บทที่ 216 งดงามมิได้หนึ่งในหมื่นของคุณ
[แปลโดยฝีมือ...ยัก.ษา.แปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ\]
[Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย]
[หลังแปลจบ คิดว่าจะมีการเกลาคำเบื้องต้น แก้คำผิด ปรับสำนวนให้สละสลวย เทียบคำต่อคำ ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกันเสมอมานะครับ]
บทที่ 216 งดงามมิได้หนึ่งในหมื่นของคุณ
แววตาเปี่ยมความมั่นใจของซูเฉียนโม่ ทำให้กู่เฉินหนานถึงกับตะลึงงัน
ในนิยาย ซูซิตี้อินเตอร์เนชั่นแนลก็เป็นบริษัทเล็ก ๆ ที่ซูเฉียนโม่เข้าซื้อกิจการและค่อย ๆ พัฒนาขึ้นมาเช่นกัน
และในเวลาเพียงไม่กี่ปี ซูซิตี้อินเตอร์เนชั่นแนลก็เติบโตจากธุรกิจเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก กลายเป็นบริษัทเครื่องสำอางที่มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ
ดังนั้น ในเรื่องนี้การฟังความเห็นของเฉียนโม่ย่อมไม่ผิดพลาด
"ตกลง ผมจะฟังคุณ" กู่เฉินหนานพยักหน้า
"คุณมีบริษัทเครื่องสำอางในท้องถิ่นที่สนใจบ้างไหม" ซูเฉียนโม่ถามด้วยความสนใจ
"เอ่อ... ยังไม่มี"
กู่เฉินหนานส่ายหัว พูดตามตรง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีบริษัทเครื่องสำอางอะไรบ้างในท้องถิ่น แล้วจะให้สนใจได้อย่างไร
"อ้อ ไม่เป็นไร" ซูเฉียนโม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา "เดี๋ยวฉันอ่านนิยายจบสองสามบทนี้ก่อน แล้วจะลองค้นหาดู"
"ยังอ่านนิยาย ราชามังกรผู้ไร้เทียมทาน อยู่อีกเหรอ" กู่เฉินหนานเลิกคิ้ว
"อืม" ซูเฉียนโม่พยักหน้า "นิยายเรื่องนี้อ่านแล้วให้ความรู้สึกแปลก ๆ แบบว่า 'แปลกจัง ขอดูอีกหน่อย' "
"ไม่รู้สึกแปลก ๆ บ้างเหรอ ที่ได้เห็นตัวเองในเนื้อเรื่องเดิม"
"ก็แปลก ๆ อยู่บ้าง" ซูเฉียนโม่ทำหน้ารังเกียจ "โดยเฉพาะตอนที่เห็นฉากของหลินหยู่กับฉัน ขนลุกชะมัด"
"ไม่เป็นไร คิดซะว่าเป็นแฟนฟิคของเรา" กู่เฉินหนานยักไหล่
ซูเฉียนโม่เม้มริมฝีปาก ก้มหน้าลง "เฉิน... เฉินหนาน ขอโทษนะ"
"หืม ขอโทษทำไม"
กู่เฉินหนานชะงักไปครู่หนึ่ง ท่าทางรู้สึกผิดและน้ำเสียงของซูเฉียนโม่ที่จู่ ๆ ก็เปลี่ยนไป ทำให้เขาไม่เข้าใจ
ซูเฉียนโม่เงยหน้าขึ้น "พอเห็นท่าทีของฉันที่มีต่อคุณในนิยาย ฉันก็นึกถึงตัวเองในตอนนั้น..."
ยังพูดไม่ทันจบ กู่เฉินหนานก็ดึงเธอเข้ามากอด "อย่าคิดมากเลย เรื่องที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไป ผมรู้แค่ว่าตอนนี้คุณอ่อนโยนมาก"
"อ่อน... อ่อนโยน"
ซูเฉียนโม่หน้าแดงระเรื่อ รู้สึกเขินกับคำพูดนี้
"เฉินหนาน คุณ... คุณก็อ่อนโยนเหมือนกัน" เธอพึมพำพลางโอบแขนรอบหลังของกู่เฉินหนาน "ดีจังเลยนะ ที่ได้อยู่กับคุณ"
บนท้องฟ้า ดาวตกพาดผ่านความมืดมิด ทิ้งร่องรอยเป็นทางยาว
แสงสว่างที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง ดูราวกับเจ้าสาวในชุดแต่งงานสีฟ้าอ่อน นำพาความงดงามตระการตามาสู่ค่ำคืนอันมืดมิด
"ดูบนท้องฟ้าสิ" กู่เฉินหนานพูด
ซูเฉียนโม่หันไปมอง ดาวตกกำลังร่วงหล่น
"สวย... สวยจัง" เธออุทานออกมา ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
กู่เฉินหนานขยับเข้าใกล้ซูเฉียนโม่ ใบหน้าแนบชิดกัน มองดูความมืดมิดเบื้องหน้า
"สวยไม่เท่าคุณหรอก งดงามมิได้หนึ่งในหมื่นของคุณเลย"
ซูเฉียนโม่ยิ้มหวานซึ้ง เอนกายซบลงในอ้อมกอดของกู่เฉินหนาน
สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง เสียงแมลงร้องดังระงมไปทั่วความมืดมิด
ทั้งสองไม่ได้พูดอะไร มองดูดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า ราวกับว่ากาลเวลาในช่วงขณะนี้ได้ชะลอตัวลง...
เช้าวันรุ่งขึ้น
แสงแดดส่องผ่านหน้าต่าง สาดส่องกระทบสองร่างบนเตียง
นกกระจอกน้อยเกาะอยู่บนขอบหน้าต่าง ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว กระโดดโลดเต้นไปมา
ผู้คนเดินผ่านไปมาอย่างเร่งรีบ ร้านอาหารเช้าข้างทางเต็มไปด้วยลูกค้า
วันใหม่เริ่มต้นขึ้น สรรพสิ่งในโลกหลับใหลในยามค่ำคืน และตื่นขึ้นในยามเช้า เป็นเช่นนี้เรื่อยไป
กู่เฉินหนานลืมตาขึ้นก่อน เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง มองซูเฉียนโม่ที่ยังคงหลับใหล
ลมหายใจของซูเฉียนโม่สม่ำเสมอ เสียงหายใจแผ่วเบา ขนตายาวงอนและเส้นผมสลวยเป็นสีทองอร่ามเมื่อต้องแสงตะวัน ดุจดั่งภาพวาดสีน้ำมัน งดงามจับตา
กู่เฉินหนานจุมพิตที่หน้าผากของซูเฉียนโม่ ก่อนจะค่อย ๆ ลงจากเตียงและห่มผ้าให้เธออย่างเบามือ
หลังจากแต่งตัวเสร็จ เขาก็เปิดประตูออกไปอย่างเงียบ ๆ
สายลมยามเช้าพัดมาแผ่วเบา นำพาความเย็นสดชื่นมาด้วย
กู่เฉินหนานรูดซิปเสื้อ เดินฝ่าฝูงชนไปยังร้านแผงลอยเล็ก ๆ ร้านหนึ่ง
มันเป็นร้านอาหารเช้า ขายอาหารเช้าทั่ว ๆ ไป เช่น น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ ซาลาเปา
แต่มันก็เป็นอาหารที่กู่เฉินหนานโหยหาครั้งแล้วครั้งเล่าในโลกนิยาย
แน่นอนว่าเขาเคยกินอาหารเช้าง่าย ๆ เหล่านี้ในโลกนิยาย แต่มันเทียบไม่ได้กับรสชาติที่เขาโหยหา
"มาแล้วเหรอ ยังเหมือนเดิมใช่มั้ย เกี๊ยวน้ำหนึ่งชาม ซาลาเปาหนึ่งเข่ง"
กู่เฉินหนานมาซื้อสองอย่างนี้ทุกเช้า จนเจ้าของร้านจำเขาได้แล้ว
"สองที่ครับ" กู่เฉินหนานพูด
"ได้เลย รอแป๊บนึง"
ไม่นานกู่เฉินหนานก็ถือเกี๊ยวน้ำและซาลาเปากลับไปที่ห้องเช่า
ในห้องนอน ซูเฉียนโม่หลับสนิท เสียงกรนเบา ๆ ฟังราวกับเสียงเพลงอันไพเราะ ชวนให้ใจเต้นแรง
หลังจากวางอาหารเช้าไว้บนโต๊ะน้ำชา กู่เฉินหนานก็เดินไปที่ข้างเตียง ก้มลงจูบเธออย่างลึกซึ้ง
"อื้อ..."
เขาจูบแรงมากจนซูเฉียนโม่สะดุ้งตื่น เธอพยายามจะผลัก กู่เฉินหนานออกโดยไม่รู้ตัว
แต่เมื่อเห็นใบหน้าของเขา เธอก็เปลี่ยนจากผลักเป็นกอด จูบตอบเขาอย่างดูดดื่ม
ครู่ใหญ่ กู่เฉินหนานผละออก
"ตื่นมากินข้าวได้แล้ว"
"อืม"
ซูเฉียนโม่พยักหน้า ขยี้ตาเหมือนลูกแมว
หลังจากแต่งตัวเสร็จ เธอก็เดินมาที่โต๊ะน้ำชา มองอาหารเช้าตรงหน้าด้วยความอยากอาหาร
"ลองชิมสิ นี่คือซาลาเปาที่อร่อยที่สุดในเซี่ยงไฮ้เลยนะ" กู่เฉินหนานพูด
ซูเฉียนโม่นั่งลงข้าง ๆ กู่เฉินหนาน คีบซาลาเปาขึ้นมาเป่าลมร้อน ๆ ก่อนจะกัดเข้าไปคำหนึ่ง
ดวงตาของเธอเบิกกว้างเป็นประกาย
"อร่อย!"
"ไม่ได้หลอกใช่มั้ยล่ะ" กู่เฉินหนานพูดอย่างภาคภูมิใจ
ในโลกนั้น ซูเฉียนโม่เคยกินอาหารที่อร่อยกว่านี้มากนัก เพราะพ่อครัวของตระกูลซูก็คือพ่อครัวใหญ่ที่ทำอาหารเลี้ยงแขกบ้านแขกเมือง
แต่ที่ซูเฉียนโม่บอกว่าซาลาเปาอร่อย ไม่ใช่เพราะเกรงใจกู่เฉินหนาน แต่เธอรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
"เฮ้อ~"
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จพร้อมกับเสียงหัวเราะ กู่เฉินหนานก็เอนหลังลงบนโซฟาอย่างผ่อนคลาย
"เฮ้อ~"
ซูเฉียนโม่เลียนแบบกู่เฉินหนาน เอนหลังลงบนโซฟาบ้าง
จากนั้นทั้งสองก็สบตากัน หัวเราะออกมาพร้อมกัน
ใบหน้าของทั้งคู่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขและความพึงพอใจ
ครู่ต่อมา ซูเฉียนโม่ก็พูดขึ้น "วันนี้เราต้องเลือกบริษัทที่จะเข้าซื้อกิจการแล้วใช่มั้ย"
กู่เฉินหนานพยักหน้า "แต่จะเลือกยังไงล่ะ เรารู้ได้ยังไงว่าบริษัทไหนน่าซื้อ บริษัทไหนไม่น่าซื้อ"
"ง่ายมาก" ซูเฉียนโม่ลุกขึ้นนั่งไขว่ห้าง "เลือกบริษัทไหนก็ได้ที่สินค้าดี ส่วนภายในบริษัทจะเป็นยังไงก็ช่างมัน"
"เข้าใจแล้ว" กู่เฉินหนานพยักหน้า "งั้นเดี๋ยวเราไปซื้อสินค้าของบริษัทพวกนั้นมาลองใช้กันดีมั้ย"
"อืม!" ซูเฉียนโม่พยักหน้า