มีทางหวนกลับได้อีก

เธอกัดฟัน ฝืนร่างกายที่บาดเจ็บเพื่อวิ่งไปที่ถนน พร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแจ้งตำรวจ

ชายหนุ่มที่ถือคันธนูสีดำไม่แม้แต่จะสนใจหยวนชิงเสวี่ย เขายิ้มเยาะ “แจ้งตำรวจ? ไม่มีประโยชน์หรอก”

เขาพกเครื่องรบกวนสัญญาณไว้ด้วย ทำให้ภายในรัศมีสามกิโลเมตรสัญญาณถูกตัดขาดหมด อีกทั้งขาของเธอก็บาดเจ็บ เธอจะวิ่งไปได้ไกลแค่ไหนกัน?

ถึงแม้เธอจะแจ้งตำรวจสำเร็จ แต่เจ้าหน้าที่จากกรมยามราตรีกว่าจะมาถึงก็ต้องใช้เวลาห้านาที...

ห้านาทีนั้นเพียงพอให้เขาจัดการทุกคนที่นี่

จวงเซิ่ง หรี่ตามองเด็กหนุ่มตรงหน้า สายตาเป็นประกายแวบหนึ่ง

เขาไม่คิดว่าจะเจอคนมาขัดขวางที่นี่ และเด็กคนนี้... ก็เป็นคนเดียวกับที่เคยเจอในกรมยามราตรี เป็นคนที่ใช้มือเปล่าจัดการกับหมีภูเขา

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ เขาก็เก็บไว้ในใจ และการชนไหล่ครั้งก่อนก็เป็นการลองเชิง

แม้ลูกธนูเมื่อครู่จะไม่ได้ใส่พลังเต็มที่ แต่ความแม่นยำของเด็กหนุ่มในการปัดป้องก็เกินความคาดหมาย

“เป็นคนที่ควรค่าแก่การกำจัด”

จวงเซิ่งยิ้มอย่างโหดเหี้ยม แต่คำพูดต่อมาของไป๋อวี้กลับทำให้รอยยิ้มนั้นแข็งค้างบนใบหน้า

“นายมาเพื่อดึงลูกธนูคืนใช่ไหม?”

คำพูดนี้ทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดอยู่แล้ว ยิ่งทวีความอึดอัดขึ้นไปอีก

“ฉันแนะนำว่าอย่ายุ่งเรื่องที่ไม่ใช่ของตัวเอง ฉันมาที่นี่เพื่อกำจัดปีศาจ ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย ถ้านายไปตอนนี้ ฉันจะปล่อยให้นายรอดชีวิต”

จวงเซิ่งดึงสายธนูพร้อมเสียง “วึ้ง~” ที่ดังขึ้น ทำให้เกิดคลื่นอากาศแหวกออกเป็นวง

ไป๋อวี้หันศีรษะเล็กน้อย เส้นผมบางเส้นถูกตัดขาด และบนใบหูมีบาดแผลตื้นๆ

“แค่การดึงสายธนูก็สามารถทำร้ายคนได้”

ฉินเสวี่ยเจ่า  ส่งเสียงผ่านกระแสจิตมาว่า “ไม่ต้องสงสัยเลย เขาเป็นผู้ติดตามของดาวหายนะ ศิลปะการต่อสู้นี้ถูกบันทึกไว้ในกรมหยานลั่ว เรียกว่า เซียนซาซานเจิ้น  มีทั้งหมดสามท่า ยิ่งฝึกยิ่งอันตราย หากฝึกถึงขั้นสูงสุด พื้นที่รอบรัศมีร้อยจั้งจะกลายเป็นอาณาเขตสังหารได้ แต่ดูเหมือนเขายังฝึกไม่ถึงขั้นนั้น”

ไป๋อวี้  เริ่มเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าอย่างชัดเจน เขามองเห็นสัญลักษณ์ระดับที่ลอยอยู่บนหัวของฝ่ายตรงข้าม ระบุว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ระดับยี่สิบ พร้อมด้วยสัญลักษณ์ธนูสีดำ ซึ่งบ่งบอกถึงอาชีพของเขา

เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ:

“ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าทำไมถึงต้องจ้องจะเล่นงานสองพี่น้องนี้ด้วย”

จวงเซิ่งยิ้มเยาะ:

“กำจัดปีศาจต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ?”

ไป๋อวี้ตอบเสียงหนักแน่น:

“หยวนชิงเสวี่ย   ไม่ใช่ปีศาจ แต่ทำไมถึงจะฆ่าเธอด้วย?”

“การกำจัดปีศาจต้องสิ้นซาก” จวงเซิ่งหัวเราะเยาะ “เธอขวางทางฉัน นั่นแปลว่าเธอปนเปื้อนพลังปีศาจแล้ว ฆ่าเธอตอนนี้ก็เป็นเรื่องดี จะได้ไม่ต้องตามมาเก็บอีกในอนาคต”

คำพูดนั้นทำให้ไป๋อวี้แทบพูดไม่ออก

“ช่างเป็นข้ออ้างที่ฟังดูสูงส่งจริงๆ!” ไป๋อวี้เกือบหัวเราะด้วยความโกรธ “เจ้าเล่ห์แล้วยังกล้าอ้างเรื่องปราบปีศาจพิทักษ์ธรรมอีก!”

จวงเซิ่งเร่งเร้าอย่างไม่สนใจ:

“คิดดีแล้วหรือยัง? จะอยู่รอความตาย หรือจะรีบไสหัวไปให้ไกลๆ”

ไป๋อวี้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงความเยาะเย้ย:

“ถ้าฉันหันหลังเดินไป นายก็ต้องแอบโจมตีแน่ๆ ตั้งแต่แรกนายก็ไม่คิดจะปล่อยใครรอดไป แล้วจะทำเป็นคนดีไปทำไม? แม้แต่จิตสังหารของนายก็ไม่คิดจะปิดบัง นายคิดว่าฉันเป็นเด็กโง่หรือไง?”

จวงเซิ่งแค่นเสียงเย็นชา:

“นายหาที่ตายเอง อย่าโทษฉันก็แล้วกัน!”

เสียงสายธนูถูกดึงจนดังสะเทือน เสียงคลื่นอากาศกรีดกระแทกพื้นดิน เหมือนมีล้อกลิ้งขึ้นมา บดขยี้เศษดินทรายและหินให้แตกกระจายราวกับถูกฟันด้วยคมมีด

“บุกเข้าไปใกล้!” ฉินเสวี่ยเจ่า  ส่งเสียงเตือน

แต่ก่อนที่เสียงจะดังจบ ไป๋อวี้ก็พุ่งตัวออกไปแล้ว พลังลมปราณในจุดตันเถียนหมุนเวียนราวกับเครื่องจักรไอน้ำ กระตุ้นให้ร่างกายเขาเต็มไปด้วยพละกำลัง

ด้วยท่ากระโดดที่เฉียบขาด เขาหลีกเลี่ยงคลื่นอากาศที่ซัดเข้ามาอย่างแม่นยำ

เขาเคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาในเส้นทางรูปตัว Z เพื่อหลบหลีก พร้อมกับร่นระยะห่างเข้าหาศัตรูอย่างรวดเร็ว

ภายในไม่ถึงห้าวินาที ระยะห่างสามสิบเมตรถูกย่อจนหมดสิ้น

จวงเซิ่งยิ้มเยาะ เขากุมลูกธนูไว้แน่น “นักฆ่าปีศาจอย่างฉันไม่ใช่แค่ยิงธนูได้หรอกนะ! พละกำลังขนาดนี้ถึงดึงคันธนูสีดำออกได้ แล้วนายคิดว่าการสู้ระยะประชิดจะย่ำแย่หรือไง?”

นับตั้งแต่โบราณมา นักธนูคือยอดนักรบเสมอ!

เมื่อไป๋อวี้เข้ามาใกล้พอ จวงเซิ่งก็เตรียมพุ่งลูกธนูไปที่ลำคอของเขา

แต่ทันใดนั้น ไป๋อวี้กลับหยุดการเคลื่อนไหวกะทันหัน ลดความเร็วของตัวเอง และยกมือซ้ายขึ้นมา

เขาคว้ากำทรายผสมเศษหินและดิน โยนเข้าหน้าจวงเซิ่งอย่างแม่นยำ

ถึงแม้จวงเซิ่งจะมีประสบการณ์ต่อสู้กับปีศาจมนุษย์มามากมาย แต่ส่วนใหญ่ที่เขาเจอเป็นพวกที่สิ้นสติ ไม่มีกลอุบายแยบยล

เขาไม่เคยเจอการโจมตีแบบโยนทรายใส่หน้ามาก่อนเลยในชีวิต

จวงเซิ่งตาพร่าทันที แม้จะพยายามพุ่งลูกธนูออกไป แต่การเคลื่อนไหวช้าลงจนพลาดเป้า

“ไอ้เด็กนรก!”

เขากลืนทรายเข้าไปเต็มปากและรู้สึกอับอาย ดวงตาแสบจนมองไม่เห็น เขาตะโกนด่าออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว

เวลาช่วงสั้นๆ สองสามวินาทีที่การมองเห็นถูกบดบัง ไป๋อวี้ใช้โอกาสนี้เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว

แม้จวงเซิ่งจะมองไม่เห็น แต่ไป๋อวี้รู้ตำแหน่งศัตรูชัดเจน

เขาหมอบต่ำหลบการโจมตีจากลูกธนูที่พุ่งออกมา และหาจุดอ่อนที่ด้านหลังของจวงเซิ่งได้ทันที

มือของเขาคว้าสิ่งหนึ่งออกมา... เป็นไม้เบสบอลที่แข็งแรง

ไป๋อวี้ยกไม้ขึ้นสูงและฟาดลงที่ท้ายทอยของจวงเซิ่งอย่างรุนแรง

การโจมตีครั้งนี้ไม่มีความปรานี

ไม้เบสบอลกระแทกเต็มแรง เป้าหมายคือตัดสินทุกอย่างด้วยการโจมตีเดียว!

ฉินเสวี่ยเจ่า  เคยบอกไว้แล้วว่า ผู้ติดตามของดาวหายนะล้วนเป็นพวกบ้าคลั่งและอันธพาล การฆ่าพวกเขาเหมือนเป็นการช่วยเหลือชาติ เพราะไม่มีใครมาเอาผิด และถือว่าเป็นการกำจัดภัยร้ายให้ประชาชน ถึงแม้จะไม่ได้รับรางวัลใดๆ ก็ตาม

ไป๋อวี้คิดว่าการฟาดด้วยไม้เบสบอลเมื่อครู่น่าจะเพียงพอที่จะทำให้ศีรษะแตก

แต่ทันใดนั้น วงแหวนสีเหลืองก็ส่องสว่างขึ้น พร้อมกับแรงสั่นสะเทือนที่ส่งกลับมา

ไป๋อวี้รู้สึกถึงแรงปะทะรุนแรงกระแทกกลับมาที่ตัวเขา เขาอุทานด้วยความตกใจ: "เวรเอ๊ย!" ร่างทั้งร่างพร้อมไม้เบสบอลถูกแรงสั่นสะเทือนกระแทกจนปลิวขึ้นกลางอากาศ แต่เขาปรับสมดุลร่างกายอย่างรวดเร็ว พลิกตัว 360 องศา ก่อนลงสู่พื้นอย่างมั่นคง

จวงเซิ่งเอามือแตะที่กระเป๋าบริเวณหน้าอก แสงสีส้มจากวัตถุพิเศษชิ้นหนึ่งส่องประกายออกมา มันปกป้องเขาไว้เพียงไม่กี่วินาที ก่อนที่วัตถุนั้นจะแตกสลาย

ดวงตาของจวงเซิ่งเต็มไปด้วยความโกรธ วัตถุพิเศษชิ้นนี้เป็นของขวัญจบการศึกษาที่อาจารย์ให้เขา แม้แต่การโจมตีจากผู้มีพลังระดับสามก็ไม่อาจทำอันตรายได้ แต่เขาต้องมาใช้มันที่นี่?

เกือบถูกเด็กเวรนี่ฆ่าได้งั้นหรือ? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!

ใบหน้าของจวงเซิ่งบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เขากำคันธนูแน่น:

“ฉันจะยิงลูกธนูเจาะแขนขาของแกทีละข้าง และสุดท้ายฉันจะเสียบธนูเข้าหัวใจของแกแล้วหมุนสามรอบ ให้แกตายอย่างทรมานที่สุด!”

เขาเค้นเสียงพูดอย่างเคียดแค้น ไม่เหลือท่าทีเยาะเย้ยเหมือนก่อนหน้าอีกแล้ว

ไป๋อวี้ยืนขึ้นแล้วถอนหายใจด้วยความเสียดาย เขาหวังว่าจะจัดการอีกฝ่ายได้ในคราวเดียวเมื่อเผลอ แต่น่าเสียดายจริงๆ...

เขากำไม้เบสบอลในมือ ขยับมันให้หมุนไปหนึ่งรอบในอากาศ แล้วปล่อยให้มันห้อยลงเป็นเส้นตรงจากแขนของเขา

ไป๋อวี้ยิ้มเบาๆ มีความสุขและรู้สึกสะใจในน้ำเสียง:

“แบบนี้สิ ถึงจะตรงกับตัวตนของนาย ถอดหน้ากากน่ารังเกียจของนายออกเถอะ”

“นายไม่ได้เป็นคนดีอะไรที่จะมาปราบปีศาจเพื่อโลกใบนี้หรอก ก็แค่ซ่อนความเห็นแก่ตัวไว้ใต้คำพูดสูงส่งเท่านั้น ปากบอกเรื่องคุณธรรม แต่ใจกลับเต็มไปด้วยความโลภและการคำนวณเพื่อตัวเอง”

“แล้วนายคิดว่านายเหมาะจะพูดเรื่องปราบปีศาจหรือ?”

“ใครกันแน่คือปีศาจ?”

บทที่ 92   ( บทโฆษณาชองผู้เขียน)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด