บทที่ 185 ค่าตัว (10)
[แปลโดยฝีมือ...ยัก.ษา.แปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ\]
[Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย]
[หลังแปลจบ คิดว่าจะมีการเกลาคำเบื้องต้น แก้คำผิด ปรับสำนวนให้สละสลวย เทียบคำต่อคำ ขอบคุณที่ให้การสนับสนุนกันเสมอมานะครับ]
บทที่ 185 ค่าตัว (10)
ชเวซองกุนกดเครื่องคิดเลขอย่างใจเย็น ภายหลังตรวจสอบข้อเสนอค่าตัวของคังวูจินเสร็จสิ้น
‘150 ล้านวอน สูงมากแล้วก็จริง…’
โดยทั่วไป ค่าตัวนักแสดงจะแตกต่างกันไป แต่สำหรับนักแสดงระดับท็อป S จะอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านวอน ถึง 500 ล้านวอน ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงและความนิยม แน่นอนว่านักแสดงระดับซิมฮันโฮ ย่อมได้รับค่าตอบแทนที่สูงกว่านั้นอยู่แล้ว ทว่า ณ ขณะนี้ คังวูจินยังไม่ใช่นักแสดงระดับท็อป S แม้เขาจะก้าวขึ้นไปสู่จุดนั้นได้ในอนาคตอันใกล้นี้ก็ตาม
ถึงอย่างนั้น 150 ล้านวอน ก็เป็นจำนวนเงินที่สูงเกินจริง สำหรับนักแสดงหน้าใหม่ที่เพิ่งเดบิวต์ได้เพียงปีเดียว
‘แถมยังมีส่วนแบ่งรายได้อีก’
การได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการฉาย ถือเป็นเงื่อนไขที่นักแสดงระดับท็อปเท่านั้นจะได้รับ ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นครั้งที่สองของวูจินเสียด้วย แม้ ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ จะมีขั้นตอนแปลกประหลาดอยู่บ้าง แต่มันก็ให้ผลตอบแทนเป็นส่วนแบ่งรายได้เช่นกัน
บุคคลสำคัญที่ยอมมอบส่วนแบ่งรายได้ให้กับนักแสดงหน้าใหม่
กรณีนี้คังวูจินคือคนแรก ชเวซองกุนจึงลูบคางครุ่นคิดอย่างไตร่ตรอง
‘นั่นหมายความว่า ผู้กำกับอันกาบก มองว่าวูจินอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับนักแสดงระดับท็อปงั้นหรือ’
เห็นได้ชัดว่า ทั้งผู้กำกับอันกาบก และบริษัทผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง ‘ปลิง’ ต่างประเมินคังวูจินไว้สูง ซึ่งก็สมเหตุสมผลดี แต่ชเวซองกุนไม่ใช่คนที่จะรับข้อเสนอใด ๆ มาง่าย ๆ แม้จะฟังดูไร้สาระ แต่ ณ เวลานี้ คังวูจินอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบกว่า
ในวงการบันเทิงที่โหดร้ายเช่นนี้ ฝ่ายที่โลภมากมักจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเสมอ
“ครับ งั้นทางเราขอยืนยันครับ แต่มีบางเรื่องที่อยากจะคุยกันให้เรียบร้อยก่อน ตอนนี้วูจินไม่ได้เชี่ยวชาญแค่ภาษาต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงภาษามือด้วย คุณได้นำเรื่องนี้ไปพิจารณาด้วยหรือยังครับ นอกจากนั้น เรื่องความสามารถด้านการแสดงและพลังดึงดูดของวูจินเองก็น่าจะต้องคิดให้ดีนะครับ ...”
ชเวซองกุนเอ่ยขึ้น น้ำเสียงหนักแน่นกว่าที่เคยเป็นมา แต่อีกฝ่ายก็ใช่ว่าจะยอมง่าย ๆ ทุกอย่างยังคงดำเนินไปภายใต้กรอบแห่งเหตุและผล
เวลาผ่านไปไม่นาน
“ฝากตัวด้วยนะครับ คุณผู้กำกับ”
“ฉันต่างหากที่ต้องฝากตัวด้วย”
ในที่สุด ค่าตัวที่ผ่านการเจรจาต่อรองของคังวูจินก็ได้รับการยืนยัน
-คังวูจิน/ ค่าตัว: 200 ล้านวอน/ หากทำรายได้ถึงจุดคุ้มทุนจะได้รับส่วนแบ่งเพิ่มคนละ 100 วอน ต่อจำนวนผู้เข้าชมที่เพิ่มขึ้น
สองร้อยล้านวอน นับว่าเกือบจะแตะถึงจุดสูงสุดสำหรับนักแสดงหน้าใหม่ การเซ็นสัญญาเป็นไปอย่างราบรื่น บรรยากาศเต็มไปด้วยความยินดี และเมื่อการเจรจาใกล้เสร็จสิ้น ผู้กำกับอันกาบกผู้มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าก็เอ่ยขึ้น
“อ้อ แล้วก็ ตอนนี้เรายังไม่ได้รับการยืนยันจากคุณซิมฮันโฮนะครับ กำลังรออยู่”
“อย่างนั้นเหรอครับ แล้วโอกาสที่เขาจะร่วมงานกับเรามีมากน้อยแค่ไหนครับ”
“ไม่รู้สิ เราก็กำลังเร่งเขาอยู่”
“อืม เข้าใจแล้วครับ งั้นผมจะบอกวูจินแบบนั้นไปก่อนนะครับ”
ทันใดนั้น ตัวแทนบริษัทภาพยนตร์ที่นั่งข้าง ๆ ผู้กำกับอันกาบกก็แทรกขึ้นมา
“แล้ววูจินว่ายังไงบ้างครับหลังจากที่ได้ยินเรื่องคุณซิมฮันโฮ รู้สึกกดดันบ้างหรือเปล่า”
ชเวซองกุนเล่าสิ่งที่ได้ยินมาจากคังวูจินให้ฟัง
“ไม่เลยครับ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกครับ วูจินบอกว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย”
“······ ไม่ ไม่เกี่ยวอะไรด้วยเหรอ?”
“ครับ ปกติเขาก็เป็นคนแบบนี้แหละ” เสียงตอบรับนิ่งเรียบดังขึ้น
“เฮ้ นักแสดงคนอื่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคุณซิมฮันโฮเชียวนะ แล้วบอกว่าไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยเหรอ?” น้ำเสียงฉงนปนขบขันเอ่ยถาม
รอยยิ้มของผู้กำกับอันกาบกที่นั่งกอดอกผุดกว้างขึ้น “ก็บอกแล้วไง ว่าเรื่องความใจถึงเนี่ย เขาเป็นที่หนึ่งในประเทศ”
แม้จะเป็นความเข้าใจผิด แต่ผู้กำกับอันกาบกที่เผลอนึกถึงวูจินก็เปลี่ยนเรื่องคุยอย่างไม่ใส่ใจ “ว่าแต่คุณชเวซองกุน เรื่องแถลงข่าวการแสดงของคุณคังวูจิน ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ดีครับ มีปัญหาเรื่องตารางงานอะไรหรือเปล่า”
ชเวซองกุนครุ่นคิดถึงตารางงานอันแน่นขนัดของคังวูจิน ก่อนเอ่ยตอบ “ตอนนี้พวกเราไม่มีปัญหาอะไรครับ แต่อยากให้เป็นหลังจากนี้ 5 วันจะดีกว่าครับ”
“5 วันหลังจากนี้?”
“ครับ ระหว่างวันที่ 5 หรือ 6 ธันวาคม วูจินต้องไปถ่ายทำรายการ ‘ครัวเรือนหรรษาของเรา’ ที่อเมริกากับ PD ยุนบยองซอนครับ ใช้เวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์”
“อ้อ อยากให้ข่าวหนังของเราค่อย ๆ ออกมาในช่วงที่วูจินไม่อยู่เกาหลีสินะ”
“เป็นคำขอครับ ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นแบบนั้น” ชเวซองกุนพูดอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะให้เหตุผลอื่นเสริม “แล้วถ้าคุณซิมฮันโฮตกลงร่วมแสดงด้วย ผมว่าประกาศพร้อมกันน่าจะดีกว่าครับ ถึงคนทั่วไปจะไม่ได้สนใจอะไร แต่ในฐานะคนในวงการ ผมว่าแบบนั้นดีกว่า”
“เพราะภาพลักษณ์มันดูดีกว่าสินะ?”
“ครับ ถ้าคุณซิมฮันโฮตกลง เราคงได้เห็นเขากับวูจินอยู่ด้วยกันบ่อย ๆ ผมอยากเลี่ยงความอึดอัดใจที่ไม่ได้ตั้งใจครับ”
“อืม ฉันให้บทหนังกับซิมฮันโฮเป็นคนที่สองนะ ถ้าประกาศแบบจัดอันดับคงเสียมารยาทแย่”
นั่นคือถ้อยคำที่ทั้งรักษาหน้าตาและให้เกียรติคังวูจินในฐานะนักแสดงรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง แม้จะไม่กล่าวถึงบารมีของทั้งคู่ แต่หากพิจารณาให้ลึกซึ้งแล้ว คังวูจินเป็นเพียงดาวดวงใหม่ที่เพิ่งฉายแสง ส่วนซิมฮันโฮนั้นเปรียบได้กับประวัติศาสตร์หรือตำนานสำหรับชเวซองกุนที่คร่ำหวอดในวงการมายามาน การคาดการณ์เช่นนี้ช่างง่ายดายยิ่งนัก
ยิ่งไปกว่านั้น
“การที่วูจินประกาศตัวแสดงคนเดียวนั้น เทียบไม่ได้เลยกับการที่มีผู้กำกับอันกาบกและซิมฮันโฮ สองตำนานประกบคู่กัน ยิ่งใหญ่กว่าร้อยเท่า”
นี่คือการประเมินผลกระทบที่จะตามมา
“อ่า แน่นอนครับ หากคุณซิมฮันโฮไม่สะดวกใจ ทุกอย่างก็เป็นโมฆะ”
“รู้น่า ฉันก็คิดจะรอคำตอบจากเขาก่อนประกาศอยู่แล้ว”
ทันใดนั้น บุรุษร่างท้วมที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านบทความ ‘ปลิง’ ผ่านโทรศัพท์มือถือก็หัวเราะออกมาแผ่วเบา
“กระแสตอบรับจากสื่อช่างน่าสนใจยิ่งนัก ทั้งที่คุณซิมฮันโฮยังไม่ได้ตอบรับ แต่สื่อกลับเล่นข่าวราวกับว่าคอนเฟิร์มแล้ว ในขณะที่คุณคังวูจินกลับไม่มีใครพูดถึง ทั้งที่ยืนยันการแสดงแล้วแท้ ๆ”
ผู้กำกับอันกาบกที่กำลังลูบคางครุ่นคิดอย่างใจเย็นเอ่ยตอบ
“ฉันก็ไม่ได้คิดเรื่องนี้มาก่อนเลย แต่ดูเหมือนผู้คนจะให้ความสนใจกันมากทีเดียว”
หลังจากนั้น
เมื่อบริษัทภาพยนตร์ประกาศข่าวว่าผลงานชิ้นที่ 100 ของผู้กำกับอันกาบกมุ่งเป้าไปที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์
『[ข่าวเด่นวงการภาพยนตร์]บรรยากาศไม่ธรรมดาเมื่อ ‘ผู้กำกับอันกาบก’ หมายมั่นปั้นมือให้ผลงานชิ้นที่ 100 ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ที่เมืองคานส์』
กระแสความสนใจในวงการภาพยนตร์เกาหลีต่อ ‘ปลิง’ กำลังเดือดพล่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ใช่แค่สื่อหรือบุคคลในวงการเท่านั้นที่ตื่นตัว แต่สิ่งที่บ่งบอกได้ชัดเจนที่สุดคือเหล่านักแสดงแถวหน้าของประเทศที่เริ่มขยับตัว
พวกเขากำลังแสดงศักยภาพออกมา
ความปรารถนาที่จะคว้าบทบาทนี้ ผสานกับความสงสัยใคร่รู้ว่าใครกันที่จะได้รับบทนี้ไปครอง แล้วยิ่งเป็นผลงานของผู้กำกับอันกาบกด้วย ยิ่งเป็นตัวเร่งให้เขาตัดสินใจติดต่อขอข้อมูลการออดิชั่นจากต้นสังกัดทันที
“ผู้จัดการครับ! ช่วยติดต่อขอเข้าพบกับผู้กำกับอันกาบก หรือไม่ก็ค่ายหนังให้ผมหน่อยครับ”
“เฮ้อ นายนี่มัน จริง ๆ เลยนะ เฮ้อ ถ้านายได้บทแบบนั้นไปน่ะ ได้ไม่คุ้มเสียหรอก”
“แต่สำหรับนักแสดงแล้ว มันก็ไม่มีบทไหนยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้วนะครับ”
“ถ้าลองไปแล้วไม่ได้ขึ้นมา มีแต่คนนินทาเปล่า ๆ แล้วยิ่งถ้าได้ร่วมงานกันขึ้นมาจริง ๆ แล้วเล่นพลาดขึ้นมาล่ะก็ รู้มั้ยว่ากองของผู้กำกับอันกาบกเชียวนะ จะขายขี้หน้าขนาดไหน ค่าตัวนายอาจจะร่วงกราวก็ได้นะ!”
“ถึงอย่างนั้นก็ต้องมีคนได้เล่นอยู่ดีนี่ครับ!”
“ใจเย็น ๆ รอดูสถานการณ์ไปก่อนสิ ยังไงบทนำก็ต้องเป็นซงฮันโฮ พี่เขาอยู่แล้ว ส่วนรอง ๆ ลงมาก็ต้องเป็นระดับท็อปทั้งนั้น ตอนนี้เราก็แค่ดูท่าทีไปก่อนว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง?”
แน่นอนว่ามีหลายกองที่พอจะคาดเดาได้บ้าง กองถ่ายภาพยนตร์เรื่อง ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ ของผู้กำกับควอนกีแท็กก็เป็นหนึ่งในนั้น สืบเนื่องจากที่ผ่านมา ผู้กำกับอันกาบกเคยมาเยือนกองถ่ายแห่งนี้ ทำให้ทีมงานหลายสิบชีวิตคาดการณ์กันว่านักแสดงที่จะมารับบทนำในหนังเรื่องใหม่ของเขาจะต้องอยู่ในกองถ่าย ‘เกาะแห่งผู้สูญหาย’ นี้อย่างแน่นอน
"จริงสิ! ตอนนั้นที่ผู้กำกับอันกาบกมาดานัง... เขาไม่ได้มาเที่ยวเล่น แต่ตั้งใจมาดูตัวนักแสดงนี่นะ"
"ไม่ รยูจองมิน หรือว่ายูรากันแน่"
"ใช่ ๆ ต้องเป็นสองคนนี้แหละ แต่ก็ประมาทยูราไม่ได้นะ ช่วงนี้เธอเพิ่งโกอินเตอร์มาด้วย"
"ถึงสองคนนั้นจะดูมีภาษีกว่า แต่คิมอีวอนกับชอนอูชางก็ถือว่าเป็นตัวท็อปนะ"
"แต่ฉันที่ดานัง เห็นคุณผู้กำกับอันกาบกคุยกับฮงฮเยยอนอยู่นะ รู้ทั้งรู้ว่าเป็นแค่เพื่อนที่มาร่วมแสดง แต่จะมาเพราะเรื่องนั้นหรือเปล่านะ"
แล้วเรื่องราวก็ลามไปถึงคังวูจิน
"ทำไมถึงไม่พูดถึงคุณวูจินบ้างล่ะ"
"เอ่อ คุณคังวูจินตอนนี้น่ะฮ็อตมากก็จริง แต่จะว่าไป ประสบการณ์ยังน้อยไปหน่อยน่ะ"
"จะว่าไป ผลงานที่ผ่านมาก็ยังไม่พอจะเป็นนักแสดงนำในหนังของคุณผู้กำกับอันกาบกได้"
"แต่ถ้าเป็นบทสมทบ อาจจะคุย ๆ กันอยู่ แล้วก็ได้นะ"
"ว้าว แค่คุณวูจินได้ไปเป็นตัวประกอบในหนังคุณผู้กำกับอันกาบก ผลงานที่ผ่านมาก็ถือว่าไม่เสียเปล่าแล้วล่ะ"
ในทางกลับกัน นักแสดงจาก 'เกาะแห่งผู้สูญหาย' อย่างรยูจองมินและฮายูรากลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ แต่ในใจพวกเขากลับเต็มไปด้วยความกังวล
คนที่ร้อนใจที่สุดในที่นี้ คงหนีไม่พ้นผู้กำกับควอนกีแท็ก
'ซิมฮันโฮ ทำไมถึงมีชื่อหลุดมาก่อนคุณวูจินล่ะ หรือว่าคุณวูจินจะชวดไปแล้ว'
เพราะเขารู้ดีว่าผู้กำกับอันกาบกกำลังคิดอะไรอยู่ แต่สถานการณ์ตอนนี้ช่างสับสนเหลือเกิน
หลายชั่วโมงผ่านไป...
ยามบ่ายคล้อย ผู้กำกับอันกาบก ศูนย์กลางของมรสุมข่าวลือ กำลังให้สัมภาษณ์แก่นิตยสารภาพยนตร์ชื่อดัง เพื่อชี้แจงเรื่องราวที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง และแนะนำผลงานชิ้นใหม่ที่เขาเป็นผู้คัดเลือกทุกอย่างด้วยตัวเอง ท่ามกลางกองทัพกล้องและผู้สื่อข่าวมากมาย หญิงสาวตรงหน้าคืออดีตผู้ประกาศข่าวที่ผันตัวมาเป็นนักข่าวบันเทิง กำลังยิงคำถามที่หลายคนอยากรู้
“ผู้กำกับคะ มีข่าวลือหนาหูมากว่า กำลังจะมีผลงานภาพยนตร์ที่ได้ร่วมงานกับคุณซิมฮันโฮ จริงหรือเปล่าคะ? ภาพยนตร์เรื่องที่ 100 ของผู้กำกับจะเป็นผลงานการแสดงของเขาอย่างที่เป็นข่าว?”
ผู้กำกับอันกาบก ผมสั้นสีดอกเลาเผยรอยยิ้มอบอุ่น
“ฮ่าฮ่า ช่วงนั้นผมแค่ไปทานข้าวกับคุณซิมฮันโฮครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ข่าวลือที่ออกมา ก็ไม่เป็นความจริงสินะคะ?”
“ผมก็ยังเปิดกว้างสำหรับทุกโอกาสนะครับ” คำตอบที่ดูเหมือนจะตัดบท แต่ก็เหมือนแฝงนัยบางอย่างไว้
หญิงสาวพยักหน้ารับ ก่อนจะเปลี่ยนประเด็นคำถาม
“ผู้กำกับคะ ได้ยินมาว่าภาพยนตร์เรื่องใหม่นี้ ตั้งเป้าไปที่เทศกาลหนังเมืองคานเลยเหรอคะ? แล้วบทภาพยนตร์เสร็จสมบูรณ์แล้วหรือยังคะ?”
“เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”
“ว้าว! งั้นช่วยบอกใบ้ชื่อเรื่องได้ไหมคะ?”
“ผมตั้งชื่อเรื่องว่า ‘ปลิง’ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมบอกใครรู้เลยนะ”
“ขอบคุณมากค่ะ! อย่างที่ทราบกันดีว่า นักแสดงหลายท่านให้ความสนใจกับผลงานชิ้นนี้มาก มีนักแสดงท่านไหนที่ผู้กำกับสนใจเป็นพิเศษไหมคะ?”
“แน่นอนครับ ตอนนี้ผมลิสต์รายชื่อนักแสดงไว้ในใจแล้ว กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจอยู่ครับ”
“งั้นเหรอคะ?”
“ใช่ครับ ตอนนี้ทุกอย่างยังเป็นความลับ ผมยังเปิดเผยอะไรมากไม่ได้ เพราะมันเกี่ยวข้องกับนักแสดงหลายท่าน แต่ตอนนี้มีนักแสดงสองท่านที่ได้รับบทภาพยนตร์ไปแล้วล่ะ เดี๋ยวถ้าเรียบร้อยเมื่อไหร่ ผมจะรีบประกาศให้ทราบแน่นอน”
หนึ่งชั่วโมงหลังจากการสัมภาษณ์เสร็จสิ้น ผู้กำกับอันกาบกนั่งอยู่บนรถตู้คู่ใจ มุ่งหน้ากลับบ้านหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน รอยอ่อนล้าเริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคาย ทันใดนั้น เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือคู่ใจก็ดังขึ้น
-♬♪
ผู้กำกับอันกาบกเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างเชื่องช้า เบอร์ที่ปรากฏคือเบอร์ของซุปตาร์หนุ่ม ซิมฮันโฮ รอยยิ้มบางผุดขึ้นที่มุมปากอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะกดรับสายพร้อมพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“ว่าไง ตัดสินใจได้แล้วเหรอ? อยากรู้จังว่าที่เร่งไปวันนั้นได้ผลหรือเปล่า?”
เสียงทุ้มนุ่มเป็นเอกลักษณ์ของซิมฮันโฮดังลอดออกมาจากปลายสาย
“ครับ ผมรับบทที่พี่เสนอให้ครับ”
เอาล่ะ ในที่สุดนักแสดงนำคนที่สองของ ‘ปลิง’ ก็ได้รับการยืนยันแล้ว
ค่ำคืนของวันเดียวกัน
ข่าวภาคค่ำเวลาสามทุ่มกำลังออกอากาศทางช่องโทรทัศน์สาธารณะ ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับฮวาลินเมื่อวานปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
[ “เมื่อวานนี้นักร้องและนักแสดงสาว ฮวาลิน ถูกทำร้ายร่างกายโดยคนร้ายที่ลานจอดรถ คนร้ายมีอาวุธเป็นมีด แต่โชคดีที่ฮวาลินไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ฮวังแดกีรายงานครับ” ]
แน่นอนว่าข่าวนี้เป็นฝ่าย JML ต้นสังกัดของฮวาลิน เป็นคนส่งไปยังสถานีโทรทัศน์ ดังนั้น ข้อมูลที่ถูกเปิดเผยจึงเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่ายคนร้ายที่ถูกจับกุม มีดที่เขาถือ หลักฐานที่พบในรถ รวมถึงภาพถ่ายของฮวาลินจากกล้องวงจรปิด
ทั้งหมดนี้สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนไม่น้อย
แม้ค่ำคืนนี้จะมืดมิด แต่ข่าวสารมากมายกลับสว่างไสวไปด้วยเรื่องราวที่ไม่มีใครคาดคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวของฮวาลิน ที่แพร่กระจายไปทั่วทุกสื่ออย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง ทั้งที่ในเนื้อหาข่าวแรกเริ่มนั้นไม่ได้เอ่ยถึงชื่อของเธอเลยแม้แต่น้อย
“[อัพเดทข่าว] ฮวาลิน สมาชิกวง Elani ถูกคนร้ายทำร้าย”
ทันทีที่ข่าวภาคค่ำจบลง สื่อหลักทุกสำนักก็เริ่มรายงานข่าวเกี่ยวกับฮวาลินอย่างต่อเนื่อง
“เกิดอะไรขึ้น? ฮวาลิน ถูกคนร้ายทำร้ายร่างกายที่ลานจอดรถ...ในมือคนร้ายมีเหล็กแหลม / มีภาพประกอบ”
“[คุยข่าวดารา] ฮวาลิน ถูกสตอล์กเกอร์ทำร้ายร่างกาย...ต้นสังกัดเผย ‘โชคดีที่เธอไม่ได้รับบาดเจ็บ’”
“การ์ดเข้าชาร์จทันเวลาพอดี...ฮวาลิน ถูกคนร้ายถือเหล็กแหลมเข้าจู่โจม”
ข่าวคราวจู่โจม บุกเบิกพื้นที่สื่อบันเทิง จนกลายเป็นเรื่องใหญ่โตเพียงชั่วข้ามคืน
“แฟนคลับโรคจิตอีกแล้ว? หลังจากนี้ตารางงานของฮวาลินจะเป็นอย่างไร?”
“ตำรวจเผยความคืบหน้าคดีทำร้ายร่างกายฮวาลิน ‘อยู่ระหว่างสืบสวน รวบรวมหลักฐาน’”
“[แถลงการณ์อย่างเป็นทางการ] ต้นสังกัด JML ประกาศดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดกับผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายฮวาลิน”
“JML ประกาศกร้าว ไม่ว่ากรณีใด ๆ จะไม่มีการยอมความให้กับสตอล์กเกอร์และแฟนคลับโรคจิตอีกต่อไป”
“‘นี่ไม่ใช่แฟนคลับ แต่มันคืออาชญากร!’ แฟนคลับของ Elani เดือดดาล”
นั่นหมายความว่า ผู้คนมากมายสามารถรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ตัวของฮวาลิน หรือแฟนคลับของวง ‘Elani’ เท่านั้น แต่สาธารณชนมากมายต่างก็แสดงความโกรธเคืองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“อะไรนะ มีดแทง? มีดแทงงั้นเหรอ? ไอ้บ้านี่มันบ้าไปแล้ว ว้อยยยยย”
“ขยะแขยงชะมัด555555 นี่ไม่ใช่แฟนคลับหรอก มันฆาตกรชัด ๆ”
อาจเป็นเพราะความตั้งใจของต้นสังกัดของเธอ ประกอบกับความรุนแรงและน่าตกใจของเหตุการณ์ ทำให้ข่าวแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
"ฮืออออ พี่ฮวาลินคงตกใจแย่เลย ไอ้สารเลว อยากจะกระทืบมันซักที"
"ดูข่าวแล้วขนลุกเลย คนที่เห็นมีดแทงพุ่งเข้ามาหาตัวเองแบบนั้น คงฝันร้ายทุกคืนแน่"
"ไม่ใช่แฟนคลับปปปป แต่มันคืออาชญากรรรรรร"
"เหี้ยนี่มันชัคกี้หรือไงวะ"
"อย่าไปเห็นใจมันเด็ดขาด ที่ผ่านมามันถึงได้ใจไง ไอ้พวกโง่เง่าที่ไม่รู้จักความกลัว"
"น่ากลัววววว"
"เอ๊ะ แต่ใครช่วยไว้วะ ในข่าวเห็นการ์ดรวบตัวไว้อยู่นี่"
"ก็การ์ดรวบตัวไว้ไง"
"(ลิงค์)นี่ เข้า Youtube ไปดู สรุปเหตุการณ์คือแบบ โคตรหลอนเลยว่ะ หลักฐานในกล้องมีแต่รูปฮวาลินเป็นร้อย ๆ รูป กลัวกลัวกลัวกลัวกลัว"
"555555 โอ้ย ในชีวิตนี้ต้องมาอ่านข่าวแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย 55555555"
"พี่สาวฮวาลินㅠㅠㅠ คงจะเบื่อโลกบันเทิงเต็มทนเลย......"
เรื่องราวไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในบางกลุ่ม แต่กลับแพร่กระจายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ไม่ว่าจะเป็น Youtube คอมมิวนิตี้ หรือแม้แต่ SNS จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต ท่ามกลางกระแสความเกรี้ยวกราด ฮวาลิน ได้โพสข้อความผ่าน SNS ส่วนตัวของเธอ
『ฮวาลิน ส่งข้อความผ่าน SNS ถึงแฟนคลับที่กำลังโกรธแค้น "ฉันไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะคะ" 』
ความโกรธแค้นของผู้คนยิ่งทวีคูณ
ขณะเดียวกัน ณ ลานจอดรถใต้ดินแห่งหนึ่ง
บรรยากาศที่ดูคุ้นตา เมื่อลองเพ่งมองดูอีกครั้ง ที่นี่ก็คือลานจอดรถใต้ดินที่เกิดเหตุการณ์สะกดรอยตามฮวาลินเมื่อวานนี้เอง ยามค่ำคืนเช่นนี้ รถราจึงบางตาและเงียบสงัด
ทันใดนั้นเอง...
รถนำเข้าสีดำเงาวับจากบริษัท B จอดสงบนิ่งอยู่เบื้องหน้าประตูลิฟต์แก้ว รอคอยผู้เป็นนายราวกับสัตว์เลี้ยงแสนรู้ บุรุษร่างสูงวัยกลางคนในชุดสูทสีกรมท่าก้าวตรงมายังรถคันงาม มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าหนังสีดำสนิท บุคลิกของเขาแผ่รัศมีของความเฉียบแหลมและผ่านโลกมามาก ใบหน้าคมคร้ามบ่งบอกถึงอายุที่น่าจะแตะเลขสี่แล้ว
เมื่อบุรุษผู้นั้นลื่นไหลเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ เสียงถอนหายใจอย่างอ่อนล้าก็ดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก
"เฮ้อ เหนื่อยชะมัด"
เขาพึมพำกับตัวเอง ขณะที่สายตากวาดมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกมองหลัง มือหนาเอื้อมไปบิดกุญแจเตรียมสตาร์ทรถ แต่แล้วก็ต้องชะงัก
"อ๊ะ"
ราวกับนึกอะไรบางอย่างออก ชายหนาสกัดนิ้วชี้ลงบนหน้าจอมือถือที่เพิ่งหยิบขึ้นมา แอปพลิเคชันที่ปรากฏขึ้นคือกล้องหน้ารถคันหรู
"วันนี้ต้องลบอีกแล้วสินะ"
เขานึกถึงคำแนะนำที่เคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง การลบวิดีโอในกล้องติดรถยนต์เป็นประจำถือเป็นเรื่องที่ดี นิ้วเรียวแตะลงบนหน้าจออีกครั้ง ภาพวิดีโอที่บันทึกไว้ทั้งหมดเรียงรายปรากฏขึ้น แต่แล้ว
"เอ๋?"
ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เมื่อเลื่อนผ่านวิดีโอหนึ่งที่สะดุดสายตา ภาพที่บันทึกไว้จากด้านหน้ารถคันหรูนั้น ช่าง...
"อะไรเนี่ย?"
มันเหมือนกับฉากหนึ่งในหนังแอ็กชั่นไม่มีผิด และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น พระเอกในวิดีโอฉากนั้นคือ คังวูจิน!
-จบ-