ตอนที่แล้วบทที่ 71: เจ้าส้มหายตัวไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 73: ไม้แข็งไม้อ่อน

บทที่ 72: คนดีและความดี


“ใช่ องค์หญิง ทำไมเราไม่กลับไปที่ขบวนกันก่อนล่ะเพคะ?” หลัวเซียวเซียวเองก็ช่วยสำทับอีกแรง “เราออกมากันนานแล้ว หว่านผินคงจะเป็นห่วง”

“และเจ้าส้มเองก็เป็นแมวที่ฉลาดมาก บางทีมันอาจจะกำลังมุ่งหน้ากลับไปที่ขบวนแล้วเพคะ”

มู่ไป๋ไป่ขมวดคิ้วปฏิเสธว่า “ไม่ได้ ข้าเป็นคนพาเจ้าส้มออกมา ข้าจะต้องพามันกลับไปด้วย”

ทันใดนั้นในสายตาของคนตัวเล็กก็เหลือบไปเห็นสุนัขสีเหลืองกำลังเดินผ่านไปผ่านมาบนถนน มันทำให้เธอเกิดความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาในใจ

โธ่! ทำไมฉันถึงได้โง่แบบนี้นะ ฉันลืมไปได้ไงว่าตัวเองฟังภาษาสัตว์รู้เรื่อง!

หลังจากมู่ไป๋ไป่คิดหาหนทางได้แล้ว เธอก็ไม่อยู่เฉยโดยสั่งให้องครักษ์กับหลัวเซียวเซียวรอเธออยู่ที่นี่ ก่อนจะวิ่งไปหาสุนัข

ขณะนี้สุนัขตัวนั้นกำลังแทะกระดูก ในไม่ช้ามันก็สังเกตเห็นรัศมีที่ไม่คุ้นเคยเข้ามาใกล้ มันจึงแยกเขี้ยวข่มขู่ผู้บุกรุกทันที

อย่างไรก็ตาม ชั่วอึดใจต่อมามันก็รับรู้ได้ถึงรัศมีที่ทรงพลังมากจากบุคคลที่เดินเข้ามาใกล้

มันเป็นรัศมีกดขี่ให้สิ่งมีชีวิตนับพันต้องยอมจำนน

“เอ๋ง!” สุนัขตัวใหญ่หางจุกก้นแล้วนอนหมอบตัวสั่นอยู่กับพื้นทันที

หลังจากที่มันกลิ้งลงไปนอน มันก็ได้หงายท้องที่ผอมแห้งของมันให้มู่ไป๋ไป่เป็นสัญญาณของการยอมจำนน

“ลุกขึ้น” เด็กหญิงนั่งลงแล้วจิ้มท้องของเจ้าเหลือง “ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้า”

“ท่านจ้าวอสูร...” เจ้าเหลืองลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่อฟังและแลบลิ้นออกมา “ท่านอยากจะถามข้าว่าข้าได้กระดูกมาจากที่ไหนหรือ? หากท่านจ้าวอสูรอยากกิน เชิญท่านเอาไปได้เลย ข้ายังสามารถไปเอามาได้อีก”

มู่ไป๋ไป่เหลือบมองกระดูกที่ไร้ชิ้นเนื้ออยู่บนพื้นก่อนที่มุมปากจะกระตุก “ข้าไม่อยากได้กระดูกของเจ้า ข้าแค่อยากจะถามเจ้าว่าเจ้าเคยเห็นแมวตัวอ้วนหรือไม่?”

“มันตัวประมาณนี้ และลายบนตัวของมันก็เป็นแบบนี้…”

คนตัวเล็กวาดรูปให้สุนัขสีเหลืองดูว่าเจ้าส้มหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วอธิบายว่า “พวกเราเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก มันไม่คุ้นเคยกับสถานที่นี้ และมันก็หายตัวไป ข้าจึงต้องการตามหาตัวมันให้พบ”

“ข้าไม่เคยเห็นแมวตัวนี้มาก่อน” เจ้าเหลืองเอียงคอตอบอย่างตรงไปตรงมา “แต่หากท่านต้องการตามหามัน ข้าสามารถช่วยท่านได้”

“ใช่แล้ว สุนัขอย่างเจ้ามีจมูกดีมาก” มู่ไป๋ไป่ปรบมือและรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแขนเสื้อที่เคยเช็ดน้ำลายให้เจ้าส้มแล้วยื่นให้เจ้าเหลืองดม

สุนัขตัวโตสูดกลิ่นเข้าไปจากนั้นก็มุ่งหาเป้าหมายโดยไม่รอช้า

ขณะนั้นเด็กหญิงได้เรียกองครักษ์กับหลัวเซียวเซียวให้ติดตามสุนัขสีเหลืองที่วิ่งผ่านตรอกไป เมื่อเธอกำลังสงสัยว่าเจ้าสุนัขตัวนี้จะตามหาเจ้าส้มได้หรือไม่ ถนนข้างหน้าก็ชัดเจนมากขึ้น

ตลาดอีกแห่งได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเธอและเห็นว่าเจ้าส้มนั่งอยู่บนหลังคาของร้านอาหารฝั่งตรงข้ามซึ่งกำลังพัวพันกับแมวขาวตัวหนึ่ง

มู่ไป๋ไป่มีประสาทสัมผัสการฟังเสียงที่ดีเยี่ยม เธอจึงได้ยินเสียงมันกำลังพูดบางสิ่งที่ฟังดูคลุมเครือ

“ข้าผู้นี้เป็นแมวทรงเลี้ยง เจ้ารู้หรือไม่ว่าแมวทรงเลี้ยงคืออะไร นั่นก็คือแมวที่ฮ่องเต้เลี้ยงเอาไว้ แต่ตอนนี้ทาสของข้าคือองค์หญิง”

“แต่ก็นับว่าไม่เลว ตราบใดที่เจ้าติดตามข้า ข้ารับรองได้ว่าเจ้าจะได้รับการปรนนิบัติอย่างดีและไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องของตัวเองอีกตลอดชีวิต...”

“ท่านจ้าวอสูร นั่นคือแมวที่ท่านกำลังตามหาใช่หรือไม่?” เจ้าเหลืองแลบลิ้นออกมาพลางกล่าวว่า “ข้าคิดว่ากลิ่นบนตัวของมันเหมือนกับกลิ่นบนผ้าของท่าน”

“ถูกต้อง ขอบใจเจ้ามาก” มู่ไป๋ไป่พยายามระงับโทสะของตัวเอง แล้วลูบหัวมันเบา ๆ เป็นการขอบคุณ ก่อนจะบอกองครักษ์ที่อยู่ข้างหลังว่า “ท่านไปซื้อเนื้อวัวดี ๆ มาสัก 2 จินแล้วเอาให้เจ้าเหลืองเป็นรางวัล”

หลังจากคนตัวเล็กกล่าวจบ เธอก็สะบัดแขนเสื้อเดินไปอีกด้านหนึ่งด้วยความโกรธ

เจ้าส้ม! เธอเดินจนขาแทบหักเพื่อตามหามัน แต่ทำไมมันถึงมามัวแต่นั่งจีบสาวอยู่ที่นี่

ในตอนที่เธอเกือบจะเดินไปถึงร้านอาหาร จู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนดังมาจากด้านหน้า

“โจรขโมยเด็ก!”

“ไม่นะ! ผู้ชายคนนั้นขโมยลูกของข้าไป ใครก็ได้ช่วยจับเขาไว้ที!”

มู่ไป๋ไป่ชะงักไปทันทีและมองไปตามต้นเสียง ก่อนที่เธอจะเห็นชายที่มีร่างกายบึกบึนกำลังถือมีดวิ่งเข้ามาหาเธอ ในขณะที่เขาอุ้มเด็กที่มีอายุพอ ๆ กับเธอไว้ในอ้อมแขน

ส่วนคนที่เดินบนท้องถนนที่ได้ยินเสียงร้องของแม่เด็กจึงพยายามเข้ามาขวาง แต่ก็ถูกผู้ชายคนนั้นใช้มีดในมือทำร้ายจนล้มลง

“ช่างอุกอาจยิ่งนักที่กล้ามาขโมยเด็กบนถนนกลางวันแสก ๆ” เด็กหญิงขมวดคิ้ว ก่อนจะหันกลับไปแล้วหยุดยืนอยู่กลางถนน

เธอสามารถจัดการกับเจ้าส้มในภายหลังได้ แต่ตอนนี้เธอจะต้องจัดการกับโจรค้ามนุษย์คนนี้ก่อน

“นี่! เด็กคนนี้มาจากไหน หลบไปซะ!”

“แม่หนูรีบหลบไปเร็ว มันอันตราย!”

เมื่อผู้สัญจรผ่านไปมาเห็นเด็กตัวเล็ก ๆ ยืนกอดอกนิ่งอยู่กลางถนน พวกเขาก็รู้สึกหวาดกลัวกันมาก ส่วนอีกด้านหนึ่ง ชายร่างบึกบึนก็กำลังจะวิ่งไปถึงตัวนางแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงแค่ตะโกนเตือน

“เฮอะ มีเด็กเพิ่มมาอีกคนอย่างนั้นหรือ?” ชายร่างใหญ่มองเด็กหญิงแล้วเยาะเย้ย “เอาเถอะ วันนี้โชคเข้าข้างให้ข้าจับได้อีกคนหนึ่งแล้ว”

ทางด้านมู่ไป๋ไป่ดึงแส้ที่เอวออกมาอย่างใจเย็น และจ้องมองเท้าของชายที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างไม่วางตาเพื่อรอโอกาส

ตรงนี้แหละ!

เด็กหญิงหรี่ตาลงพร้อมกับขยับมือเล็ก ๆ เพื่อส่งแส้ออกไป

ในเวลาเดียวกันก็มีเงามืดตกลงมาจากท้องฟ้าพาดผ่านไปเหนือพื้นดินราวกับภาพติดตา พอทุกคนรู้ตัวอีกครั้งก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของมู่ไป๋ไป่ตรงจุดที่นางเคยยืนอยู่เลย

ทางด้านองครักษ์และหลัวเซียวเซียวที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และหน้าของพวกเขาก็ถอดสีทันที

สำหรับมู่ไป๋ไป่ เธอพบว่าตัวเองลอยอยู่บนอากาศเหนือพื้นดินในชั่วพริบตา แต่เธอก็ยังคงกำแส้ไว้ในมือแน่น

คนที่อุ้มเธอนั้นมีวรยุทธสูงมาก เขาสามารถกระโดดและร่อนลงบนหลังคา จนพาเธอออกไปไกลจากตลาดได้ในระยะเวลาอันสั้น

“วางข้าลงนะ!” คนตัวเล็กที่เพิ่งรู้ตัวก็กัดมือของเด็กหนุ่มที่อุ้มเธอไว้

“นี่! แม่หนูน้อย นี่เป็นวิธีการที่เจ้าตอบแทนบุญคุณคนที่ช่วยชีวิตเจ้าไว้หรือ?” ‘เซียวถังอี้’ ก้มลงมองดูเกี๊ยวสีขาวราวหิมะในอ้อมแขนของตัวเอง ก่อนจะยกยิ้มชั่วร้ายและข่มขู่ว่า “เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะโยนเจ้าลงไปจากตรงนี้”

“...” มู่ไป๋ไป่เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างไร้ความรู้สึก “นี่ท่านกำลังพยายามหลอกเด็กอยู่หรืออย่างไร ความสูงเพียงเท่านี้ ถ้าตกลงไปอย่างมากก็แค่ขาหัก”

ดวงตาดั่งนกอินทรีภายใต้หน้ากากของเซียวถังอี้แคบลงทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น

เด็กคนนี้ช่างกล้าหาญยิ่งนัก

“ข้าขอเตือนท่านเอาไว้ก่อนเลยนะว่าให้รีบปล่อยข้าลง ไม่อย่างนั้นคนของข้าจะมาถึงและเห็นท่านกำลังรังแกเด็ก”

มู่ไป๋ไป่มองเห็นหน้าตาของอีกฝ่ายได้ไม่ชัดเจน เธอเห็นเพียงแค่บางสิ่งที่เป็นสีเงินบนใบหน้าของเขาอย่างคลุมเครือโดยเดาว่ามันคงจะเป็นหน้ากากหรืออะไรสักอย่าง

“โอ๊ะ กลัวจังเลย~” เซียวถังอี้หัวเราะก่อนจะกระโดดจากหลังคาลงไปบนพื้น

จากนั้นเด็กหนุ่มก็เดินเข้าไปในลานเล็ก ๆ แล้วพูดว่า “ข้ากำลังพยายามทำความดีโดยการช่วยเจ้าอยู่นะแม่หนูน้อย ทำไมคนของเจ้าถึงต้องมาเอาเรื่องข้าด้วยล่ะ?”

มู่ไป๋ไป่รู้สึกสับสนกับการกระทำของอีกคน “ทำความดีอย่างนั้นหรือ? ข้ายืนอยู่กลางถนนอยู่ดี ๆ จู่ ๆ ใครก็ไม่รู้เข้ามาพาตัวข้าไป ท่านคิดว่านี่เรียกว่าเป็นการทำความดีหรือไม่?”

“เกรงว่าท่านจะเข้าใจผิดเรื่องการทำความดี”

ในขณะที่เด็กหญิงกำลังพูด เซียวถังอี้ก็วางเธอลงบนโต๊ะ ในที่สุดเธอก็ได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มตา

หน้ากากสีเงินที่ถูกแกะสลักอย่างประณีตบดบังใบหน้าส่วนใหญ่ของเขาเอาไว้ และเผยให้เห็นเพียงคางที่เป็นรูปไข่ ซึ่งขับให้บุคลิกของเขาดูงดงามและลึกลับซับซ้อนในเวลาเดียวกัน

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: เจ้าส้มติดสาวอยู่นี่เอง! ว่าแต่ใครลักพาตัว (?) น้องมาเนี่ยยย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด