ตอนที่ 522 ยิ้มโดยไม่พูดอะไร
“ไม่มีข้อโต้แย้ง”
“คุณเย่ ถือหุ้น 54% ดังนั้นแน่นอนว่าท่านเป็นประธานบริษัท”
“ช่างสมเหตุสมผลจริงๆ”
ผู้ถือหุ้นเหล่านี้เป็นพวกที่ชอบเปลี่ยนข้างตามสถานการณ์ ก่อนหน้านี้พวกเขาแค่นั่งดูสถานการณ์ แต่เมื่อได้ยิน เย่เฉิน พูดเช่นนี้ พวกเขาก็รีบตอบรับอย่างรวดเร็ว
“ดีมาก”
เย่เฉิน พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
เย่เฉิน หันไปมอง หลู เซิ่งเจี๋ย และประกาศเสียงดัง :
“งั้นเอาล่ะ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ในฐานะประธานของบริษัท ฉันขอปลด หลู เซิ่งเจี๋ย ออกจากทุกตำแหน่งที่เขาดำรงอยู่ในบริษัท!”
“ท่านประธานเย่ ทำได้ดีมาก”
“ฉันขอสนับสนุน ท่านประธานเย่”
ผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ แทบไม่รั้งรอให้ เย่เฉิน พูดจบ พวกเขารีบออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนเขาอย่างรวดเร็ว
“ท่านประธานเย่ พูดถูกจริงๆ”
“ฉันขอสนับสนุน ท่านประธานเย่ ล้านเปอร์เซ็นต์”
เมื่อเห็นว่า หลู เซิ่งเจี๋ย กำลังพลาดท่า ลูกน้องคนสนิทสองสามคนของ หลู เซิ่งเจี๋ย ก็รีบหักหลังเขาทันที และรีบหันมาสนับสนุน เย่เฉิน โดยพยายามที่จะไถ่โทษจากสิ่งที่พวกเขาทำไปเมื่อครู่
แต่น่าเสียดายที่พวกเขาคิดผิด
“รวมถึงตำแหน่งของคนพวกนี้ด้วย ปลดออกไปพร้อมกัน”
เย่เฉิน ชี้ไปที่ลูกน้องของ หลู เซิ่งเจี๋ย ที่เคยออกมาต่อต้านเขาก่อนหน้านี้
หากพวกเขาไม่ออกมาแสดงตัว เย่เฉิน อาจต้องเสียเวลาเล็กน้อยในการหาตัวพวกเขา แต่ตอนนี้พวกเขากลับยอมก้าวออกมาเอง ทำให้ เย่เฉิน ประหยัดเวลาไปไม่น้อย พวกเขานี่ช่างเป็นคนดีเสียจริงๆ..
เมื่อได้ยิน เย่เฉิน ประกาศแบบนั้น พวกพ้องของ หลู เซิ่งเจี๋ย ต่างรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลง
“ฉันคิดว่า ประธานหลู สามารถกลับบ้านไปพักผ่อนได้แล้วนะ”
เย่เฉิน พูดพร้อมมองไปที่ หลู เซิ่งเจี๋ย
อย่างไรก็ตาม ถ้า หลู เซิ่งเจี๋ย ยังคิดว่าจะได้ประโยชน์จากเงินปันผลของบริษัท เฟิงจี้ อินเตอร์แอคทีฟ ที่ เย่เฉิน ทำให้เติมโตขึ้น นั่นก็เป็นการคิดผิด มัน..ถือเป็นแค่ฝันลมๆ แล้งๆ
หากตอนนี้ เย่เฉิน ถือหุ้นมากพอ เขาคงควบรวม เฟิงจี้ อินเตอร์แอคทีฟ เข้ากับเซิ่งไห่ เอนเตอร์เทนเมนท์ ไปแล้ว
ตามกฎการควบรวมกิจการ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจออกเสียงมากกว่า 2 ใน 3 ซึ่งตอนนี้ เย่เฉิน ถือหุ้นเพียง 54%
แต่เมื่อ เย่เฉิน ซื้อหุ้นเพิ่มขึ้น เขาจะควบรวม เฟิงจี้ อินเตอร์แอคทีฟ ได้โดยไม่ต้องสนใจว่า หลู เซิ่งเจี๋ย จะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
เย่เฉิน จะให้เงิน หลู เซิ่งเจี๋ย บางส่วน และเขาจะถูกเตะออกไปอย่างสมบูรณ์ ไม่เหลือความเกี่ยวข้องใดๆ กับบริษัทอีกเลย
“เฮ้อ...”
หลู เซิ่งเจี๋ย ถอนหายใจอย่างหนัก เขาดูแก่ชราลงทันที
เขามองไปที่ เย่เฉิน ด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน และหันมองดู เฟิงจี้ อินเตอร์แอคทีฟ ที่เคยยิ่งใหญ่ของเขา จากนั้นเขาก็ลุกขึ้น และเดินออกไปด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง
เมื่อเขาออกไป ไม่มีใครส่งเขาเลย ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่ทุกคนต่างต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น
ภายใต้คำสั่งของ เย่เฉิน แผนกบุคคลของบริษัทเริ่มกระบวนการปลดคนสนิทของ หลู เซิ่งเจี๋ย ออกทั้งหมด
เมื่อเทียบกับ หลู เซิ่งเจี๋ย ที่ยังถือหุ้นอยู่ การปลดคนสนิทที่ไม่มีหุ้นเหล่านี้เป็นเรื่องง่ายมาก
หลังจากความวุ่นวายผ่านไปหนึ่งชั่วโมง สถานการณ์ใน เฟิงจี้ อินเตอร์แอคทีฟ ก็สงบลงในที่สุด
เพื่อเอาใจพนักงาน เย่เฉิน ในฐานะประธานบริษัท ได้จัดประชุมพนักงานขึ้น เขาประกาศว่านอกจากลูกน้องคนสนิทของ หลู เซิ่งเจี๋ย แล้ว พนักงานคนอื่นๆ จะไม่ถูกไล่ออก เพื่อที่พวกเขาจะทำงานต่อไปได้อย่างสบายใจ
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา เรื่องของ เฟิงจี้ อินเตอร์แอคทีฟ ก็จบลงโดยสมบูรณ์ เย่เฉิน จึงออกจากบริษัท
หลังจากทานอาหารกลางวันแล้ว เย่เฉิน ก็เดินทางไปยังบ้านตระกูลซู แต่กลับพบว่า คุณปู่ซู และพ่อของ ซู หนิงซวง ต่างก็มีธุระต้องไปต่างเมืองไม่ได้อยู่บ้าน
อย่างไรก็ตาม เย่เฉิน ทราบว่าแม่ของ ซู หนิงซวง ได้กลับมาที่หางโจวแล้ว
ก่อนหน้านี้ เพื่อดูแล ซู หนิงซวง แม่ของเธอได้กลับไปที่เจียงโจว แต่ตอนนี้ ซู หนิงซวง กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ และเย่เฉิน ก็ดูแลเธออยู่
แม่ของ ซู หนิงซวง จึงย้ายกลับมาที่หางโจวเพื่ออยู่กับสามีของเธอ
เมื่อมีเวลาว่าง เย่เฉิน จึงตัดสินใจไปเยี่ยมแม่ของ ซู หนิงซวง แน่นอนว่าเขายังต้องเตรียมของขวัญไปด้วย
อีกด้านหนึ่ง ที่บ้านของ ซู หนิงซวง มีเพื่อนบ้านสองสามคนกำลังนั่งคุยกับแม่ของเธอ
“ลูกชายของฉันเพิ่งจะปิดดีลโครงการมูลค่ากว่า 100 ล้านไปเมื่อไม่นานมานี้”
คุยกันไปคุยกันมาก็เข้าสู่หัวข้อเรื่องลูกๆ หลานๆ ของพวกเขา
“ชิ เรื่องนั้นไม่เท่าไหร่หรอกน่า ลูกเขยของฉันสิที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เพื่อนบ้านหญิงร่างท้วมคนหนึ่งก็ไม่ยอม รีบพูดทันที
“บริษัทที่ลูกเขยของฉันก่อตั้งเมื่อสองปีก่อน เพิ่งจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ปีนี้ มีมูลค่าหลายหมื่นล้านเลยเชียวนะ”
“อะไรนะ?”
“หลายหมื่นล้านเชียวหรือ เก่งมากๆ เลยนะเนี่ย?”
“ตอนนี้มีมูลค่าหลายหมื่นล้านแล้ว อย่างนี้อนาคตมีโอกาสแตะหลักแสนล้านเลยไหมเนี่ย?”
คนอื่นๆ ต่างตกใจกับคำพูดของหญิงร่างท้วม
ขณะที่แม่ของ ซู หนิงซวง ที่นั่งฟังเรื่องราวทั้งหมด เธอก็ทำเพียงยิ้มๆ แต่ไม่พูดอะไร
แต่คิดๆ แล้ว หนิงซวง กับเย่เฉิน ก็ไปเซี่ยงไฮ้กันมาพักหนึ่งแล้ว เธอน่าจะหาเวลาไปเยี่ยมพวกเขาสักหน่อย
ไม่รู้ว่าพวกเขาใช้ชีวิตที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง?
แม่ของ ซู หนิงซวง คิดถึงเรื่องอื่นไปแล้ว
ติ๊งต่อง..
ในขณะนั้น เสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น
แม่ของ ซู หนิงซวง จึงไปเปิดประตู เมื่อเธอเปิดประตูบ้านก็พบว่า คนที่มาเยือนคือ ..เย่เฉิน เธอก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“เสี่ยวเฉิน?”
“สวัสดีครับคุณป้า”
เย่เฉิน ทักทาย
“เข้ามาข้างในสิ”
แม่ของ ซู หนิงซวง เชิญ เย่เฉิน เข้ามาในบ้าน จากนั้นจึงแนะนำเขาให้เพื่อนบ้านรู้จักโดยคร่าวๆ
“เสี่ยวเฉิน เธอไม่ได้เรียนอยู่ที่เซี่ยงไฮ้หรือ ทำไมถึงมาหางโจวได้ล่ะ?”
แม่ของ ซู หนิงซวง ถามอย่างสงสัย
ก่อนหน้านี้เธอกำลังคิดอยู่เลยว่าจะหาเวลาไปเยี่ยม เย่เฉิน และซู หนิงซวง ที่เซี่ยงไฮ้ แต่ไม่นาน เสี่ยวเฉิน ก็มาเยี่ยมเธอถึงที่
“ผมมาที่นี่เพราะมีเรื่องธุรกิจที่ต้องจัดการนิดหน่อยนะครับ”
เย่เฉิน ตอบไปตามตรงโดยไม่ปิดบังอะไร
“วันนี้ผมลามาครับ หนิงซวง น่าจะยังเรียนอยู่”
“อย่างนี้นี่เอง”
แม่ของ ซู หนิงซวง พยักหน้า และยกชาให้ เย่เฉิน หนึ่งถ้วย
ธุรกิจ?
เพื่อนบ้านที่นั่งอยู่ตรงนั้นได้ยินแล้วต่างก็จับประเด็นได้อย่างรวดเร็ว
ไม่ถูกต้องนี่นา ตามที่แม่ของ ซู หนิงซวง บอก ลูกเขยคนนี้ควรจะยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอยู่ไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงมีธุรกิจได้ล่ะ?
“เสี่ยวเฉิน เธอทำธุรกิจตั้งแต่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเหรอ?”
เพื่อนบ้านคนหนึ่งถามด้วยความสงสัย
“ใช่ครับ ผมทำธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ”
เย่เฉิน ตอบอย่างถ่อมตัว
แม้จะเป็นธุรกิจเล็กๆ แต่การทำธุรกิจไปพร้อมกับการเรียนมหาวิทยาลัยไปด้วยก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก
เพื่อนบ้านต่างรู้สึกประทับใจ และชื่นชมไม่น้อย
“แม่ของ หนิงซวง หาลูกเขยได้ดีจริงๆ”
“สายตาของ หนิงซวง ไม่เลวเลยนะ”
เพื่อนบ้านต่างมีความประทับใจในตัว เย่เฉิน มาก เขาทั้งหนุ่ม และประสบความสำเร็จ แถมยังมีมารยาทดี ดังนั้นพวกเธอจึงกล่าวชื่นชมเขาไม่ขาดปาก
เมื่อเห็นว่าเพื่อนบ้านชื่นชมลูกเขยของเธอ แม่ของ ซู หนิงซวง ก็พลันยิ้มอย่างภาคภูมิใจขึ้นบนใบหน้า
มีเพียงหญิงร่างท้วมคนนั้นที่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้ทุกคนยังโฟกัสที่ลูกเขยของเธออยู่เลย แต่พอ เย่เฉิน เข้ามาปุ๊บ ความสนใจก็ถูกดึงไปที่ลูกเขยของบ้านซูในทันที
ลูกเขยของบ้านตระกูลซูนั้นก็ดูดีอยู่หรอก แต่ถ้าเทียบกับลูกเขยของเธอแล้ว ก็ยังด้อยกว่ามาก!
หญิงร่างท้วมยิ้มเยาะเล็กน้อย และถามอย่างสงสัย :
“เสี่ยวเฉิน เธอมาหางโจวจัดการธุรกิจอะไรล่ะ?”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ แค่ซื้อหุ้น เฟิงจี้ อินเตอร์แอคทีฟ นิดหน่อยเท่านั้นครับ”
เย่เฉิน ตอบ
คนอื่นๆ ที่นั่งฟังอยู่ต่างก็ไม่รู้จักบริษัทนี้ พวกเขาไม่คุ้นเคยกับวงการบันเทิง ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกตกใจอะไรมาก
มีเพียงเพื่อนบ้านคนหนึ่งที่อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ :
“เฟิงจี้ อินเตอร์แอคทีฟ นั่นมันบริษัทที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านไม่ใช่หรือ?”
บริษัทที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้าน?!
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา.. ทันใดนั้นบรรยากาศในห้องก็เงียบลงอย่างกะทันหัน
นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนเลย พวกเขายังคิดว่า เฟิงจี้ อินเตอร์แอคทีฟ นั้นเป็นเพียงแค่บริษัทธรรมดาๆ เท่านั้น?
และอันที่จริงแล้ว.. ลูกเขยของบ้านตระกูลซูซื้อหุ้นในบริษัทที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้าน ธุรกิจของเขามีขนาดใหญ่ขนาดไหนกันแน่?!
มูลค่าหลายพันล้าน หรือหลายหมื่นล้าน?