131 - ตอนเป็นขันที
131 - ตอนเป็นขันที
“ไม่ไหวแล้ว ข้าดื่มไม่ได้อีกแล้ว”
“ไม่เป็นไร เหล้าเผาดาบยิ่งดื่มก็ยิ่งสนุก!”
โหวหยงยื่นจอกเหล้าไปที่ปากของหลี่จิ้งหยา
หลังจากดื่มจอกที่สองเข้าไป หลี่จิ้งหยาก็เริ่มเมา
นางแทบไม่ได้กินอาหารเลย และแทบจะดื่มเหล้าขณะท้องว่าง ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม นางก็คงจะเมาหมดสติไป
เมื่อเห็นว่าหลี่จิ้งหยากำลังเมามาย โหวหยงก็ยิ้มและย้ายไปนั่งใกล้ๆ นาง
กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวของหลี่จิ้งหยาทำให้โหวหยงรู้สึกหลงใหล
“จิ้งหยาเม่ย เจ้าเหมือนจะเมาแล้วนะ”
“ข้าบอกแล้วว่าข้าดื่มไม่เก่ง!”
หลี่จิ้งหยากล่าวพร้อมสะอึกด้วยเสียงเมา
“ฮ่าๆๆ ดื่มบ่อยๆ แล้วจะเก่งขึ้นเอง!”
โหวหยงกล่าวไปพลาง เทเหล้าใส่จอกของนางอย่างเงียบๆ “ดื่มน้ำหน่อยเถอะ”
หลี่จิ้งหยาไม่ทันสังเกตว่าเขาแอบใส่เหล้าแทนน้ำ นางหยิบจอกขึ้นมาแล้วดื่มรวดเดียว
แต่ทันทีที่นางดื่มเข้าไป ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดง “นี่ เจ้าให้ข้าดื่มเหล้า ไม่ใช่น้ำ!”
โหวหยงแสร้งทำหน้าตกใจ “ไม่มีทาง ข้าเทน้ำให้เจ้านะ ขอโทษที ข้าคงมองผิด เอาจอกเหล้ามาแทนเหยือกน้ำ!”
หลี่จิ้งหยารู้สึกมึนหัวอย่างหนัก เหล้าเผาดาบรุนแรงกว่าเหล้าซานเล่อเจียงมาก
“ข้าเมาแล้ว โหวหยง พาข้ากลับบ้านที!”
นางกล่าวพลางนวดศีรษะของตัวเอง
โหวหยงหัวเราะและกล่าวว่า “อย่าเพิ่งรีบเลย กงซุนชงกับตู้โหยวเว่ยยังมาไม่ถึงเลย!”
“ไม่ไหวแล้ว ข้าเมาจริงๆ!”
หลี่จิ้งหยาพยายามลุกขึ้นยืน แต่โหวหยงจับมือนางไว้เบาๆ และเมื่อเขาดึงนาง นางก็ล้มลงกับพื้นทันที โหวหยงจึงโอบร่างนางไว้
กลิ่นกายหอมหวานของหญิงสาวกระตุ้นอารมณ์ของโหวหยงที่ไม่ได้ใกล้ชิดผู้หญิงมาหลายวัน
“ปล่อยข้า!”
แม้ว่าหลี่จิ้งหยาจะเมา แต่ยังมีสติอยู่
“จิ้งหยาเม่ย เจ้าเมาแล้ว ข้าก็แค่โอบเจ้าไว้นิดหน่อย ไม่มีอะไรหรอก!”
โหวหยงโอบเอวของหลี่จิ้งหยาด้วยมือทั้งสองข้าง ขณะที่ผิวคอขาวเนียนของนางก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
“ไม่เอา ปล่อยข้า โหวหยง ถ้าเจ้าไม่ปล่อย ข้าจะโกรธจริงๆ แล้วนะ!”
โหวหยงกลอกตาและล้มตัวลงกับพื้นโดยมีร่างของเขาทับอยู่บนตัวของหลี่จิ้งหยา “ไม่ไหวแล้ว เหล้าเผาดาบนี้รุนแรงมาก ข้าก็เมาเหมือนกัน!”
หลี่จิ้งหยารู้สึกทั้งอับอายและตกใจ “โหวหยงเจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ข้าไม่ได้โง่นะ ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
มือของโหวหยงเริ่มซุกซนไปตามร่างกายของหลี่จิ้งหยาทำให้นางน้ำตาคลอด้วยความอับอาย นางพยายามผลักเขาออก แต่นางเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง นางไม่อาจสู้แรงโหวหยงที่เป็นขุนพลของกองทัพได้
“โหวหยง หากเจ้าไม่อยากให้ข้าเกลียดเจ้าตลอดชีวิต ก็ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
"ข้าจะยอมให้เจ้าชังข้าไปชั่วชีวิต ข้าก็ไม่อยากให้ตัวเองต้องเสียใจไปตลอดชีวิต!"
ดวงตาของโหวหยงเริ่มแดงก่ำ ตอนนี้เขามีความคิดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือการครอบครองหลี่จิ้งหยา!
สาวน้อยที่ยั่วยวนเช่นนี้ ช่างงดงามเกินทน!
"กงซุนชงและตู้โหยวเว่ยไม่ได้มาที่นี่ใช่ไหม? แล้วอีกอย่าง อ๋องฟู่บอกว่า พ่อของเจ้าได้ร้องขอจากฝ่าบาทเพื่อแต่งงานกับองค์หญิงรอง"
"ใครจะไปอยากแต่งงานกับนาง นางไม่มีค่าอะไร ข้าชอบเจ้าอยู่เสมอ นี่เป็นเพราะท่านพ่อที่บังคับให้ข้าต้องแต่งงานกับนาง!" โหวหยงกล่าวด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน "ให้ข้าเถอะ จิ้งหยาเม่ยเม่ย ข้าจะไม่แต่งงานกับองค์หญิงรอง ข้าจะแต่งงานกับเจ้าเท่านั้น ข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีไปตลอดชีวิต!"
"เพี๊ยะ!"
หลี่จิ้งหยาตบหน้าโหวหยงเต็มแรง "พี่สาวหย่งเหอไม่ใช่คนที่เจ้าเอ่ยถึงแบบนั้น! โหวหยง เจ้าตัดใจได้เลย ข้าไม่ชอบเจ้า ถ้าเจ้ากล้าทำร้ายข้า ข้าจะให้ฝ่าบาทสั่งประหารเจ้าเก้าชั่วโคตร!"
ตบนี้ทำให้โหวหยงโกรธจัด จากที่เขารู้สึกกลัวเล็กน้อย ความปรารถนาและความโกรธเข้ามาครอบงำจนไม่อาจถอยได้แล้ว
ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็ตัดสินใจทำให้มันจบ เขาหัวเราะอย่างชั่วร้ายและจับมือของหลี่จิ้งหยาด้วยความแน่น "ไปบอกเลยสิ! แต่สุดท้ายทุกคนก็จะรู้ว่าเจ้าก็ไม่ต่างจากคนที่ไร้ค่า ใครจะยอมแต่งงานกับเจ้า? มีแต่ข้าที่ไม่รังเกียจเจ้า!"
"โหวหยง ข้าโง่เองที่เคยเห็นเจ้าเป็นพี่ชาย เจ้ากลับเป็นสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง!" หลี่จิ้งหยาพยายามถีบ แต่เสื้อผ้าของนางก็เริ่มหลุดลุ่ย
ผิวเนื้อขาวนวลที่เห็นจากเสื้อผ้าทำให้โหวหยงกลืนน้ำลาย
"ช่วยด้วย!"
โหวหยงรีบเอามือปิดปากหลี่จิ้งหยาทันที อีกมือก็ไม่อยู่สุข
หลี่จิ้งหยารู้สึกสิ้นหวัง นางเริ่มมึนหัว และรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
ในขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังขึ้น "ขออภัยด้วยท่านผู้มีอุปการะคุณ ข้าคือผู้จัดการจากไห่ตี้เหลา ขออนุญาตเข้าไปได้ไหม?"
เสียงนั้นทำให้โหวหยงสะดุ้งโหยง
ส่วนหลี่จิ้งหยากลับรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงจากสวรรค์ นางอยากจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่มือของโหวหยงปิดปากของนางไว้แน่น
โหวหยงกระซิบเสียงต่ำข้างหูของนางว่า "เจ้าไม่อยากให้ฉินโม่เข้ามาเห็นเราในสภาพนี้หรอกใช่ไหม?"
เขาพยายามข่มขู่หลี่จิ้งหยาด้วยคำกล่าว แต่เขาประเมินความดื้อรั้นของนางต่ำเกินไป หรือบางทีเขาอาจไม่เคยเข้าใจนางอย่างแท้จริง
หลี่จิ้งหยายกเท้าถีบไปที่โต๊ะอย่างแรง ทำให้จานชามบนโต๊ะตกลงมาแตกกระจาย
ฉินโม่ที่คิดว่าคนข้างในคงไม่อยากเปิดประตูแล้วก็เริ่มถอดใจ แต่พอได้ยินเสียงโครมครามจากข้างใน เขาหยุดคิดแล้วเปิดประตูเข้าไปทันที เขาเห็นชายคนหนึ่งทับอยู่บนร่างของหญิงสาว
ฉินโม่ตกใจสุดขีด "ให้ตายเถอะ! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงไม่เปิดประตู ที่แท้ก็สนุกกันแบบนี้!"
แต่เมื่อเขาสังเกตดีๆ ก็เห็นว่าเป็นใคร เขาขมวดคิ้วทันที "โหวหยง? ชิงเหอจวิ้นจู่?"
โหวหยงสะดุ้งสุดตัว ใช้สายตาโกรธเกรี้ยวมองฉินโม่ "ใครให้เจ้าบุกเข้ามา? ไสหัวออกไป!"
ในขณะที่โหวหยงเสียสมาธิ หลี่จิ้งหยาก็ฉวยโอกาสดึงมือของเขาออกจากปาก "ฉินโม่ ช่วยข้าด้วย!"
โอ้โห! นี่มันคิดจะข่มขืนผู้หญิงนี่หว่า!
ฉินโม่ไม่อาจทนได้ เพราะสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิตก็คือพวกที่บังคับขืนใจผู้หญิง
"ไอ้เลวโหวหยง ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้ามันไม่ใช่ตัวดี!"
ฉินโม่รีบเดินเข้ามาคว้าคอเสื้อโหวหยง ก่อนจะรัวหมัดออกไปไม่ยั้ง
หลี่จิ้งหยาพยายามยันตัวขึ้นแล้วดึงเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย
"โอ๊ย! โอ๊ย! หยุดเถอะ! อย่าต่อยข้าแล้ว!"
โหวหยงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด "อย่าต่อยข้าแล้ว!"
"ข้าจะต่อยเจ้าให้ตายเลย ไอ้เวรเอ๊ย!"
ฉินโม่เกลียดชังโหวหยงมาตลอดอยู่แล้ว พอจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้ เขายิ่งมีเหตุผลที่จะลงมืออย่างไม่ยั้ง
"ฉินโม่ พอเถอะ ข้ากับจิ้งหยารักกัน!"
"ถุย! ใครจะไปรักคนชั่วอย่างเจ้าได้!"
ฉินโม่ชกต่อยใส่โหวหยงไม่ยั้ง จนโหวหยงหน้าตาบวมเป่งเหมือนหัวหมู
"ฉินโม่ มันพยายามขืนใจข้า ข้าไม่ได้รักมัน!"
หลี่จิ้งหยากล่าวอย่างโกรธแค้น
"ข้ารู้ เจ้านี่มันเลวมาก! ข้าจะลากมันไปหาท่านพ่อตา ให้ท่านท่านพ่อตาตอนมันเป็นขันทีซะเลย!"
…………..