ตอนที่แล้วบทที่ 30 ร่วมงานเลี้ยงตระกูลใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 32 ได้เวลาเอาคืน!

บทที่ 31 ฆาตกรรมอำพราง


“พี่สง เขาเข้าไปในป่าบนเขาชิงเสินแล้ว แปลกดีนะ มีถนนดี ๆ ให้เดินแท้ ๆ กลับไม่เดิน แต่แบบนี้ก็ดีทำให้เรางานง่ายขึ้น” ชายฉกรรจ์ที่ตามฟางเสิ่นเข้ามาในป่ามืดรีบรายงานเมื่อเห็นเขาเลี้ยวออกจากถนนหลักเข้าสู่ความมืด

รอบ ๆ ตัวเต็มไปด้วยความมืด แม้จะพอมีแสงสลัวให้เห็นเส้นทางอยู่บ้าง แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของฟางเสิ่นได้ ชายฉกรรจ์รู้สึกไม่แน่ใจในเจตนาของฟางเสิ่น แต่เมื่อมือแตะเข้าที่กระเป๋าข้างเอว เขาก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง

“สวรรค์มีทางให้เดินก็ไม่เดิน แต่ดันเลือกจะฝ่าประตูนรก ไปกัน! ตามไปจัดการมัน” ชายฉกรรจ์กัดฟันพูดและพาลูกน้องสามคนติดตามเข้าไปในป่า

บรรยากาศยามค่ำปกคลุมเขาชิงเสินราวกับสัตว์ร้ายที่จ้องจะกลืนกินผู้คน ความรู้สึกไม่สบายใจแผ่ซ่านในอากาศ ทำให้ชายฉกรรจ์ทั้งสี่รู้สึกหนาวสั่น

เสียงกริ่งโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ทั้งสี่คนสะดุ้งสุดตัว ชายคนหนึ่งถึงกับกระโดดด้วยความตกใจ

“เวรเอ๊ย ไอ้ไต้ปิงทำไมต้องโทรมาเวลานี้ด้วย” ชายฉกรรจ์สบถด้วยความหงุดหงิด ขณะเดียวกันก็หันไปมองที่โทรศัพท์ของตัวเอง พบว่าเป็นสายจากไต้ปิงที่อยู่เฝ้าบ้านพักของฟางเสิ่น

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นรับสาย พลางโบกมือส่งสัญญาณให้ลูกน้องสามคนไปจัดการฟางเสิ่นเสีย พอมาถึงขั้นนี้แล้ว ใครจะไปยั้งมือได้

“พี่สง ที่นี่เพิ่งมีคนเมามาต่อยกัน พอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาเคลียร์สถานการณ์ เราเลยยังไม่ได้เข้าไปครับ” ไต้ปิงรายงานเสียงเข้ม พวกเขาเฝ้าบ้านพักมาระยะหนึ่งแล้วแต่ยังไม่สามารถลงมือได้ ดังนั้นไต้ปิงจึงโทรมาอธิบายสถานการณ์

“เรื่องแค่นี้เองเหรอ” ชายฉกรรจ์สบถอย่างหงุดหงิด “รออะไรอยู่ เข้าไปเดี๋ยวนี้เลย!”

“ได้ครับ พวกเราเพิ่งงัดประตูเข้าไปพอดี”

เสียงงัดประตูดังขึ้นจากปลายสาย ชายฉกรรจ์พยักหน้า กำลังจะวางสาย แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องสุดแสนจะโหยหวนดังผ่านโทรศัพท์เข้ามา

“ผีหลอก!”

เสียงต่อมาก็คือเสียงของตกกระแทกพื้น แล้วการสนทนาก็ถูกตัดขาดไป เหลือไว้เพียงเสียงสัญญาณว่างยาว

ชายฉกรรจ์ถือโทรศัพท์ไว้อย่างตกตะลึง รู้สึกเหมือนความเย็นเยียบพุ่งขึ้นสู่ศีรษะทันที

“โทรเสร็จแล้วหรือ?” เสียงที่ไม่ใส่ใจดังขึ้น ชายฉกรรจ์มองไปอย่างตกตะลึง เขาเห็นฟางเสิ่นยืนอยู่ไม่ไกล ส่วนลูกน้องสามคนของเขาตอนนี้นอนกองอยู่กับพื้น โดยไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

“เป็นไปไม่ได้” ชายฉกรรจ์ไม่อยากเชื่อเลย ลูกน้องทั้งสามคนของเขาไม่ใช่คนอ่อนแอ หากเขาเองจะต้องจัดการพวกนั้นก็คงต้องออกแรงมาก แต่เพียงแค่ชั่วพริบตา ทั้งสามคนกลับถูกจัดการไปโดยไม่มีเสียงอะไรเลย

เมื่อคิดถึงเสียงกรีดร้องในโทรศัพท์ ชายฉกรรจ์รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว เขารีบเอื้อมมือไปหยิบปืนพกที่เอวออกมา แล้วเล็งไปที่ฟางเสิ่น

“ไม่ว่ามึงจะเป็นคนหรือผี กูก็จะยิงมึงให้ตาย” เมื่อมีปืนอยู่ในมือ ความมั่นใจก็กลับมาอีกครั้ง เขาหวาดกลัวกับวิธีการของฟางเสิ่นอย่างมาก แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเหนี่ยวไก

ฟางเสิ่นหรี่ตาอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้คาดคิดว่าศัตรูจะมีปืนด้วย และนี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่เหมือนกับที่เขาเคยเจอในบ่อนใต้ดิน ปืนพกนั้นมีอานุภาพมากกว่าปืนล่าสัตว์ที่ทำขึ้นเอง อีกทั้งชายฉกรรจ์คนนี้เป็นบอดี้การ์ด ไม่ใช่คนขี้ขลาดอย่างพวกอันธพาลทั่วไป มือของเขาจะไม่มีวันสั่นด้วยความกลัว

ฟางเสิ่นรีบขยับตัวอย่างรวดเร็ว เขาพุ่งตัวหลบออกไปด้านข้างในทันที ชายฉกรรจ์เหนี่ยวไกยิงตามมาพร้อมกับเสียงดัง “ปัง!” กระสุนเฉียดผ่านแขนของฟางเสิ่นจนรู้สึกได้ถึงความเจ็บแปลบขึ้นมา

ฟางเสิ่นไม่รอช้า พุ่งตัวเข้าใส่ชายฉกรรจ์อย่างรวดเร็ว ลดระยะห่างในชั่วพริบตา ก่อนที่ชายฉกรรจ์จะเหนี่ยวไกอีกครั้ง ฟางเสิ่นก็คว้ามือของเขาแล้วหักข้อแขนอย่างรวดเร็ว

เสียงปืนดังสนั่นไปทั่วบริเวณอีกครั้ง

ฟางเสิ่นฟาดฝ่ามือเข้าที่หน้าอกใต้ชายโครงของชายฉกรรจ์อย่างแรง เสียงกระดูกซี่โครงหักดังลั่น เลือดพุ่งออกจากปากของชายฉกรรจ์ เขาล้มลงไปนอนกับพื้นทันที ไม่มีแรงจะต่อสู้ต่อ ฟางเสิ่นคว้าปืนจากมือของเขา แล้วมองชายที่บาดเจ็บด้วยสายตาเย็นชา

ฟางเสิ่นจัดการกับสถานการณ์ที่คับขันนี้ได้อย่างรวดเร็ว แม้จะมีเหงื่อซึมออกที่หลังด้วยความตึงเครียด เขาก็รอดมาได้ เขามองไปที่บาดแผลบนแขน เสื้อของเขาถูกกระสุนฉีกขาดเล็กน้อย และมีเลือดซึมออกมาเป็นรอยแผลตื้น ๆ โชคดีที่เขาหลบได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นกระสุนนั้นอาจฝังเข้าที่แขนของเขาไปแล้ว

“นี่มันอันตรายจริง ๆ” ฟางเสิ่นพึมพำเบา ๆ สายตาเย็นชาของเขาจ้องไปที่ชายฉกรรจ์ทั้งสี่คน ความรู้สึกอยากฆ่าลอยขึ้นมาในใจอย่างชัดเจน

ชายพวกนี้ต่างจากอันธพาลในบ่อนใต้ดิน พวกนั้นเป็นแค่คนชอบหาเรื่องต่อยตีกันเท่านั้น แต่ชายทั้งสี่คนนี้ต่างออกไป พวกเขาต้องการเอาชีวิตของเขาจริง ๆ ฟางเสิ่นสัมผัสได้ถึงความรู้สึกและเจตนานี้อย่างชัดเจน

“ต้องออกไปจากที่นี่ก่อน” เสียงปืนสองนัดเมื่อครู่ดังมากเกินไป ในยามค่ำคืนเช่นนี้ เสียงคงกระจายไปไกล และไม่นานพวกบอดี้การ์ดของตระกูลหลี่ก็จะมาล้อมที่นี่ ฟางเสิ่นคว้าชายสองคนไว้ในมือทั้งสองข้าง พาลากทั้งสี่คนลงจากเขาไปยังเชิงเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงเชิงเขา รถตู้เก่า ๆ คันนั้นก็ยังจอดอยู่ เขาโยนชายที่หมดสติทั้งหมดเข้าไปในรถและขับออกไปจากเขาชิงเสินทันที

นอกเมืองหมิงจูมีแม่น้ำสายหนึ่งที่ไหลลงสู่ทะเล ห่างจากเขาชิงเสินไม่ไกลนัก ฟางเสิ่นขับรถไปประมาณครึ่งชั่วโมงจนถึงริมฝั่งแม่น้ำ

“บอกมา ใครเป็นคนสั่งให้พวกแกมา” ฟางเสิ่นเตะชายคนหนึ่งจนตื่นขึ้น

ชายทั้งสี่คนยังมึนงงกับสถานการณ์อยู่บ้าง แต่ความเจ็บปวดที่ได้รับก็ทำให้พวกเขาตื่นตัวขึ้นมา รู้ว่าคราวนี้พวกเขาไม่มีทางรอด ทันทีที่ฟางเสิ่นถามซ้ำอีกครั้ง สายตาของทั้งสามคนก็หันไปมองชายร่างใหญ่โดยไม่ได้นัดหมาย

ฟางเสิ่นยิ้มเยาะเล็กน้อย จากนั้นก็จัดการทุบหัวคนทั้งสามจนสลบไป แล้วลากร่างพวกเขาออกไปจากจุดที่ชายร่างใหญ่อยู่ประมาณหลายร้อยเมตร

ชายร่างใหญ่มีเหงื่อออกท่วมตัว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะซี่โครงที่หักทำให้เจ็บปวด อีกส่วนหนึ่งเกิดจากความหวาดกลัว เขาได้ยินเสียงร้องโหยหวนของเพื่อนร่วมงานจากอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งยิ่งทำให้เขาหวาดกลัวจนแทบคลั่ง เขารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ไปทำตามคำสั่งของฟางเจ๋อ แต่ในโลกนี้ไม่มี “ยาถอนความเสียใจ” ให้กิน

การรอคอยชะตากรรมของตัวเองในความไม่รู้เช่นนี้ เป็นความทรมานที่สุด ทุกวินาทีดูเหมือนจะยาวนานออกไปเรื่อย ๆ เมื่อเสียงจากอีกฝั่งเงียบลง ฟางเสิ่นก็เดินกลับมา ชายร่างใหญ่ที่กำลังจะหมดสติก็แทบจะพังทลายลง

“เพื่อนร่วมงานของนายสารภาพหมดแล้ว บอกฉันมา ใครเป็นคนสั่งการ ฉันจะไปหาคนที่เป็นต้นตอเอง” ฟางเสิ่นพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง

ชายร่างใหญ่ต้านทานไม่ไหวในที่สุด เขายอมรับสารภาพทุกอย่างออกมา

“ฟางเจ๋อ นายอยากตายสินะ” ดวงตาของฟางเสิ่นเย็นเยียบลงอย่างเห็นได้ชัด เพียงเพราะเรื่องที่ไม่มีมูลความจริง ฟางเจ๋อก็กล้าที่จะส่งคนมาลอบสังหารเขา

“ฉะ...ฉันบอกทุกอย่างไปหมดแล้ว นายควรจะรักษาสัญญาและปล่อยพวกเราไปนะ” ชายร่างใหญ่ขอร้องด้วยเสียงสั่น ตอนนี้เขาดูไม่ต่างอะไรกับสุนัขที่กำลังจะตาย ความมั่นใจและความเย่อหยิ่งก่อนหน้านี้หายไปหมดสิ้น

ชายร่างใหญ่ยังคงมีความหวังเล็ก ๆ อยู่ในใจ จากการสืบข้อมูล เขารู้ว่าฟางเสิ่นไม่กี่เดือนก่อนยังเป็นนักเรียนดีเด่น เขาคิดว่าฟางเสิ่นคงไม่กล้าฆ่าคนเพื่อปิดปาก

“ฉันแค่โกหกนาย” ฟางเสิ่นตอบอย่างเยือกเย็น แล้วเหยียบลงบนหน้าอกของชายร่างใหญ่ ส่งพลังเข้าไปจนทำให้หัวใจของเขาแตกสลาย

ฟางเสิ่นทำเช่นเดียวกันกับอีกสามคน เขาลากศพทั้งสี่ไปโยนลงแม่น้ำ กระแสน้ำที่เชี่ยวกรากกลืนพวกเขาให้ดำดิ่งและหายไปในทันที

จบบท

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด