บทที่ 72: คนดีและความดี
“ใช่ องค์หญิง ทำไมเราไม่กลับไปที่ขบวนกันก่อนล่ะเพคะ?” หลัวเซียวเซียวเองก็ช่วยสำทับอีกแรง “เราออกมากันนานแล้ว หว่านผินคงจะเป็นห่วง”
“และเจ้าส้มเองก็เป็นแมวที่ฉลาดมาก บางทีมันอาจจะกำลังมุ่งหน้ากลับไปที่ขบวนแล้วเพคะ”
มู่ไป๋ไป่ขมวดคิ้วปฏิเสธว่า “ไม่ได้ ข้าเป็นคนพาเจ้าส้มออกมา ข้าจะต้องพามันกลับไปด้วย”
ทันใดนั้นในสายตาของคนตัวเล็กก็เหลือบไปเห็นสุนัขสีเหลืองกำลังเดินผ่านไปผ่านมาบนถนน มันทำให้เธอเกิดความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาในใจ
โธ่! ทำไมฉันถึงได้โง่แบบนี้นะ ฉันลืมไปได้ไงว่าตัวเองฟังภาษาสัตว์รู้เรื่อง!
หลังจากมู่ไป๋ไป่คิดหาหนทางได้แล้ว เธอก็ไม่อยู่เฉยโดยสั่งให้องครักษ์กับหลัวเซียวเซียวรอเธออยู่ที่นี่ ก่อนจะวิ่งไปหาสุนัข
ขณะนี้สุนัขตัวนั้นกำลังแทะกระดูก ในไม่ช้ามันก็สังเกตเห็นรัศมีที่ไม่คุ้นเคยเข้ามาใกล้ มันจึงแยกเขี้ยวข่มขู่ผู้บุกรุกทันที
อย่างไรก็ตาม ชั่วอึดใจต่อมามันก็รับรู้ได้ถึงรัศมีที่ทรงพลังมากจากบุคคลที่เดินเข้ามาใกล้
มันเป็นรัศมีกดขี่ให้สิ่งมีชีวิตนับพันต้องยอมจำนน
“เอ๋ง!” สุนัขตัวใหญ่หางจุกก้นแล้วนอนหมอบตัวสั่นอยู่กับพื้นทันที
หลังจากที่มันกลิ้งลงไปนอน มันก็ได้หงายท้องที่ผอมแห้งของมันให้มู่ไป๋ไป่เป็นสัญญาณของการยอมจำนน
“ลุกขึ้น” เด็กหญิงนั่งลงแล้วจิ้มท้องของเจ้าเหลือง “ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้า”
“ท่านจ้าวอสูร...” เจ้าเหลืองลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่อฟังและแลบลิ้นออกมา “ท่านอยากจะถามข้าว่าข้าได้กระดูกมาจากที่ไหนหรือ? หากท่านจ้าวอสูรอยากกิน เชิญท่านเอาไปได้เลย ข้ายังสามารถไปเอามาได้อีก”
มู่ไป๋ไป่เหลือบมองกระดูกที่ไร้ชิ้นเนื้ออยู่บนพื้นก่อนที่มุมปากจะกระตุก “ข้าไม่อยากได้กระดูกของเจ้า ข้าแค่อยากจะถามเจ้าว่าเจ้าเคยเห็นแมวตัวอ้วนหรือไม่?”
“มันตัวประมาณนี้ และลายบนตัวของมันก็เป็นแบบนี้…”
คนตัวเล็กวาดรูปให้สุนัขสีเหลืองดูว่าเจ้าส้มหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วอธิบายว่า “พวกเราเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก มันไม่คุ้นเคยกับสถานที่นี้ และมันก็หายตัวไป ข้าจึงต้องการตามหาตัวมันให้พบ”
“ข้าไม่เคยเห็นแมวตัวนี้มาก่อน” เจ้าเหลืองเอียงคอตอบอย่างตรงไปตรงมา “แต่หากท่านต้องการตามหามัน ข้าสามารถช่วยท่านได้”
“ใช่แล้ว สุนัขอย่างเจ้ามีจมูกดีมาก” มู่ไป๋ไป่ปรบมือและรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแขนเสื้อที่เคยเช็ดน้ำลายให้เจ้าส้มแล้วยื่นให้เจ้าเหลืองดม
สุนัขตัวโตสูดกลิ่นเข้าไปจากนั้นก็มุ่งหาเป้าหมายโดยไม่รอช้า
ขณะนั้นเด็กหญิงได้เรียกองครักษ์กับหลัวเซียวเซียวให้ติดตามสุนัขสีเหลืองที่วิ่งผ่านตรอกไป เมื่อเธอกำลังสงสัยว่าเจ้าสุนัขตัวนี้จะตามหาเจ้าส้มได้หรือไม่ ถนนข้างหน้าก็ชัดเจนมากขึ้น
ตลาดอีกแห่งได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเธอและเห็นว่าเจ้าส้มนั่งอยู่บนหลังคาของร้านอาหารฝั่งตรงข้ามซึ่งกำลังพัวพันกับแมวขาวตัวหนึ่ง
มู่ไป๋ไป่มีประสาทสัมผัสการฟังเสียงที่ดีเยี่ยม เธอจึงได้ยินเสียงมันกำลังพูดบางสิ่งที่ฟังดูคลุมเครือ
“ข้าผู้นี้เป็นแมวทรงเลี้ยง เจ้ารู้หรือไม่ว่าแมวทรงเลี้ยงคืออะไร นั่นก็คือแมวที่ฮ่องเต้เลี้ยงเอาไว้ แต่ตอนนี้ทาสของข้าคือองค์หญิง”
“แต่ก็นับว่าไม่เลว ตราบใดที่เจ้าติดตามข้า ข้ารับรองได้ว่าเจ้าจะได้รับการปรนนิบัติอย่างดีและไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องของตัวเองอีกตลอดชีวิต...”
“ท่านจ้าวอสูร นั่นคือแมวที่ท่านกำลังตามหาใช่หรือไม่?” เจ้าเหลืองแลบลิ้นออกมาพลางกล่าวว่า “ข้าคิดว่ากลิ่นบนตัวของมันเหมือนกับกลิ่นบนผ้าของท่าน”
“ถูกต้อง ขอบใจเจ้ามาก” มู่ไป๋ไป่พยายามระงับโทสะของตัวเอง แล้วลูบหัวมันเบา ๆ เป็นการขอบคุณ ก่อนจะบอกองครักษ์ที่อยู่ข้างหลังว่า “ท่านไปซื้อเนื้อวัวดี ๆ มาสัก 2 จินแล้วเอาให้เจ้าเหลืองเป็นรางวัล”
หลังจากคนตัวเล็กกล่าวจบ เธอก็สะบัดแขนเสื้อเดินไปอีกด้านหนึ่งด้วยความโกรธ
เจ้าส้ม! เธอเดินจนขาแทบหักเพื่อตามหามัน แต่ทำไมมันถึงมามัวแต่นั่งจีบสาวอยู่ที่นี่
ในตอนที่เธอเกือบจะเดินไปถึงร้านอาหาร จู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนดังมาจากด้านหน้า
“โจรขโมยเด็ก!”
“ไม่นะ! ผู้ชายคนนั้นขโมยลูกของข้าไป ใครก็ได้ช่วยจับเขาไว้ที!”
มู่ไป๋ไป่ชะงักไปทันทีและมองไปตามต้นเสียง ก่อนที่เธอจะเห็นชายที่มีร่างกายบึกบึนกำลังถือมีดวิ่งเข้ามาหาเธอ ในขณะที่เขาอุ้มเด็กที่มีอายุพอ ๆ กับเธอไว้ในอ้อมแขน
ส่วนคนที่เดินบนท้องถนนที่ได้ยินเสียงร้องของแม่เด็กจึงพยายามเข้ามาขวาง แต่ก็ถูกผู้ชายคนนั้นใช้มีดในมือทำร้ายจนล้มลง
“ช่างอุกอาจยิ่งนักที่กล้ามาขโมยเด็กบนถนนกลางวันแสก ๆ” เด็กหญิงขมวดคิ้ว ก่อนจะหันกลับไปแล้วหยุดยืนอยู่กลางถนน
เธอสามารถจัดการกับเจ้าส้มในภายหลังได้ แต่ตอนนี้เธอจะต้องจัดการกับโจรค้ามนุษย์คนนี้ก่อน
“นี่! เด็กคนนี้มาจากไหน หลบไปซะ!”
“แม่หนูรีบหลบไปเร็ว มันอันตราย!”
เมื่อผู้สัญจรผ่านไปมาเห็นเด็กตัวเล็ก ๆ ยืนกอดอกนิ่งอยู่กลางถนน พวกเขาก็รู้สึกหวาดกลัวกันมาก ส่วนอีกด้านหนึ่ง ชายร่างบึกบึนก็กำลังจะวิ่งไปถึงตัวนางแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงแค่ตะโกนเตือน
“เฮอะ มีเด็กเพิ่มมาอีกคนอย่างนั้นหรือ?” ชายร่างใหญ่มองเด็กหญิงแล้วเยาะเย้ย “เอาเถอะ วันนี้โชคเข้าข้างให้ข้าจับได้อีกคนหนึ่งแล้ว”
ทางด้านมู่ไป๋ไป่ดึงแส้ที่เอวออกมาอย่างใจเย็น และจ้องมองเท้าของชายที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างไม่วางตาเพื่อรอโอกาส
ตรงนี้แหละ!
เด็กหญิงหรี่ตาลงพร้อมกับขยับมือเล็ก ๆ เพื่อส่งแส้ออกไป
ในเวลาเดียวกันก็มีเงามืดตกลงมาจากท้องฟ้าพาดผ่านไปเหนือพื้นดินราวกับภาพติดตา พอทุกคนรู้ตัวอีกครั้งก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของมู่ไป๋ไป่ตรงจุดที่นางเคยยืนอยู่เลย
ทางด้านองครักษ์และหลัวเซียวเซียวที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และหน้าของพวกเขาก็ถอดสีทันที
สำหรับมู่ไป๋ไป่ เธอพบว่าตัวเองลอยอยู่บนอากาศเหนือพื้นดินในชั่วพริบตา แต่เธอก็ยังคงกำแส้ไว้ในมือแน่น
คนที่อุ้มเธอนั้นมีวรยุทธสูงมาก เขาสามารถกระโดดและร่อนลงบนหลังคา จนพาเธอออกไปไกลจากตลาดได้ในระยะเวลาอันสั้น
“วางข้าลงนะ!” คนตัวเล็กที่เพิ่งรู้ตัวก็กัดมือของเด็กหนุ่มที่อุ้มเธอไว้
“นี่! แม่หนูน้อย นี่เป็นวิธีการที่เจ้าตอบแทนบุญคุณคนที่ช่วยชีวิตเจ้าไว้หรือ?” ‘เซียวถังอี้’ ก้มลงมองดูเกี๊ยวสีขาวราวหิมะในอ้อมแขนของตัวเอง ก่อนจะยกยิ้มชั่วร้ายและข่มขู่ว่า “เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะโยนเจ้าลงไปจากตรงนี้”
“...” มู่ไป๋ไป่เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างไร้ความรู้สึก “นี่ท่านกำลังพยายามหลอกเด็กอยู่หรืออย่างไร ความสูงเพียงเท่านี้ ถ้าตกลงไปอย่างมากก็แค่ขาหัก”
ดวงตาดั่งนกอินทรีภายใต้หน้ากากของเซียวถังอี้แคบลงทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น
เด็กคนนี้ช่างกล้าหาญยิ่งนัก
“ข้าขอเตือนท่านเอาไว้ก่อนเลยนะว่าให้รีบปล่อยข้าลง ไม่อย่างนั้นคนของข้าจะมาถึงและเห็นท่านกำลังรังแกเด็ก”
มู่ไป๋ไป่มองเห็นหน้าตาของอีกฝ่ายได้ไม่ชัดเจน เธอเห็นเพียงแค่บางสิ่งที่เป็นสีเงินบนใบหน้าของเขาอย่างคลุมเครือโดยเดาว่ามันคงจะเป็นหน้ากากหรืออะไรสักอย่าง
“โอ๊ะ กลัวจังเลย~” เซียวถังอี้หัวเราะก่อนจะกระโดดจากหลังคาลงไปบนพื้น
จากนั้นเด็กหนุ่มก็เดินเข้าไปในลานเล็ก ๆ แล้วพูดว่า “ข้ากำลังพยายามทำความดีโดยการช่วยเจ้าอยู่นะแม่หนูน้อย ทำไมคนของเจ้าถึงต้องมาเอาเรื่องข้าด้วยล่ะ?”
มู่ไป๋ไป่รู้สึกสับสนกับการกระทำของอีกคน “ทำความดีอย่างนั้นหรือ? ข้ายืนอยู่กลางถนนอยู่ดี ๆ จู่ ๆ ใครก็ไม่รู้เข้ามาพาตัวข้าไป ท่านคิดว่านี่เรียกว่าเป็นการทำความดีหรือไม่?”
“เกรงว่าท่านจะเข้าใจผิดเรื่องการทำความดี”
ในขณะที่เด็กหญิงกำลังพูด เซียวถังอี้ก็วางเธอลงบนโต๊ะ ในที่สุดเธอก็ได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มตา
หน้ากากสีเงินที่ถูกแกะสลักอย่างประณีตบดบังใบหน้าส่วนใหญ่ของเขาเอาไว้ และเผยให้เห็นเพียงคางที่เป็นรูปไข่ ซึ่งขับให้บุคลิกของเขาดูงดงามและลึกลับซับซ้อนในเวลาเดียวกัน
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: เจ้าส้มติดสาวอยู่นี่เอง! ว่าแต่ใครลักพาตัว (?) น้องมาเนี่ยยย