ตอนที่ 41 ปีศาจหลบหนี กรงเล็บปีศาจ
ตอนที่ 41 ปีศาจหลบหนี กรงเล็บปีศาจ
สามสิบหกวันต่อมา...
ฉู่เสวียนดูเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เต็มไปด้วยพลัง ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ตรงหน้าของเขาในตอนนี้มีโซ่สีดำห้อยอยู่ โซ่ตรวนตรงหน้าเต็มไปด้วยพลังชั่วร้ายที่แผ่ออกมาจากวิญญาณอาฆาตรแค้นของซอมบี้และสัตว์กลายพันธ์หลายหมื่นชีวิต
“เสร็จแล้ว” ฉู่เสวียนยิ้มออกมาด้วยความภูมิใจ
กระบวนการในการกลั่นเชือกยึดวิญญาณนั้นราบรื่นอย่างน่าประหลาดใจ เรียกได้ว่าไม่มีอุปสรรคเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ดีกว่าที่เขาคิดเอาไว้อย่างมาก
ในตอนที่ฉู่เสวียนกำลังชื่นชมอาวุธตรงหน้า และลองสั่งการด้วยจิต เขาก็เห็นเชือกยึดวิญญาณฟาดไปมาด้วยตัวมันเอง ในชั่วพริบตาไฟฟ้าก็ดับลง จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังปัง ก่อนที่ผนังของโรงแรมจะถูกฟาดจนพังทลายลงมาเป็นชิ้น ๆ
เมื่อเขาสั่งการมันผ่านจิตอีกครั้ง เชือกยึดวิญญาณก็กลับมาอยู่ข้างๆ เขา เลื่อยไปรอบๆ ราวกับงูตัวเล็ก
ฉู่เสวียนดูพอใจเป็นอย่างมาก ..นี่คือประโยชน์ของอาวุธเวทย์มนตร์ระดับกลาง
หลังจากที่เขาได้ทำการกลั่นเชือกยึดวิญญาณเสร็จแล้ว เขาก็ได้ดึงวิญญาณส่วนหนึ่งที่อยู่ในเหล็กออกไป และฉีดพลังวิญญาณของตัวเองเข้าไปให้เป็นหนึ่งเดียวกับเชื่อกยึดวิญญาณ
ซึ่งมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นส่วนหนึ่งของมือและเท้า เขาสามารถควบคุมอาวุธเวทมนตร์นี้ผ่านความคิดได้ เพียงแค่ฉู่เสวียนเอื้อมมือออกไป เชือกยึดวิญญาณก็ได้พันรอบเอวของเขาเหมือนเข็มขัด
ตราบใดที่เชือกยึดวิญญาณอยู่กับเขา พลังวิญญาณในร่างกายของเขาก็จะหล่อเลี้ยงอาวุธเวทมนตร์นี้ตลอดเวลา และระดับของเชือกยึดวิญญาณก็จะอัพเกรดขึ้นตามระดับเขตแดนการบ่มเพาะของเขาด้วย!
“แม้ว่าอาวุธเวทย์มนตร์นี้จะได้รับการกลั่นเสร็จแล้ว แต่ข้าก็จำเป็นจะต้องแก้ไขจุดอ่อนอื่นๆ ต่อไป ซึ่งคาถาอาคมพรสวรรค์ที่ได้มาจากการทะลวงเข้าสู่ช่วงสร้างรากฐานและแมลงกู่นั้น เป็นสองสิ่งที่ควรได้รับการแก้ไขมากที่สุด อันดับแรกก็มาเริ่มกันที่แมลงกู่ก่อน ไข่ของเส้นลวดโลหิตที่ฝังอยู่ในร่างกายของข้าสองฟองยังไม่ฟักออกมาอีกหรือ” ฉู่เสวียนมองลงไปที่แขนซ้ายของเขา
เมื่อสามเดือนที่แล้ว ตอนที่เขาเริ่มสร้างค่ายกลยึดวิญญาณปีศาจหยินเป็นครั้งแรก เขาได้ใช้ประโยชน์จากช่วงที่ว่าง ฝังไข่ของแมลงกู่เส้นลวดโลหิตลงไปที่แขนของเขา
ผู้บำเพ็ญที่อยู่ในช่วงกลั่นลมปราณสามารถเลี้ยงแมลงกูเส้นลวดโลหิตได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น หากว่าเลี้ยงมากเกินไป ก็อาจจะหาอาหารให้มันไม่ทัน จากนั้นก็จะถูกพวกมันย้อนกัดกินเลือดเนื้อของผู้ควบคุมจนตายไปอย่างน่าอนาถ
แต่ตอนนี้ฉู่เสวียนได้เลื่อนมาเป็นผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานแล้ว เขาจึงสามารถเลี้ยงแมลงกู่เพิ่มอีกตัวสองตัวได้
“ยังไม่มีการเคลื่อนไหว” เมื่อฉู่เสวียนก้มลงไปดู เขาก็ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในไข่ จึงได้แต่ส่ายหัวและกล่าวออกมาว่า “ถ้าอย่างนั้นก็มาฝึกฝนวิชาในช่วงสร้างรากฐานกันก่อนดีกว่า”
คิดได้เช่นนั้นฉู่เสวียนก็หยิบ "พระสูตรกลั่นโลหิตปีศาจ" ออกมา
"พระสูตรกลั่นโลหิตปีศาจ" นี้แบ่งออกเป็นเก้าบท ซึ่งสอดคล้องกับขั้นที่1-9 ของเขตแดนการสร้างรากฐาน
หลังจากที่ได้ศึกษาบทแรกผ่านไป ก็มาถึงบทที่สอง ที่เป็นวิชาสร้างรากฐานระดับต่ำที่มีชื่อว่า "ปีศาจหลบหนี" ซึ่งต่อจากบทนี้ ก็จะเป็นวิชาโจมตีที่มีชื่อว่า "กรงเล็บปีศาจ"
ซึ่งวิชาปีศาจหลบหนีนั้น เป็นเทคนิคที่ใช้ในการหลบหนี ไม่ว่าจะไล่หรือจะหนีก็สามารถใช้วิชาปีศาจหลบหนีได้ทั้งนั้น แม้ว่าความเร็วของวิชาปีศาจหลบหนีนี้จะไม่เร็วมากนัก แต่ก็มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถใช้ปราณปีศาจมาช่วยเร่งความเร็วได้
หากว่าผู้บ่มเพาะสามารถถ่ายทอดปราณปีศาจออกมาได้อย่างต่อเนื่องตอนที่ใช้เทคนิคปีศาจหลบหนี ความเร็วของมันก็จะไม่ด้อยไปกว่าวิชาสร้างรากฐานระดับสูงเลย
เช่นเดียวกับกรงเล็บปีศาจ วิชานี้ก็จะต้องใช้ปราณปีศาจในการกระตุ้นเหมือนกัน พลังของเทคนิคถึงจะมีความแข็งแกร่งขึ้น
แต่สำหรับผู้บำเพ็ญสายมารส่วนใหญ่ ปราณปีศาจในนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถหากันได้ง่ายๆ
เพราะในทวีปชางเสวียน สถานที่ที่มีวิญญาณชั่วร้ายเข้มข้นเหล่านั้นได้รับการดูแลโดยนิกายเจิ้งเต่ามายาวนาน ผู้บำเพ็ญสายมารอย่างพวกเขาจึงไม่มีโอกาสได้ย่างกายเข้าไป
แต่สำหรับฉู่เสวียน ปราณปีศาจก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม เนื่องจากว่าเขาสามารถหาปราณปีศาจได้ด้วยค่ายกลยึดวิญญาณที่เขาได้ทำขึ้นในดาวเคราะห์โลกาวินาศแห่งนี้!
"ข้าจะต้องกลั่นอาวุธกักเก็บขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อใช้กักเก็บปราณปีศาจเหล่านี้เอาไว้ หากว่าในอนาคตข้าต้องไล่ล่าหรือหลบหนีข้าก็จะสามารถใช้ปราณปีศาจนี้ออกมาได้อย่างไม่มีขีดจำกัด เมื่อถึงตอนนั้นผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานที่อยู่ในระดับเดียวกัน ก็ไม่สามารถมาแข่งความเร็วกับข้าได้ อีกอย่างปราณปีศาจก็ยังช่วยเพิ่มพลังให้กับวิชากรงเล็บปีศาจได้เป็นอย่างมาก”
ฉู่เสวียนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และใช้เวลาสองถึงสามวันในการกลั่นอาวุธกักเก็บที่ทำจากหยกขึ้นมาเป็นขวดขนาดเล็กจำนวน 20 ขวด ก้นขวดเหล่านี้มีค่ายกลยึดวิญญาณสลักอยู่ ซึ่งสามารถรวบรวมปราณปีศาจเข้ามาได้
แม้ว่าขวดหยกจะมีขนาดเล็กเพียงฝ่ามือ แต่ปราณปีศาจที่มีอยู่ในนั้นก็เพียงพอที่จะสนับสนุนฉู่เสวียนให้หลบหนีไปได้ไกลกว่าสามร้อยลี้
เมื่อกลั่นอาวุธเสร็จ ฉู่เสวียนก็ควบคุมดาบบังเหินเทียนกังให้บินตรงไปที่ค่ายกลยึดวิญญาณอีกครั้ง จากนั้นเขาก็เอาขวดหยกทั้งยี่สิบขวดนี้ฝังลงในสถานที่ต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ของค่ายกล
ส่วนเขาก็นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลางค่ายกลเพื่อฝึกฝน "พระสูตรกลั่นโลหิตปีศาจ" ด้วยความช่วยเหลือของปราณปีศาจที่หมุนเวียนอยู่ในนี้ ก็จะทำให้ความเร็วในการฝึกฝนของเขาก้าวกระโดดขึ้นไปอีก เนื่องจากว่าเขาได้ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ สำหรับตัวเอง จึงทำให้ไม่นานเขาก็ก้าวไปสู่ขั้นที่ 2 ของช่วงสร้างรากฐานในอึดใจเดียว!
...
เมืองหลงเจียง เมืองหลวงของมณฑลหลินเจียง
เมืองใหญ่แห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน เนื่องจากว่ามีแม่น้ำหลงเจียงมาคั้นกลาง
ทางทิศเหนือของแม่น้ำ มีมหาวิทยาลัยอยู่หลายแห่ง รวมทั้งสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นที่ต้องการของนักศึกษาจำนวนนับไม่ถ้วน ส่วนทางทิศใต้ของแม่น้ำ ก็เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง และธุรกิจก็เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ซึ่งค่ายทหารของกองทัพหลินเจียงประจำการอยู่ทางใต้ของแม่น้ำ
หลังจากวิกฤตซอมบี้เกิดขึ้น กองทัพหลินเจียงก็ประจำการในเมืองหลงเจียงทันทีเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย
นายพลของกองทัพหลินเจียงอย่างเย่หนานเทียนจึงได้ประกาศกฎหมายออกมา 3 ข้อในช่วงวิกฤต เป็นผลให้เมืองหลงเจียงมีความมั่นคงและค่อยๆ กลายเป็นที่หลบภัยของผู้รอดชีวิตจำนวนมาก
ทุกๆ วัน จะมีผู้รอดชีวิตจำนวนมากมาอาศัยอยู่ที่มณฑลหลินเจียงเพื่อจะได้อาศัยความปลอดภัยของเมืองหลงเจียงในการหลบซ้อนจากวิกฤตในครั้งนี้
บนยอดตึกสูง...
ชายวัยกลางคนที่ดูแข็งแกร่งยืนเอามือไพล่หลังไว้มองออกไปยังเมืองด้านล่าง เขามีคิ้วที่หนา ใบหน้าของเขาปกคลุมไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลา และมีเส้นผมสีขาวปรากฏบนขมับทั้งสองข้างของเขา ซึ่งเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกเสียจากผู้นำกองทัพหลินเจียง...เย่หนานเทียน
ในตอนนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาข้างหลังเขา ทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วและพูดด้วยความเคารพ "ท่านนายพล ศาสตราจารย์เจิ้งจากสถาบันวิจัยมาถึงแล้วครับ"
เย่หนานเทียนพยักหน้า "เชิญเขาเข้ามาได้เลย"
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เย่หนานเทียนและ เจิ้งเป่าซานก็มาพบกันที่ห้องรับแขก
เย่หนานเทียนยิ้มออกมา "ไม่ทราบว่าศาสตราจารย์เจิ้งมีธุระอะไรถึงได้มาที่นี่ได้? มีความคืบหน้าในการวิจัยอย่างนั้นเหรอ?"
เจิ้งเป่าซานพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น "แน่นอน! แก่นปราณขั้นที่ 3 ที่เรานำกลับมาจากเมืองตงหูนั้นมีค่ามา ตอนนี้เราได้เตรียมยาที่สกัดมาจากแก่นปราณได้ชุดหนึ่ง และเริ่มทดสอบกับสัตว์แล้ว บางทีอาจจะผลิตขึ้นมาได้อย่างเป็นทางการภายในหนึ่งถึงสองปีนี้ก็เป็นได้ เมื่อถึงเวลานั้น มนุษย์ทุกคนก็จะสามารถกลายเป็นผู้เหนือธรรมชาติได้!”
เย่หนานเทียนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม "นี่เป็นสิ่งที่ดี! ศาสตราจารย์เจิ้งนั้นเก่งเรื่องงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากกว่าฉัน ฉันรู้สึกโล่งใจที่ได้ฝากงานนี้ให้คุณดูแล"
เจิ้งเป่าซานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า " ยังมีอีกสิ่งหนึ่ง เรื่องผู้บ่มเพาะที่เจอในเมืองตงหูที่ฉันได้บอกนายพลไปเมื่อครั้งที่แล้ว... "
เย่หนานเทียนหัวเราะออกมา "ผู้บ่มเพาะอย่างนั้นเหรอ? ในความคิดของฉัน เขาเป็นเพียงผู้อยู่เหนือธรรมชาติที่มีความสามารถเฉพาะตัวเท่านั้น ศาสตราจารย์เจิ้งคิดมากไป”
ตั้งแต่ที่เกิดวิกฤตซอมบี้ขึ้นมา ประชากรส่วนใหญ่ของราชวงศ์หยานฮั่นก็ได้กลายเป็นผู้อยู่เหนือธรรมชาติเป็นจำนวนมาก แม้แต่สัตว์ยังกลายพันธ์จากพลังปราณที่แผ่ออกมา เย่หนานเทียนจึงไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมาก
เจิ้งเป่าซานพูดอย่างจริงจังว่า "นายพลเย่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หากคุณสามารถเอาชนะใจผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งคนนั้นและเอาเขามาเป็นพวกของเราได้ มันก็จะช่วยเราได้มากอย่างแน่นอน หรือคุณจะให้เขาไปเป็นฝ่ายเดียวกับศัตรู"
เย่หนานเทียนพยักหน้า "ฉันขอเก็บเรื่องนี้ไปพิจารณาดีๆอีกทีก่อนก็แล้วกัน "
เจิ้งเป่าซานพยักหน้า แล้วขอตัวจากไปทันที
สักพักก็มีทหารอีกคนวิ่งเข้ามาอย่างหน้าตาตื่น “ท่านนายพล มีคนพบเห็นสิ่งมีชีวิตใต้น้ำขนาดใหญ่ที่ลุ่มแม่น้ำหลงเจียงครับ ความยาวรวมของมันมากกว่าสามสิบเมตร”
เย่หนานเทียนเลิกคิ้ว “แล้วมีคนเห็นมันกี่คนแล้ว?”
"เนื่องจากว่ามันปรากฏตัวออกมาในเวลากลางคืน จึงมีเพียงทหารสี่นายที่ยืนเฝ้าแม่น้ำหลงเจียงทั้งสองฝั่งเท่านั้นที่มองเห็นมัน"
เย่หนานเทียนพยักหน้า “พาทหารทั้งสี่นายไปที่คฤหาสน์ของฉันก่อน และปิดปากให้สนิท ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เผยแพร่เรื่องของสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ ใครก็ตามที่ไม่เชื่อฟังคำสั่ง จะถูกควบคุมตัวทันที แล้วในเมืองตอนนี้เหลือผู้บัญชาการอยู่กี่คน”
ทหารตอบว่า "ตอนนี้มีผู้บัญชาการสองคนได้ออกไปคุ้มกันขบวนรถไปยังเมืองฮั่นไห่ ส่วนผู้บัญชาการอีกสามคนก็ถูกส่งไปประจำการด้านนอกเพื่อปกป้องอุตสาหกรรม ขณะนี้จึงเหลือผู้บัญชาการอยู่ในเมืองเพียงห้าคนครับ"
เย่หนานเทียนพยักหน้าและกล่าวออกมาว่า "ไปเรียกพวกเขามาหาฉันที เราจะทำการหารือกันก่อน"
"รับทราบครับ!"