ตอนที่ 38 โมริตะ มาคิ (2)
ตอนที่ 38 โมริตะ มาคิ (2)
โมริตะ มาคิ
เซี่ยหยูรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ไม่รู้จะปฏิบัติตัวอย่างไรกับเธอ
สาวน้อยที่ยืนตรงหน้าเขาอย่างสง่างามคือลูกสาวของลุงโมริตะเจ้าของร้านขนมในย่านการค้าเก่า ร้านขนมนี้มีอยู่ก่อนที่ปู่เซี่ยฉิงจะข้ามน้ำข้ามทะเลมาญี่ปุ่นเสียอีก นับว่าเก่าแก่มาก
ความฝันของโมริตะ มาคิ คือการสืบทอดกิจการร้านขนมในอนาคต เธอจึงฝึกฝนทำอาหารอย่างหนัก
เชี่ยวชาญด้านขนมหวาน ตอนจบประถมศึกษาและกำลังจะขึ้นมัธยมต้น เธอเข้าร่วมการคัดเลือกเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมต้นโทสึกิ
แต่น่าเสียดายที่ไม่ผ่านการคัดเลือก จำใจต้องเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมต้นฮาคุโอหลังจากจบจากโรงเรียนประถมฮาคุโอ
พอเปิดเทอมเดือนเมษายน เธอและเซี่ยหยูจะเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมปลายฮาคุโอ พูดง่ายๆ ก็คือโรงเรียนมัธยมปลายฮาคุโอนั่นเอง
ดังนั้น ตั้งแต่ประถมไปจนถึงมหาวิทยาลัยในอนาคต ชีวิตนักเรียนของโมริตะ มาคิ อาจจะต้องใช้เวลาอยู่ในโรงเรียนของรัฐในโตเกียวที่ค่อนข้างเคร่งครัด
เซี่ยหยูเกาหน้า ในร้านเงียบไปชั่วขณะ
จะพูดอย่างไรดี
ความสัมพันธ์ของเขากับโมริตะ มาคิ พูดง่ายๆ ก็คือเพื่อนวัยเด็ก
และความเป็นเพื่อนวัยเด็กนี้ น่าเชื่อถือกว่าความสัมพันธ์แบบเพื่อนวัยเด็กปลอมๆ ของโทโมโยะ อากิและซาวะมุระ เอริริมากนัก
ที่ย่านการค้าเก่านี้ เต็มไปด้วยความทรงจำของทั้งสองคน
เมื่อก่อน พวกเขาเล่นด้วยกัน ไปโรงเรียนด้วยกัน กลับบ้านด้วยกัน แม้กระทั่งอยู่ห้องเดียวกัน หัวเราะเล่นกันอย่างสนุกสนาน
และในปีที่ไม่ผ่านการคัดเลือกเข้าโรงเรียนมัธยมต้นโทสึกิ ตอน ม.1
ด้วยการอยู่เคียงข้างของเซี่ยหยูคนเดิมทุกวัน โมริตะ มาคิ ก้าวผ่านช่วงต่ำสุดของชีวิต
และในวันหนึ่งหลังเลิกเรียน เธอนัดเซี่ยหยูไปที่ดาดฟ้าอาคารเรียน ภายใต้แสงอาทิตย์ยามเย็นอันสดใส เธอสารภาพรักอย่างกล้าหาญ
ช่างเป็นฉากที่คลาสสิกเหลือเกิน
ปีนั้นทั้งสองคนรักกันหวานชื่น แม้กระทั่งมีหลายครั้งที่เกือบจะพลาดพลั้ง
แล้วก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ก็มีเซี่ยหยูคนใหม่มาแทนที่ วิญญาณของเซี่ยหยูคนโชคร้ายที่โบกมือลาโลก
พอถึง ม.2 ความรักวัยเรียนนี้ก็จบลงโดยไม่มีสาเหตุ
เหตุผลง่ายๆ คือ เซี่ยหยูคนที่เพิ่งมาใหม่ในร่างเดิม ระมัดระวังตัวเองมาก ส่วนเรื่องการมีแฟนอะไรนั่นก็ต้องบอกลาไป
แม้ว่าโมริตะ มาคิ จะสวยมาก พัฒนาการทางร่างกายก็ดี ไม่ใช่ร่างเด็กๆ แบบโลลิ
ในสายตาของเซี่ยหยูที่เป็นผู้ใหญ่ ก็ถือว่าไร้ที่ติ แต่เซี่ยหยูกลับไม่มีความรู้สึกอะไรกับเธอเลย!
ดังนั้น ภายใต้การถอยห่างอย่างตั้งใจของเขา แฟนของเซี่ยหยูร่างเดิมก็ค่อยๆ ห่างออกไป ตั้งแต่ ม.2 จนถึงตอนนี้ที่จบการศึกษา
สองปีผ่านไป เขากับโมริตะ มาคิ ยังไม่เคยนั่งลงคุยกันอย่างจริงจัง
"โมริตะ..."
เซี่ยหยูมองสาวน้อยที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์อย่างสงบ
"กรุณาเรียกชื่อฉัน โดยไม่ต้องใช้นามสกุล"
สาวผมยาวสีดำยิ้ม ใบหน้าขาวนวลงดงาม แม้เธอจะไม่ได้มีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนเทพธิดาอย่างนาคิริ เอรินะ
แต่ความงามนี้ในโลกแห่งความเป็นจริง กลับทำให้คนรู้สึกว่าเป็นจริงมากกว่า
สาวน้อยข้างบ้านที่เพิ่งเติบโต ช่างน่าหลงใหล
จากประสบการณ์ที่โมริตะ มาคิ เคยสารภาพรักก่อน ก็รู้ได้ว่าสาวน้อยคนนี้แม้ภายนอกจะดูอ่อนแอ แต่จริงๆ แล้วมีความคิดเป็นของตัวเองมาก
ส่วนเซี่ยหยูคนเดิมในช่วงความรักสั้นๆนั้น มักจะเป็นฝ่ายตั้งรับเสมอ นิสัยขี้อาย
เซี่ยหยูเงียบ แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ
"ฉันได้ยินว่าคุณปู่เซี่ยฉิงกลับประเทศไปแล้ว..."
โมริตะ มาคิ ไม่ได้สนใจ พูดต่อไปเอง "ฉันนึกว่านายจะเลือกปิดร้านอาหารชั่วคราวสะอีก
ดีใจจังที่นายสามารถดำเนินกิจการร้านอาหารนี้ต่อไปได้ นายเติบโตขึ้นมากจริงๆ นะ"
"ยังจำได้ไหมตอนที่ครอบครัวนายเพิ่งย้ายมาที่ย่านการค้านี้? ฉันจำได้ชัดเจนเลยนะ"
"วันแรกเราก็รู้จักกันแล้ว ฉันพานายไปสวนสาธารณะอุเอโนะ เล่นกันทั้งวัน
ตอนนั้นเป็นปลายเดือนมีนาคม เป็นช่วงปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิ เป็นฤดูที่ดอกซากุระบาน
ในสวนสาธารณะอุเอโนะมีต้นซากุระกว่าพันต้นบานสะพรั่ง เราเที่ยวชมวัดคันเอจิ ไปศาลเจ้าโทโชกุ วัดคิโยมิซุ จากสวนสัตว์อุเอโนะไปจนถึงพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ..."
เสียงของเธอเรียบเฉย
สายลมพัดผ่าน กลีบซากุระร่วงหล่น
ด้วยความทรงจำบางส่วนที่สืบทอดมาจากร่างเดิม ภาพความงดงามของดอกซากุระที่บานสะพรั่งในสวนสาธารณะอุเอโนะก็ผุดขึ้นมาในหัวของเซี่ยหยู
พูดถึงตรงนี้ ช่วงเวลานี้ ปิดเทอมฤดูใบไม้ผลิ ก็เป็นฤดูดอกซากุระพอดีสินะ? ช่างเป็นความบังเอิญที่แปลกประหลาด
ความปั่นป่วนบางอย่างที่เกิดขึ้นในใจ ถูกเซี่ยหยูปิดบังไว้อย่างดี
โมริตะ มาคิ ยังคงพูดต่อ ขณะที่เล่า ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายมากขึ้นเรื่อยๆ
จ้องมองใบหน้าของเซี่ยหยูอย่างแน่วแน่ พยายามจะหาสัญญาณบางอย่างที่จะทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นจากการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของเขา
แต่เธอก็ล้มเหลว
เซี่ยหยูไม่ได้ขัดจังหวะเธอ ทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี
เมื่อเห็นเช่นนั้น ความหวังเพียงน้อยนิดที่ยังคงอยู่ในใจของโมริตะ มาคิ ก็มีร่องรอยว่ากำลังจะแตกสลายอย่างสิ้นเชิง
"ดึกแล้ว ฉันไปส่งเธอนะ" เมื่อเธอพูดจบ เซี่ยหยูให้เสี่ยวหย่าและมู่เสี่ยวเย่วช่วยดูแลร้าน
ส่วนตัวเองก็ไปส่งโมริตะ มาคิ เอามือล้วงกระเป๋ากางเกง เดินเคียงข้างเธอไปตลอดทาง
ร้านขนมโมริตะกับร้านอาหารตระกูลเซี่ยอยู่ห่างกันไม่ถึง 100 เมตร ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที เซี่ยหยูยืนอยู่ใต้เสาไฟ มองส่งโมริตะ มาคิ กลับบ้าน
"เอาละ!"
เขาเอ่ยขึ้นทันใด โมริตะ มาคิ หันหลังให้เขา ไหล่สะดุ้ง
"เธอไม่ได้ละทิ้งฝีมือการทำอาหารใช่ไหม?"
"แน่นอนว่าไม่!"
โมริตะ มาคิ ตอบโดยไม่ลังเลเลย
"ยังอยากเชี่ยวชาญด้านขนมหวานอยู่ใช่ไหม?"
"นี่คือความมุ่งมั่นของตระกูลโมริตะ!"
"ฉันคิดว่าฉันช่วยเธอได้นะ ถ้าเธอยังอยากไปโทสึกิ"
พูดจบ เซี่ยหยูก็หันหลังเดินจากไป
โมริตะ มาคิ หันกลับมาอย่างตกตะลึง เอียงคออย่างงุนงง
"ทำไมถึงบอกว่าช่วยฉันได้?" โมริตะ มาคิ พึมพำ
"ฉันเชี่ยวชาญด้านขนมหวาน แต่เขาเป็นทายาทอาหารจีนตระกูลเซี่ย...
การสอบเข้าเรียนต่อในชั้นมัธยมปลายของโทสึกิเข้มงวดกว่าอีกนะ!"
"นายจะช่วยฉันยังไง?" เธอตะโกนถามเซี่ยหยู
"พรุ่งนี้มาที่ร้านฉัน..."
คิดไม่ออกว่าเพราะอะไร
แต่โมริตะ มาคิ ก็ยิ้มมุมปากอย่างรวดเร็ว เผยรอยยิ้มแห่งความสุข
อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่า หัวใจของเขายังหันมาทางเธออยู่ โมริตะ มาคิ ไม่โลภมาก เธอรู้ว่าการซ่อมกระจกที่แตกต้องค่อยๆ ประกอบชิ้นส่วนกลับเข้าไปทีละชิ้น
...
คืนที่ไม่สงบ
ดึกดื่น
บล็อกเกอร์ชื่อดังในวงการ ACG 'คุณทากิ' จู่ๆ ก็โพสต์บทความที่ไม่เกี่ยวกับ ACG เลยในช่วงดึก
เสียงคลิกเมาส์ดังขึ้น
โทโมโยะ อากิเปิดหน้าเว็บไซต์บล็อกของตัวเอง มองบทความที่เพิ่งโพสต์ไป แสงจากหน้าจอสะท้อนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจของเขา
"ก่อนอื่น ต้องขอโทษที่มาปล่อยภาพของอร่อยตอนดึก"
"ต่อมาต้องขอบคุณคุณเทียนเฟิงจากเว็บ niconico ถ้าไม่ใช่เพราะเขาหาร้านอาหารจีนนั้นเจอ วันนี้ผมอาจจะพลาดการเดินทางชิมอาหารที่น่าเสียดายไปอีกนาน"
หลังจากบทนำ ก็เป็นภาพถ่ายอาหารสวยงาม สีสันสดใส ชวนน้ำลายไหลยิ่งกว่าภาพที่ผ่านการตกแต่งเสียอีก
"จานแรก ชื่อภาษาจีนว่า 'ทังชู หลี่จี๋' วัตถุดิบหลักคือเนื้อสันใน แป้งมัน และแป้งสาลี ผมกลับมาค้นข้อมูลอาหารจีนจานนี้โดยเฉพาะ ว่ากันว่าอาหารเจ้อเจียง ซานตง เสฉวน และกวางตุ้งต่างก็มีเมนูนี้ วิธีทำก็คล้ายๆ กัน"
ต่อจากข้อความก็เป็นสูตรอาหารโดยละเอียด
"ดูแล้วรู้สึกว่าง่ายไหม? ผมก็คิดว่าง่ายมาก!" โทโมโยะ อากิเขียนตรงนี้
"แต่แนะนำโอตาคุที่มีความสามารถในการลงมือทำอาหาร และก่อนที่จะลองทำเอง กรุณาไปลองชิม 'ทังชู หลี่จี๋' ที่ร้านนี้ก่อน
ผมคิดว่าคุณจะเลิกล้มความคิดที่จะทำกินเองทันที เพราะสูตรง่ายๆ ในมือของเชฟมืออาชีพ ก็สามารถทำออกมาเป็นอาหารระดับเลิศได้ คนธรรมดาไม่มีทางทำรสชาติที่เหลือเชื่อแบบนั้นออกมาได้หรอก!"
"จานที่2 'ไก่ตุ๋นเกาลัด'..."
"จานที่3 'ตะพาบน้ำผัดซอสเต้าเจี้ยว'..."
"จานที่4 ซึ่งเป็นจานที่ผมแนะนำอย่างยิ่ง 'ซุปหูฉลามสามเซียน' เป็นอาหารมังสวิรัติ แต่อร่อยมากมากมาก!"
โทโมโยะ อากิใช้คำคุณศัพท์มากมายตรงนี้
เขาหมดคำบรรยายจริงๆ
--------------------------------
ฝากติดตาม สนับสนุน และเป็นกำลังใจให้ด้วยนะ
หากพบคำผิด แจ้งได้เลย