บทที่ 723 สิ่งที่จางเหลียงทำ
นับตั้งแต่เฉินโม่ค้นพบว่ามู่เถาไปเปิดเผยเรื่องราวของเขาแก่เหล่าแม่ทัพคนอื่นๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนสำนักมั่วไถ เขาก็ไม่ได้ไปพบกับจางเหลียงอีกเลย
ปัจจุบันหนึ่งปีผ่านไปแล้ว
ระหว่างนี้ ไม่มีใครเปิดเผยถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่แม้แต่เนี่ยหยวนจือ ซึ่งเป็นผู้ดูแลของสำนักเซียนทั้งหมดที่เลือกจะหลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องนี้ เขารอให้เฉินโม่กลับมาที่หอถ่ายทอดวิชาอีกครั้ง
จางเหลียงเองก็เฝ้ารอเช่นกันและการรอคอยนี้กินเวลานานกว่าหนึ่งปี
เฉินโม่ยืนอยู่บนยอดเขาหยินเยว่ มองไปทางหอถ่ายทอดวิชา ก่อนจะกระโดดลงไปพลางเปลี่ยนร่างเป็นนกบินลงมาอย่างช้าๆ
บนลานหน้าหอถ่ายทอดวิชา ศิษย์รุ่นที่สี่ของสำนักมั่วไถนั่งสมาธิอยู่ พวกเขาฝึกหายใจตามการแนะนำของจางเหลียงเพื่อดูดซับพลังวิญญาณจากฟ้าดิน
ในขณะนี้ พลังวิญญาณรอบๆ เขาหยินเยว่หนาแน่นกว่าที่เคยอยู่ในเขตของสำนักมั่วไถหลายเท่า และการคัดเลือกศิษย์ใหม่ก็เข้มงวดมากขึ้น ทำให้ศิษย์เหล่านี้ไม่เพียงแต่มีความเข้าใจดีขึ้น แต่ยังมีจิตใจที่มั่นคงขึ้นมากด้วย
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้หากขาดความอดทนในการสอนซ้ำๆ ของจางเหลียง
ก่อนที่ศิษย์จะสร้างรากฐาน พวกเขาจะต้องฝึกกับจางเหลียงในหอถ่ายทอดวิชา และเมื่อสร้างรากฐานได้แล้ว พวกเขาจะถูกจัดไปตามความถนัด ความชอบและตามความต้องการของเหล่าผู้อาวุโส
เมื่อเฉินโม่ปรากฏตัวขึ้น ศิษย์ที่กำลังท่องบทสวดอยู่ก็หยุดลงทันที พวกเขาอาจไม่รู้จักผู้อาวุโสบางคน แต่ไม่มีทางที่จะไม่รู้จักท่านเจ้าสำนัก
ยิ่งไปกว่านั้นท่านเจ้าสำนักยังเป็นหนึ่งในหกคนที่ทรงอำนาจที่สุดในผิงตูโจว
หลังจากความเงียบผ่านไป จางเหลียงก็ลุกขึ้นช้าๆ
การไม่ได้พบกันนานกว่าหนึ่งปี ทำให้จางเหลียงดูแก่ลงไปอีก แม้ว่ายาว่านโส่วจะช่วยชะลออายุขัยของเขา ทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น แต่ก็ไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุ เพียงแค่ยืดอายุออกไปโดยไม่ได้ฟื้นฟูร่างกายของเขาให้แข็งแรง
สุดท้ายแล้ว เขาก็ยังต้องเผชิญกับความตาย
"ขอคารวะท่านเจ้าสำนัก"
เมื่อก่อน เฉินโม่เป็นแค่เด็กน้อย แต่ตอนนี้เขาเติบโตไปไกลจนจางเหลียงไม่อาจเข้าใจได้
หากไม่มีเหตุการณ์ของมู่เถา เมื่อได้พบกันอีกครั้งเขาอาจจะรู้สึกยินดีบ้าง
แต่ตอนนี้ แม้เขาจะทำงานหนักเพื่อฝึกศิษย์ของสำนักมั่วไถ แต่ในใจยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“ท่านผู้อาวุโสดูแก่ลงอีกแล้วนะ” เฉินโม่กล่าวขณะมองเส้นผมที่ขาวดุจนกกระเรียนของจางเหลียงด้วยความเสียดาย
“ถ้าไม่มีท่านเจ้าสำนัก ข้าคงตายไปนานแล้ว”
นี่คือสิ่งที่ทำให้จางเหลียงเจ็บปวดที่สุด
คนหนึ่งเป็นผู้มีพระคุณที่สำคัญยิ่งดั่งได้ชีวิตใหม่ ส่วนอีกคนเป็นคู่ชีวิตที่อยู่เคียงข้างเขาในช่วงเวลาที่เขาตกต่ำและยังให้กำเนิดบุตรสองคนแก่เขา
จางเหลียงรู้ว่าควรเลือกทางใด แต่ภายในใจเขายังคงลำบากที่จะก้าวข้ามเรื่องนี้ไปได้
“มีข้าอยู่ ท่านผู้อาวุโสอยากตายก็คงยาก” เฉินโม่หัวเราะเสียงดัง ก่อนจะหยิบยาวิหคเทพ ออกมาและส่งให้จางเหลียงด้วยตนเอง
“นี่คือยาในระดับสี่ ท่านกินหนึ่งเม็ดทุกเดือน เมื่อท่านหลอมมันแล้ว ร่างกายจะเริ่มฟื้นฟูขึ้นเหมือนกับน้ำที่ได้เติมลงในบ่อที่แห้งเหือด ราวกับต้นไม้แห้งที่ฟื้นคืนชีพ เมื่อถึงเวลานั้น ท่านก็สามารถเริ่มฝึกตนอีกครั้งได้”
อายุขัยของผู้ฝึกฝนในระดับขั้นทองอยู่ระหว่าง 300 ถึง 500 ปี แม้แต่จางเหลียงก็มีชีวิตอยู่ได้เพียง 400 ปีโดยใช้วิธีต่างๆ ในการยืดอายุ
แต่หากเขาทะลวงไปถึงขั้นปฐมภูมิ อายุขัยของเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
ไม่ว่าจะอย่างไร อายุขัยก็เป็นเรื่องรองไป การที่สามารถกลับไปฝึกตนได้ใหม่อีกครั้งต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุด!
จางเหลียงกุมขวดเซรามิกในมือไว้แน่น น้ำตาจุกในลำคอ
แต่เดิมเขาเตรียมใจจะตายไปพร้อมกับการสอนศิษย์ไปเรื่อยๆแต่ไม่คาดคิดว่าเฉินโม่จะมอบยาวิหคเทพให้เขา
“ขอบคุณ…ขอบคุณมากท่านเจ้าสำนัก”
“ท่านผู้อาวุโสทำงานเพื่อสำนักมาอย่างมากมาย สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ท่านสมควรได้รับ”
“เฮ้อ…”
จางเหลียงถอนหายใจยาว
เฉินโม่กล่าวต่อว่า “ท่านกินยาวิหคเทพไปก่อน เมื่อร่างกายท่านไม่ถูกจำกัดด้วยอายุขัยอีกต่อไป ค่อยไปรับยาวิญญาณเซียนเสริมพลัง ยานี้ท่านต้องไปเอาที่หอปรุงยาเอง สำนักของเราจะจัดหาให้ท่านแบบไม่จำกัด”
“ขอบคุณ...ขอบคุณ”
“รีบฝึกตนให้เต็มที่ ข้ายังจะพาท่านไปยังเป่ยโจว เพื่อเรียนรู้แนวคิดการสอนที่ก้าวหน้า หวังว่าท่านจะสามารถฝึกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมได้มากขึ้น”
จางเหลียงพยักหน้ารับแรงๆ ในใจเขารอคอยให้เฉินโม่ถามถึงเรื่องของมู่เถา
แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินโม่ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนั้นเลยแม้แต่นิด
เฉินโม่มาเร็ว ไปก็เร็ว การมอบยาและสนทนาของพวกเขาทั้งหมดอยู่ในสายตาของศิษย์ที่อยู่ในหอถ่ายทอดวิชา
คนที่ใกล้จะตาย ได้พลังฟ้าประทาน
นี่คือพลังอะไร?
ศิษย์เหล่านั้นที่เคยรู้สึกภูมิใจเพียงแค่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสำนักมั่วไถและจวนแม่ทัพ บัดนี้มีความรู้สึกตื่นเต้นที่ท่วมท้น
นี่แหละคือรากฐานของสำนัก นี่แหละคือความยิ่งใหญ่ของเจ้าสำนัก!
“ทุกคนฝึกต่อไปเถอะ” จางเหลียงโบกมือให้ศิษย์ทั้งหมด
วันนี้เขาไม่มีอารมณ์จะบรรยายธรรม
เขาเดินผ่านหอถ่ายทอดวิชาไปยังลานเล็กหลังหอ ซึ่งเป็นที่พักของเขา
เวลาผ่านไปนานหลายปี จางหยวนเซิงและจางหยวนฉีได้เติบโตเป็นเด็กหนุ่มที่หล่อเหลา ทั้งสองคนได้สัมผัสกับวิถีชีวิตในสำนักเซียนมาตั้งแต่เล็ก ทำให้บัดนี้พวกเขามีความแข็งแกร่งในระดับสร้างรากฐานขั้นหกถึงเจ็ด
ส่วนระดับขั้นทอง? คงอีกไม่นานเกินรอ
จางเหลียงเดินผ่านลานหน้าไปยังห้องเล็กๆหลังบ้าน
จางหยวนเซิงได้ยินเสียงเคลื่อนไหว พอหันกลับมาก็เห็นว่าพ่อของเขาเดินเข้ามาแล้ว
“ท่านพ่อ”
“อืม”
ในตระกูลจางมีธรรมเนียมที่ดี มู่เถาเองก็ทุ่มเททุกอย่างเพื่อลูกทั้งสองของนาง
จางเหลียงเดินเข้าไปหาหลายก้าว หญิงสาวผู้ซึ่งใบหน้ายังคงงดงามแม้กาลเวลาจะผ่านไปนอนอย่างสงบอยู่บนเตียงหิน
มู่เถานอนอยู่แบบนี้มากว่าหนึ่งปีแล้ว
ไม่ได้ตาย...แต่ก็ไม่ได้มีชีวิต
เวลาที่ผ่านมาเป็นปีนี้ ล้วนเป็นจางเหลียงที่ดูแลนาง
นี่เป็นทั้งการแสดงความรับผิดชอบต่อเฉินโม่และเป็นการปลอบใจสุดท้ายของเขา
“เจ้าลำบากมาก”
“ท่านพ่อ แม่จะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่?” จางหยวนเซิงและจางหยวนฉีไม่รู้ความจริง พวกเขาเพียงรู้ว่าแม่ของพวกเขาได้รับผลกระทบจากการฝึกวิชา
ความจริงที่โหดร้ายนี้ จางเหลียงไม่อาจบอกพวกเขาได้
“ใกล้แล้ว...ใกล้แล้วล่ะ”
“เราจะไปขอคำปรึกษาจากท่านเจ้าสำนักดีไหม? บางทีท่านอาจจะมีวิธีช่วยแม่ได้”
“วันนี้เขามาแล้ว และข้าก็บอกเขาไปแล้ว”
“จริงหรือ? แล้วท่านเจ้าสำนักมีวิธีช่วยแม่ไหม?” จางหยวนเซิงถามด้วยความตื่นเต้น
“น่าจะมี...”
บางครั้งคำโกหกไม่ทำร้ายคน แต่ความจริงต่างหากที่แสนเจ็บปวด
จางเหลียงไล่ลูกๆ ของเขาออกไป ก่อนจะนั่งลงเฝ้ามองมู่เถาอย่างสงบ
“เจ้าควรบอกข้าตั้งแต่แรก ท่านเจ้าสำนักจะเข้าใจเจ้า...”
(จบบท)