OS ตอนที่ 41 การเจรจาต่อรอง
เอเดรียนตื่นแต่เช้าพร้อมกับนวดขาของเขาและพยายามขยับขา เขาทำแบบนี้ทุกเช้าและพบว่ามันได้ผลแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่มันก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนแรกเขาขยับขาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาขยับขาได้บ้างแล้ว แต่ไม่มากจนเดินเองได้
วันนี้เป็นวันตรวจติดตามอาการของเขา และพ่อแม่ของเขาจะขับรถพาเขาไปหาหมอในวันนี้ ซึ่งในวันนี้เป็นวันที่เขาจะบอกพ่อแม่ของเขาเกี่ยวกับแผนการของเขา
เนื่องจากพวกเขาทานอาหารเช้าพร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่แล้ว เขาจึงบอกแผนใหญ่ของเขากับพวกเขา โดยหวังว่าพวกเขายกเลิกการเล่นเกม 8 ชั่วโมงเพื่อที่เขาจะได้เล่นเกมได้ 12 ชั่วโมงทุกวันแทน
ด้วยปัญหาสุขภาพที่อาจตามมาจากการเล่นเกมนาน ๆ ทางผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของโลกจึงได้ออกคำเตือนอย่างเข้มงวด ว่าให้เล่นเกมได้ไม่เกิน 12 ชั่วโมงต่อวัน
แม้ว่าทางบริษัทแอดลาสจะโต้แย้งว่า 15 ชั่วโมงก็ยังถือว่าโอเคสำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก็ยืนหยัดในจุดยืนของตน เพราะนั่นคือค่าเฉลี่ยของเกมเสมือนจริงในอดีตที่สร้างขึ้น และแพนดีโมเนียมไม่มีข้อยกเว้น
ทางบริษัทแอดลาสก็ยอมรับกฎดังกล่าวเพื่อให้พวกเขาสามารถเปิดตัวเกมแพนดีโมเนียมได้ ถึงแม้จะมีข้อจำกัดเรื่องเวลาเข้าเล่นเกม แต่ตัวเกมก็คงยังเติบโตได้ดี
เอเดรียนกระโดดขึ้นรถเข็นลอยฟ้า และลอยไปยังบริเวณโต๊ะทานข้าว เขาขอบคุณผู้ที่ประดิษฐ์รถเข็นพิเศษนี้ขึ้นมาจริง ๆ มันเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเขาได้มาก แถมราคาก็ยังเหมาะสมกับฟังก์ชั่นการทำงานของมันอีกด้วย
เมื่อเอเดรียนมาถึงโต๊ะ โต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารเช้าและข้าวแล้ว ข้าวคือชีวิตซึ่งเป็นคติประจำใจของเอเดรียน ครอบครัวเริ่มรับประทานอาหารและเพลิดเพลินกับอาหารเป็นอย่างดี ในระหว่างนั้น เอเดรียนก็เริ่มบทสนทนาขึ้นว่า
"พ่อครับ วันนี้พ่อดูหล่อมากเลยนะครับ" เอเดรียนพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มขณะมองดูพ่อของเขา
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกของเขาพูด พ่อของเขาจ้องกลับไปทางเอเดรียนทันที เอเดรียนมองแม่ของเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเช่นเดียวกันและพูดขึ้นว่า
"แม่เอง ก็สวยมากเหมือนกัน"
เมื่อเอเดรียนพูดคำเหล่านั้น พ่อแม่ของเขาทั้งสองก็จ้องมองเขา และพวกเขาไม่สามารถทานข้าวได้ต่อไป พวกเขาวางช้อนส้อมลง และพูดพร้อมกันว่า
“ไม่”
“เอ๊ะ! แต่ผมยังไม่ได้บอกเลยว่ามันคืออะไรเลยนะ” เอเดรียนคัดค้าน
“ถ้าเป็นเรื่องเงินแน่นอนว่าไม่ และถ้าเป็นเรื่องอื่นก็คงจะไม่อยู่ดี” แม่ของเขาพูด
‘หรือจริง ๆ แล้ว แม่จะเป็นหมอดู น่ากลัวจังเลย’ เอเดรียนคิด
จากนั้น เอเดรียนก็บอกแผนของเขาให้พวกเขาฟัง
“ผมแค่คิดว่าเราน่าจะยกเลิกข้อจำกัดเวลาเล่นเกมของผม” เอเดรียนพูดด้วยสายตาเหมือนลูกสุนัข
“พูดต่อสิ เรากำลังฟังอยู่” พ่อของเขาโพล่งขึ้นมา
“ผมสงสัยว่าพ่อแม่จะให้ผมเล่นเกมได้เต็มชั่วโมงที่สุดที่สามารถเล่นได้มั้ยครับ? และผมจะจ่ายค่าใช้จ่ายสำหรับเครื่องเล่นเกมเอง นะ ๆ อนุญาตให้ผมเถอะนะ”
เอเดรียนพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง
พ่อแม่ของเขาสบตากัน และพวกเขาอาจจะตกลงกันด้วยสายตา โดยพ่อของเขาเป็นคนพูดก่อนว่า
“เราจะฟังความคิดเห็นของหมอก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ” พ่อของเขารับปาก
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ พวกเขาก็ออกเดินทางไปยังคลินิก
...
ณ เมืองแห่งหนึ่งในแพนดีโมเนียม ผู้นำกิลด์จากกิลด์ต่าง ๆ ได้มาพบกัน ในห้องลับในผับที่ไม่มีใครเข้าไปได้ เว้นแต่จะพูดรหัสผ่านพิเศษ
มีผู้นำกิลด์จากกิลด์ต่าง ๆ สามคน และรองผู้นำกิลด์ของพวกเขามารวมตัวกันเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ กิลด์ชั้นนำทั้งสามนี้เคยปรากฏตัวในเกมอื่น ๆ มาก่อน และพวกเขาก็ยังคงครองความยิ่งใหญ่อย่างไม่มีขอบเขตมาตลอดจนมาถึงเกมนี้ สาเหตุที่พวกเขาทำเช่นนั้น เนื่องจากสมาชิกกลุ่มหลักของพวกเขาต่างก็เป็นเกมเมอร์มืออาชีพ
หัวหน้ากิลด์คนแรกเป็นผู้หญิงที่เลือกเผ่าเอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์เริ่มต้น เธอมีผมสีเขียวและดวงตาสีเขียวมรกต เธอสวยมากและยังเป็นที่รู้จักในฐานะสาวงามอันแสนเย็นชา เพราะเธอไม่ค่อยแสดงอารมณ์กับคนอื่นเห็น แม้จะเป็นคลิปจากทางกิลด์ของเธอก็ตาม
เธอเป็นหัวหน้ากิลด์ของกิลด์เอเวอร์กรีน เธอมีชื่อว่า อนาสตาเซีย เธอสวมชุดนักบวชสีขาวพร้อมงานปักทองและลวดลายอึกก์ดราซิลล์[1]จากต้นไม้แห่งชีวิต
ปัจจุบันเธอเป็นนักพยากรณ์แห่งโบสถ์แห่งชีวิต ซึ่งนักพยากรณ์เป็นหนึ่งในเส้นทางสายอาชีพที่สองของนักบวช ซึ่งยากที่จะได้มาเพราะนักพยากรณ์ต้องได้ยินเสียงของเทพเจ้าที่พวกเขารับใช้เพื่อที่จะกลายเป็นนักพยากรณ์
ข้าง ๆ เธอคือรองหัวหน้ากิลด์ของเธอคนหนึ่งคือ มาริโปซ่า มีอาชีพเป็นอินเซคท์โตแมนเซอร์ เธอเลือกเผ่าเอลฟ์เช่นกัน แต่ผมของเธอเป็นสีน้ำตาลและสีตาของเธอเป็นสีน้ำเงิน เธอสวมกิโมโนที่มีรูปลักษณ์เหมือนปีกผีเสื้อ และมีกิ๊บติดผมที่มีผีเสื้อสวยงามประดับอยู่
หัวหน้ากิลด์คนที่สองเป็นผู้ชาย จากรูปลักษณ์ของเขาอาจกล่าวได้ว่าเขามีอายุ 30 ปี และมีกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ เขามีผมสีแดงและตาสีน้ำตาล และมีออร่าที่บอกให้คนที่มองเขาต้องถอยออกไป
เขาเป็นหัวหน้ากิลด์อินเฟอร์นัม เขามีชื่อว่าซิกฟรีด กล่าวกันว่าสายอาชีพของเขาก็คือ นักรบดาบ ซึ่งหนึ่งในเส้นทางสายอาชีพที่สองของนักรบ
เนื่องจากตัวละครของเขามาจากสายอาชีพนักรบ พวกเขาจึงต้องรับมือกับอาวุธหนักและชุดเกราะหนัก เขาสวมชุดเกราะหนักสีแดงซึ่งอาจต้องเปลี่ยนรูปลักษณ์โดยจ่ายเหรียญทองจำนวนหนึ่ง เพื่อให้เขาสามารถใช้งานมันได้ ด้วยรูปลักษณที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามทำให้เขาดูองอาจสมชายชาตรีมาก
ข้าง ๆ เขาก็คือรองหัวหน้ากิลด์อินเฟอร์นัม เขามีชื่อว่าเฟาสต์ เขามีผมสีเทาอมเงิน และสวมแว่นสายตาเดียว เขามีดวงตาสีดำที่ให้ความรู้สึกราวกับว่าสายตาของเขาสามารถทะลุผ่านวิญญาณของคุณได้
เขาสวมชุดคลุมสีแดงซึ่งบ่งบอกว่าเขาคือนักเวทย์ไฟ ซึ่งเป็นนักเวทย์ที่ผ่านการเลื่อนขั้นสายอาชีพที่สอง โดยเน้นไปที่เวทย์ไฟเป็นหลัก
หัวหน้ากิลด์คนที่สามเป็นผู้ชายวัยยี่สิบต้น ๆ และมีรูปลักษณ์ที่เทียบได้กับนายแบบ เขามีผมสีน้ำเงินอมเขียวและดวงตาสีทองสดใส รวมถึงสันกรามที่คมกริบพร้อมกับร่างกายที่อาจกล่าวได้ว่าถูกปั้นขึ้นโดยหัตถ์ของพระเจ้าเอง
เขามีชื่อว่า เอน เขาสวมชุดผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้สีน้ำเงินเหมือนกับตัวละครในอนิเมะ โดยชุดไม่มีแขนเสื้อเพื่อให้เห็นแขนที่กระชับไปด้วยมัดกล้ามของเขา
นอกจากนี้ เขายังมีผ้าพันแผลพันมือ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าเขาคือผู้ฝึกฝนการต่อสู้ ซึ่งเป็นการเลื่อนขั้นที่ของสายอาชีพนักรบ พวกเขามีคติประจำใจว่า 'ร่างกายคืออาวุธ'
ข้าง ๆ เขาคือรองหัวหน้ากิลด์ ซึ่งเป็นผู้หญิงที่มีสัดส่วนร่างกายอวบอิ่ม เธอมีผมสีดำและมีไฝใกล้ริมฝีปากล่างด้านซ้าย เธอมีบุคลิกของพี่สาวที่ร่าเริง และดวงตาของเธอโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว แต่บางครั้งเธอก็ลืมตา มันได้เผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลของเธอ
ชื่อของเธอคือ ไอชา เธอสวมชุดเกราะเบา และมีชื่อเสียงในฐานะนักล่าซึ่งเป็นการเลื่อนขั้นที่สองของสายอาชีพเรนเจอร์ เธอมีชื่อเสียงในด้านการใช้กับดักร่วมกับการยิงธนูและดาบสั้น ทั้งสองคนเป็นผู้บริหารระดับสูงของกิลด์เวเลอร์
พวกเขามาที่นี่เพื่อหารือเกี่ยวกับผู้เล่นที่ได้รับสายอาชีพพิเศษ ตามสายข่าวของพวกเขา กิลด์ทั้งสามไม่ได้มีผู้เล่นที่ข้อความโลกกล่าวถึงอยู่ในกิลด์ของพวกเขา
จากนั้น ซิกฟรีดก็พูดด้วยน้ำเสียงอันทรงพลังอย่างกะทันหันว่า
"อย่าแกล้งทำเป็นว่าเราไม่รู้ว่าเรามาที่นี่เพื่ออะไร ฉันแค่จะบอกว่าใครก็ตามที่พบผู้เล่นคนนั้นก่อน คน ๆ นั้นจะมีสิทธิ์ชักชวนเขาเข้ามาให้กิลด์เป็นคนแรก"
จากนั้น อนาสตาเซียก็ตอบกลับไปว่า
"ฉันเห็นด้วยกับสิ่งที่หัวหน้ากิลด์อินเฟอร์นัมพูด ใครมาก่อนได้ก่อน และกิลด์ที่พบเขาเป็นคนแรกจะต้องไม่รบกวนผู้เล่นคนนั้นเป็นเวลาสองวันหลังจากทำการชักชวนเขาไปแล้ว"
"หัวหน้ากิลด์เอเวอร์กรีนพูดราวกับว่าคุณจะพบผู้เล่นคนดังกล่าวเป็นคนแรก" เอนโต้แย้งและเยาะเย้ยอนาสตาเซียในเวลาเดียวกัน แต่เขาก็ไม่พูดอะไรอีก
เฟาสต์จึงพูดถึงคสามคิดเห็นของเขาขึ้นมาว่า
"แล้วใครก็ตามที่พบผู้เล่นก่อนจะมีสิทธิ์พูดก่อน โดยเนื้อหาที่จะพูดต้องไม่พาดพิงถึงกิลด์อื่น และคนอื่น ๆ จะมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้เล่นคนดังกล่าว หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน" เฟาสต์แนะนำ
หัวหน้ากิลด์ทุกคนพยักหน้าตามข้อเสนอแนะของเฟาสต์ จากนั้น ไอชาก็พูดแทรกขึ้นมาว่า
"แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผู้เล่นคนนั้นปฏิเสธข้อเสนอของพวกเรา?"
จากนั้น ซิกฟรีดก็พูดว่าเขาจะยอมรับการตัดสินใจของผู้เล่น และจะไม่รบกวนเขา หัวหน้ากิลด์เอเวอร์กรีนกับหัวหน้ากิลด์เวเลอร์ก็มีความคิดเห็นเช่นเดียวกับหัวหน้ากิลด์อินเฟอร์นัม
การกดดันคนที่ไม่ต้องการอยู่ในกิลด์มันไม่ใช่เรื่องดี
พวกเขายังตกลงกันว่าหากพวกเขาพบผู้เล่น พวกเขาจะแบ่งปันข้อมูลนั้นเฉพาะในแวดวงเครือข่ายสังคมของพวกเขาเท่านั้น โดยจะไม่แบ่งปันข้อมูลนี้ได้กับกิลด์อื่น
ใครจะรู้ว่าผู้เล่นระดับสูงที่ไม่ได้สังกัดเดียวกับเครือข่ายของพวกเขา อาจจะคว้าตัวผู้เล่นคนนั้นไปก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ไม่กังวลอยู่ดี เพราะพวกเขาเป็นผู้เล่นมืออาชีพอยู่แล้ว
ในขณะเดียวกัน ผู้เล่นคนดังกล่าวไม่ได้ล็อกอินเข้าเกมด้วยซ้ำ แต่กลับมุ่งหน้าไปพบหมอที่นัดไว้แทน
[1] มหาพฤกษาในตำนานอันเป็นแกนกลางของจักรวาลนอร์สและเชื่อมต่อโลกทั้งเก้า