ตอนที่แล้วบทที่ 98 ประทัด เข็มทลายขอบเขต ความตะลึงของเซวียนเทียนเลือด!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 100 กองทัพเทพสงคราม ถ้ำสวรรค์ และอาณาเขตทหาร

บทที่ 99 สหายเซียน ไว้พบกันใหม่!


บทที่ 99 สหายเซียน ไว้พบกันใหม่!

"เจ้าบัดซบนั่น ข้าถูกเด็กในขั้นรวมพลังหลอกเช่นนั้นหรือ?" เซวียนเทียนเลือดดูดซับพลังวิญญาณ เหมือนได้รับรู้เหตุการณ์ในฝันอีกครั้ง

เขาในฐานะเซวียนเทียนเลือด จะถูกหลอกโดยเพียงแค่คนธรรมดาเช่นนั้นหรือ?

"มนุษย์ธรรมดาเล่ห์เหลี่ยมมากมายยากจะย่างเข้าสู่เส้นทางแห่งเซียน!" เซวียนเทียนเลือดส่งเสียงเย้ยหยัน หากเขาต้องพ่ายแพ้ให้กับผู้ที่มีพลังเทียบเท่ากัน เขาย่อมไม่โมโหเช่นนี้

แต่เซวียนเทียนเลือดก็แปลกใจว่าเหตุใดพลังวิญญาณของตนถึงถูกแย่งไป

ตามหลักแล้ววิญญาณเงามืดเข้าสู่ฝันต่อให้ไม่สามารถหลอกลวงได้สำเร็จ พลังวิญญาณย่อมต้องกลับคืนมา

แม้แต่กับ เฉินซือเจี๋ยก็ยังไม่ทำให้เขาสูญเสียพลังวิญญาณ

แต่ตอนนี้กลับเสียไปเกินครึ่ง?

หากทุกคนเป็นเหมือน จ้าวซิงเช่นนี้ เขาก็คงไม่สามารถใช้วิญญาณเงามืดเข้าสู่ฝันได้อีกต่อไป คงถูกดูดจนแห้ง

ดังนั้นเซวียนเทียนเลือดต้องการรู้ถึงสาเหตุเป็นอย่างยิ่ง

เขากลั้นความโกรธเอาไว้ในใจ และอดทนดูเหตุการณ์ในฝันจนจบ

“หืม?” เซวียนเทียนเลือดเบิกตา ในช่วงสุดท้ายของความฝัน เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าการเข้าสู่ฝันครั้งนี้ แตกต่างจากผู้คนทั่วไป

“สามเทพมาบรรจบรวมกันเขาเป็นผู้เข้าสู่ฝันเอง?”

“กล่าวได้ว่าตั้งแต่เริ่ม... เขาเป็นผู้ควบคุมฝันนี้?”

เซวียนเทียนเลือดถึงกับตกใจ

การเข้าสู่ฝันด้วยตัวเองนั้นยากอย่างมาก

ไม่มีผู้ฝึกตนคนใดสามารถรับรองได้ว่าจะควบคุมการหลับใหลของตนให้เข้าสู่ฝันได้

แม้แต่พลังวิญญาณจะสูงเพียงใด หากไม่สามารถรวมสามจิตวิญญาณเข้าด้วยกัน ก็ไม่อาจเข้าสู่ฝันได้เอง

“การเข้าสู่ฝันด้วยตนเองถือว่ายากยิ่ง แต่การควบคุมฝันนั้นยากยิ่งกว่า”

“พลังวิญญาณต้องไม่เพียงแต่สัมผัสจิตวิญญาณฟ้าและจิตวิญญาณดิน แต่ยังต้องสามารถมีอิทธิพลต่อทั้งสองได้ในระดับหนึ่ง”

“แต่ด้วยระดับพลังของเขาที่ต่ำต้อยขนาดนี้ เขาทำได้อย่างไร?”

เซวียนเทียนเลือดขมวดคิ้ว เขารู้สึกถึงความแปลกประหลาดในเรื่องนี้

เขาทบทวนความฝันอย่างละเอียดอีกครั้ง

เซวียนเทียนเลือดไม่สนใจท่าทางเพี้ยนๆของจ้าวซิงแต่ใส่ใจกับทุกรายละเอียดยิ่งดู ใบหน้าของเขายิ่งเคร่งขรึม

“เขาไม่เพียงแค่ฝึกฝนวิญญาณ แต่ยังครอบครองวิชาลับขั้นสูง และยังมีสมบัติระดับสูงปกป้องวิญญาณด้วย!”

“วิชานี้...” เซวียนเทียนเลือดรู้สึกคุ้นเคยอย่างเลือนราง

เขาเป็นศิษย์เอกของ สำนักเซวียนเทียนตั้งแต่สมัยก่อน แต่เนื่องจากยุคสำนักสิ้นสุดลง ร่างหลักของเขาส่วนใหญ่หลับใหลพร้อมกับสำนัก รอการฟื้นคืนชีพ ทิ้งไว้เพียงเศษเสี้ยววิญญาณอยู่ในสำนักเซวียนเทียนรับการบูชาจากศิษย์สำนัก

เซวียนเทียนเลือดมีชีวิตยืนยาวมาก ก่อนราชวงศ์ต้าโจวเขาก็เป็นศิษย์เอกของสำนักเซวียนเทียนอยู่แล้ว เขามีประสบการณ์มากมาย เขารู้สึกว่า วิชาลับที่จ้าวซิงใช้นั้น คล้ายกับบางสิ่งที่เขาเคยเห็นมาก่อน

“วิชานี้เหมือนกับวิชาที่ข้าเคยเห็นมาก่อน...” เซวียนเทียนเลือดค้นหาความทรงจำของตนอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำเหล่านั้นช่างเก่าแก่ยิ่งนัก ยุคสำนักสิ้นสุดลงนานนับหมื่นปีแล้ว!

“หืม? หรือว่านี่คือวิชาลับ ‘มหากาพย์แห่งดวงฝัน’ของสำนักเทพแห่งฝัน?”

เขานึกขึ้นมาได้ว่าสำนักเทพแห่งฝัน เคยเป็นสำนักชั้นนำในยุคโบราณ

สำนักที่ถูกขนานนามว่า "สำนักเทพ" ในยุคสำนักรุ่งเรืองนั้นมีเพียงสิบแห่งเท่านั้น

ต่อมาเมื่อสำนักเทพแห่งฝันตกต่ำลง เกิดการแตกแยกและเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินการของสำนัก จนกลายเป็นที่รู้จักในชื่อ "สำนักฝันร้าย"แต่ถึงกระนั้น ความแข็งแกร่งของพวกเขายังคงน่ากลัว

ในยุคสำนักนั้นพวกเขาเป็นที่หนึ่ง และในยุคราชวงศ์โชคชะตา สำนักเทพแห่งฝันยังกลายเป็นศาสนาประจำชาติของราชวงศ์ต้าหลี่ที่ครองอาณาจักรได้เพียงหนึ่งเดียว

แต่ทำไมวิชาลับนี้ถึงมาตกอยู่ในมือของจ้าวซิงได้?

"เขาเป็นทายาทของสำนักเทพแห่งฝัน? หรืออาจจะเป็นการกลับชาติมาเกิดของยอดคนในสำนักเทพแห่งฝัน?"

ความคิดนี้ทำให้เซวียนเทียนเลือดสะดุ้ง การรอคอยยุคฟื้นคืนพลังวิญญาณของสำนักภายนอกนั้นมีหลายวิธี

สำนักเซวียนเทียนเลือกที่จะหลับใหล รอให้พลังฟื้นคืน แต่ก็มีวิธีที่ล้ำหน้ากว่านั้น นั่นคือการกลับชาติมาเกิดในโลกมนุษย์

ผู้ที่สามารถกลับชาติมาเกิดได้ ย่อมต้องมีความสามารถโดดเด่น ในแต่ละยุคที่เกิดใหม่ พวกเขาจะก้าวไปสู่ตำแหน่งสำคัญของยุค และบางครั้งอาจนำพายุคสมัยนั้นไปในทิศทางของตนเอง

วิธีนี้มีข้อดีคือเมื่อถึงยุคฟื้นคืนพลังวิญญาณ พวกเขาจะครองความได้เปรียบทันที!

“หรือว่าจ้าวซิงคือการกลับชาติมาเกิดของยอดคนในสำนักเทพแห่งฝัน?” เซวียนเทียนเลือดรู้สึกหนาวเหน็บกับความคิดนี้

“เป็นไปไม่ได้” แต่ในชั่วพริบตา เขาก็ส่ายหัวปฏิเสธ “หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะเห็นได้ง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร?”

จ้าวซิงอ่อนแอเกินไป หากถูกพบเห็นได้ง่ายเช่นนี้ ก็จะถูกฆ่าตายได้ง่ายดาย วิญญาณแตกสลายไป

“คงเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ที่เขาได้พบเจอเศษส่วนของวิชาสำนักเทพแห่งฝัน นั่นเป็นไปได้มากกว่า” เซวียนเทียนเลือดคิดในใจ

เมื่อคิดได้ดังนี้ แววตาของเขาก็เผยความโลภออกมา “วิชาของสำนักเทพแห่งฝัน...จ้าวซิง ข้าจะจดจำเจ้าไว้”

ในขณะนั้นเอง

“ผุด ๆๆๆ ~”

สระเลือดเดือดพล่านขึ้น ขัดจังหวะความคิดของเซวียนเทียนเลือด

เขาเงยหน้ามอง เห็นชายกลางคนท่าทางทรงอำนาจ มือถือดาบโค้งใส่เกราะเงิน กำลังลอยเข้ามา

ม่านแสงสีแดงรอบด้านแตกสลายถูกแสงสีทองจากร่างของชายผู้มีร่างทองขับไล่ไป

“เทพผู้ครองทะเลสาบตะวันออกหรือ?” เซวียนเทียนเลือดเห็นนักรบในชุดเกราะทอง จึงเข้าใจทันทีว่าเขาเสียเวลาในเรื่องของจ้าวซิงเล็กน้อย

ทำให้ เทพผู้ครองทะเลสาบตะวันออก ที่ปกครองเมืองกู่เฉิงตามมาทัน

“เจ้าภูตชั่วร้ายที่ไหน!” เทพผู้ครองทะเลสาบตะวันออกตะโกนเสียงดังพลางขมวดคิ้วมองเซวียนเทียนเลือด

“เจ้าเด็กตะวันออก” เซวียนเทียนเลือดส่งยิ้มเย้ยหยัน “เมื่อเทียบกับอายุ เจ้ายังต้องเรียกข้าว่าผู้อาวุโส”

“เจ้าภูตชั่ว เจ้าได้สร้างบาปมหันต์ เจ้าสมควรตาย!” เทพผู้ครองทะเลสาบตะวันออกมองดูสระเลือดตรงหน้า พลันโกรธจัด แสงสีทองพลันเปล่งประกาย

“ฮึ ข้ารับบูชาจากมนุษย์ เช่นเดียวกับเจ้า เพียงแต่วิธีแตกต่างกันเท่านั้น” เซวียนเทียนเลือดพูดอย่างใจเย็น "เจ้าลองดูสิ นี่คือสิ่งที่วิญญาณเงามืดชื่นชอบ เจ้าอยากลองชิมดูบ้างหรือไม่?"

เซวียนเทียนเลือดพยายามหลอกล่อ “ข้าใจกว้าง จะมอบของขวัญให้เจ้า!”

"ตายซะ!" เทพผู้ครองทะเลสาบตะวันออกสะบัดดาบโค้ง เปล่งแสงสีทองและทำลายกลุ่มเลือดไปในทันที

"ชี่ชี่~" ระหว่างที่ทำลายกลุ่มเลือด แสงสีทองบนดาบโค้งก็อ่อนลงเล็กน้อย

“ช่างน่าเวทนา” เซวียนเทียนเลือดมองไปยังเทพผู้ครองทะเลสาบตะวันออกด้วยความสมเพช “เมื่อมีชีวิตก็เป็นสุนัขรับใช้ของราชวงศ์ต้าโจว ตายไปก็ยังคงถูกพันธนาการ แม้จะมีจิตวิญญาณเป็นอมตะ แต่กลับไม่อาจใช้ชีวิตอิสระ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก!”

"ฆ่า!" เทพผู้ครองทะเลสาบตะวันออกเปล่งแสงเจิดจ้าจากชุดเกราะทอง ดาบโค้งพุ่งเข้าหาเซวียนเทียนเลือด

“วิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งเลือดจงตื่นขึ้น!” เซวียนเทียนเลือดสะบัดแขนเสื้อ

“กร็อกกร็อก~” ของเหลวในสระเลือดถูกดูดออกจนหมด แล้วกลายเป็นเงาเลือดเก้าร่างที่ลอยเหนือแท่นบูชา เงาเลือดเหล่านั้นเหมือนถูกสร้างขึ้นจากเลือดแท้จริง และภายในมีหัวคนเล็ก ๆ กลิ้งอยู่

เมื่อพวกมันปรากฏตัว เสียงกรีดร้องดังสนั่น พวกมันพุ่งเข้าใส่เทพผู้ครองทะเลสาบตะวันออกทันที

ส่วนวิญญาณรองของเซวียนเทียนเลือดถอยกลับไปยังส่วนลึกของแท่นบูชา

เขาไม่อาจปล่อยให้เทพผู้ครองทะเลสาบตะวันออกถ่วงเวลาเขาได้ ยิ่งถ่วงไว้นาน ร่างวิญญาณนี้ก็จะไม่สามารถหนีไปได้

“วิญญาณร่างนี้ของข้าเพียงพอที่จะจัดการกับเทพวิญญาณประจำศาลเจ้าระดับอำเภอ แต่ไม่เพียงพอสำหรับศาลเจ้าประจำมณฑล” เซวียนเทียนเลือดทะลุผ่านผืนดิน ลอยละล่องไปในค่ำคืนตามเส้นทางที่วางแผนไว้

ในขณะที่ จ้าวซิง ใช้ ตุ๊กตาหญ้าพันธนาการระดับสองสั่งให้ไปค้นศพ

“ชี่ชี่~”

ทันทีที่ตุ๊กตาหญ้าสัมผัสร่างของ อู๋เหมยเลือดที่เกาะอยู่บนตัวนางก็ส่งเสียงชี่ชี่ ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะเริ่มละลายตัวเอง

“ตู้ม~” ตุ๊กตาหญ้าพันธนาการถูกกัดกร่อน ไม่สามารถรักษารูปร่างไว้ได้ จนร่วงลงกับพื้น กลายเป็นกองเถาวัลย์แห้งเหี่ยว

“การค้นศพสำนักเซวียนเทียนนี่มันลำบากจริง ๆ” จ้าวซิงบ่นออกมา “ตายแล้วยังไม่ให้คนอื่นค้นศพให้ดี ๆ”

เขาไม่ส่งตุ๊กตาหญ้าไปอีกครั้ง แต่รอให้ศพของอู๋เหมยละลายไปจนหมด

ถ้าหากมีสมบัติล้ำค่าหลงเหลือ มันก็จะถูกเก็บรักษาไว้ในกระบวนการละลายนี้

หากไม่มี นั่นก็แปลว่าของที่อยู่บนร่างไม่คุ้มค่า

“ไม่รู้ว่านางเป็นถึงหัวหน้าตำบลหรือรองหัวหน้าตำบลกันแน่? หากเป็นหัวหน้าตำบลนอกจากเข็มโลหิตศักดิ์สิทธิ์นางก็ควรจะมีสมบัติติดตัวมาด้วย” จ้าวซิงมองดูเงียบ ๆ แน่นอนว่าเป็นไปได้ว่าสมบัติถูกเก็บไว้ใน ‘เรือนลับปลอดภัย’ ตามเส้นทางหนี

เมื่อร่างกายละลายไปจนเผยให้เห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่วาดภาพชุดคลุมสีม่วงบนหน้าท้องของนาง

จากนั้นก็เห็นครึ่งหนึ่งของจี้หยกที่หน้าอกของนาง

เมื่อร่างกายละลายไปเรื่อย ๆ สิ่งที่อยู่ภายในก็เริ่มปรากฏ

ในกระเพาะของนาง มีลูกปัดสีแดงเลือดอยู่ ลูกปัดนั้นมีพลังชั่วร้ายเข้มข้น แต่พลังชั่วร้ายนี้ปนเปื้อนด้วยบางสิ่งบางอย่าง

ไม่นาน ร่างกายของอู๋เหมยก็เหลือเพียงโครงกระดูก ไม่มีเนื้อเลือดเหลืออยู่เลย

ส่วนวิญญาณของนางนั้น?

มันอยู่บนกระดาษที่วาดภาพชุดคลุมสีม่วงนั่นเอง

“ฟู่~”

ยังไม่ทันที่จ้าวซิงจะได้พิจารณากระดาษใบนั้น มันก็ลุกไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว

จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมา

“วิญญาณแตกสลายไปแล้ว” จ้าวซิงส่ายหัว

สำนักนอกรีดอย่างอู๋เหมย หากไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ในราชวงศ์ต้าโจว วิญญาณย่อมไม่สามารถดำรงอยู่ได้

เมื่อสิ้นชีวิต ไม่มีสิ่งใดคุ้มครอง นางย่อมพบกับจุดจบของวิญญาณแตกสลาย

“ข้าจะไม่ทำหน้าที่สายลับเด็ดขาด โดยเฉพาะการเป็นสายลับให้กับฝ่ายสำนัก มันทำให้วิญญาณแตกสลาย ไม่มีแม้โอกาสที่จะกลายเป็นวิญญาณเทพเลย” จ้าวซิงคิดในใจ

“แคร็ก~” เมื่อกระดาษเผาไหม้ จี้หยกครึ่งชิ้นนั้นก็ทนไม่ไหว แตกออกเป็นสองเสี่ยง

“จี้หยกปกปิดวิญญาณใช้ร่วมกับการปกป้องจากวิญญาณเทพแห่งสำนักเซวียนเทียนเท่านั้นจึงจะซ่อนตัวได้ แต่เมื่อการปกป้องจากวิญญาณเทพหายไป จี้หยกนี้ก็ไร้ประโยชน์”

จ้าวซิงมองดู เห็นว่าไม่มีสิ่งอื่นใดบนร่างของอู๋เหมยที่ปรากฏขึ้นอีก ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เขาจึงสั่งตุ๊กตาหญ้าอีกตัวไปเก็บสมบัติ

“ลูกปัดโลหิตขั้นสี่”

เมื่อตุ๊กตาหญ้านำมาให้ จ้าวซิงจ้องมองอยู่ห่าง ๆ สองเมตร

“กรร~!”

ในลูกปัดโลหิตนั้น ปรากฏเงาของสิงโตทองคำลอยออกมา กระตุ้นพลังวิญญาณของจ้าวซิง

ทำให้เขารู้สึกอยากกลืนลูกปัดโลหิตนี้เข้าไป

“ลูกปัดโลหิตขั้นสี่สังหารวิญญาณสัตว์ระดับหก และใช้เลือดบริสุทธิ์หนึ่งหยดผสานเข้าไปในลูกปัดโลหิต จากนั้นผสมผสานพลังชั่วร้ายเข้าไปในเลือดของวิญญาณสัตว์ทำให้ลูกปัดโลหิตกลายเป็นสมบัติที่ซ่อนอยู่ในจุดพลังภายในร่างกาย ผู้ใช้งานสามารถดึงพลังต่อสู้เหนือธรรมชาติออกมาได้ อีกทั้งยังสามารถใช้พลังชั่วร้ายเป็นเกราะป้องกันตนเอง”

“แต่ข้อดีก็มี ข้อเสียก็เยอะ ผู้ใช้ต้องทนต่อการทรมานจากจิตสำนึกของวิญญาณสัตว์ภายในลูกปัด หากจิตใจไม่แข็งแกร่งพอ ทุกช่วงเวลาต้องขับไล่พลังชั่วร้ายออก มิฉะนั้นก็ต้องพิชิตจิตสำนึกของสัตว์ให้ได้เสียก่อน”

“ขายดีกว่า” จ้าวซิงตัดสินใจในทันที

“ลูกปัดโลหิตนี้ยุ่งยากเกินไป เป็นสมบัติสำหรับนักรบ หากข้าจะใช้งานลูกปัดนี้ เกรงว่าข้าต้องมีพลังถึงระดับแปดขึ้นไปจึงจะสามารถรับมือกับมันได้”

“ลูกปัดโลหิตกับเข็มโลหิตศักดิ์สิทธิ์นี่ขายได้ราคาไม่เบาเลย ข้าคงได้เงินคืนหลังจากซื้อภาพวาดสืบทอดวิชา ข้าถึงกับถังแตกอยู่ครู่หนึ่ง... สหายเอ๋ย เจ้าตายอย่างงดงามจริง ๆ” จ้าวซิงกระซิบเบา ๆ “ถ้ามีชาติหน้า เราคงได้พบกันใหม่ ข้าจะฆ่าเจ้าอีกครั้ง”

"โครม!"

เสียงระเบิดดังขึ้นจากระยะไกล แสงสว่างเจิดจ้าชั่วครู่แผ่กระจายออกมาในค่ำคืน

จ้าวซิงหันไปทางเสียงระเบิด เห็นแสงสีทองสว่างวาบผ่านไป

“นี่มันกระบวนท่าดาบเทพสายฟ้าของหลงเสี่ยวนี่ใช่กระบวนท่าควบคุมดาบทองคำหรือไม่?” จ้าวซิงพึมพำ เขาคุ้นเคยกับ “อดีตเจ้านาย” ของเขาเป็นอย่างดี กระบวนท่าดาบเทพสายฟ้าของหลงเสี่ยวมาจากเศษกระบวนท่าที่เขาค้นพบในสุสานโบราณ ซึ่งเขาได้ขัดเกลาเป็นกระบวนท่าของตนเองในภายหลัง

แม้พลังในกระบวนท่านี้จะด้อยกว่ากระบวนท่าที่ผ่านการฝึกฝนมานาน แต่ก็เพียงพอแล้วสำหรับสถานการณ์นี้ เพราะนักรบก็เป็นนักรบ ส่วนผู้ฝึกกระบวนท่าดาบก็เป็นผู้ฝึกกระบวนท่าดาบ

“ดูเหมือนว่าทุกอย่างใกล้จะจบแล้ว” จ้าวซิงมองดูปฏิทินหลีกเลี่ยงเคราะห์ ซึ่งลดระดับจากร้ายแรงเหลือเพียงระดับเล็กน้อย “แต่เทพผู้ครองทะเลสาบตะวันออกยังไม่กลับมา”

เขายืนอยู่ในลานบ้าน ใช้ความสามารถจากวิชามองเห็นยามค่ำคืนสำรวจสถานการณ์รอบด้าน จากอีกทิศทางหนึ่ง เขาเห็นเงาของคนสองคนวิ่งผ่านไป

“นั่น หลี่เฉิงเฟิงหรือเปล่า?”

แสงวูบวาบเผยให้เห็นภาพของหลี่เฉิงเฟิง เขาเดินออกจากลานบ้าน ข้างกายมีเงาดำปรากฏขึ้นเคียงข้าง

เมื่อเสียงระเบิดดังขึ้นมาอีกครั้ง เฉินเต๋อซุ่นกับหลี่เฉิงเฟิงหันไปทางต้นเสียงพร้อมกัน

ทั้งสองคนมองเห็นจ้าวซิงและร่างของอู๋เหมยที่อยู่ข้างนอก

“อะไรนะ?!” เฉินเต๋อซุ่นตกตะลึงเมื่อเห็นกระดูกขาวโพลน “เขาฆ่าอู๋เหมย หรือมีคนอื่นทำ?”

พลังวิญญาณของจ้าวซิงสั่นไหวเมื่อเห็นเฉินเต๋อซุ่น การเชื่อมโยงจากวิญญาณดินทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าเฉินเต๋อซุ่นคือ “นักรบหญ้า” (สำนวนจีนเปรียบเหมือนสายลับที่ปรับตัวโอนเอนดังต้นหญ้า) ที่เขาพบเจอในลานตระกูลหนิว

“หลี่เฉิงเฟิง เขาถูกหลอก หรือถูกควบคุมกันแน่?” จ้าวซิงขมวดคิ้ว แม้เขาจะไม่ชอบนิสัยของหลี่เฉิงเฟิง แต่เขาก็ตะโกนออกไปอย่างกังวล

“หลี่เฉิงเฟิง! ถอยไปซะ!”

ลมเย็นจู่โจมวิญญาณพัดผ่านเฉินเต๋อซุ่น แต่เมื่อถึงตัวหลี่เฉิงเฟิง มันกลับกลายเป็นลมอ่อนหวังจะกระตุ้นจิตวิญญาณของเขาให้ฟื้นคืนสติ

เมื่อลมเย็นพัดผ่าน ร่างของหลี่เฉิงเฟิงก็ถูกลมอุ่นหอบกลับไปอีกทิศทาง

“จ้าว... จ้าวซิง...” หลี่เฉิงเฟิงหันกลับมามอง มีจุดเลือดปรากฏที่หน้าผากของเขา เข็มบางเล่มหนึ่งเสียบลึกเข้าไปถึงสามนิ้วเหนือศีรษะ

แววตาของหลี่เฉิงเฟิงเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความกลัว ความประหลาดใจ และความเสียใจ

แต่จ้าวซิงเห็นเพียงความเจ็บปวดบนใบหน้าของเขาเท่านั้น

“ฮึ!” เฉินเต๋อซุ่นคว้าตัวหลี่เฉิงเฟิง พลังชั่วร้ายพลันขับไล่ลมเย็นออกไป จากนั้นพลังนั้นก็ม้วนตัวเข้าห่อหุ้มพวกเขาไว้ ก่อนจะหายไปในความมืด

“เขาถูกควบคุมโดยเข็มโลหิตศักดิ์สิทธิ์” จ้าวซิงส่ายหัว เขาไม่ได้ช่วยหลี่เฉิงเฟิงด้วยความหวังดี แต่เป็นเพราะเห็นแก่หน้าเฉินเต๋อซุ่น

แผนการครั้งนี้เฉินเต๋อซุ่นเป็นผู้นำ หากหลี่เฉิงเฟิงถูกจับไป ความสำเร็จของแผนการคงถูกลดทอนลงมาก

แต่เท่านี้ก็มากพอแล้ว สำหรับสถานการณ์วุ่นวายนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการปกป้องตัวเอง

หลังจากที่หลี่เฉิงเฟิงและเฉินเต๋อซุ่นหายตัวไป จ้าวซิงก็เพิ่มความระมัดระวัง ถอยกลับไปซ่อนตัวอยู่หลังตุ๊กตาหญ้าผู้คุ้มกัน แล้วใช้เชือกมัดขาของตนไว้กับประตู

เขายังสั่งตุ๊กตาหญ้าของตนว่า “ก่อนฟ้าสาง จงห้ามข้าออกจากลานบ้านเด็ดขาด”

คำสั่งนี้ถูกส่งต่อไปยังแมวภูเขาด้วย

“ระวังไว้ก่อนย่อมไม่เสียหาย” จ้าวซิงพันเถาวัลย์รอบขาของเขาแน่น แล้วให้ตุ๊กตาหญ้ารายล้อมรอบตัว ก่อนจะจุดโคมวิญญาณอีกครั้งและนั่งเงียบ ๆ รอจนถึงฟ้าสาง

หลังจากอู๋เหมยตายไปได้ครู่หนึ่ง เฉินเต๋อซุ่นกับหลี่เฉิงเฟิงก็โผล่มาและหายไปอีกครั้ง

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง

ประตูหน้าลานบ้านมีเสียงเรียกที่คุ้นเคยดังขึ้น

“จบแล้ว ออกมาได้แล้ว”

จ้าวซิงลุกขึ้น เห็น เฉินซือเจี๋ยยืนอยู่นอกลานบ้าน

“จบแล้วหรือ?” จ้าวซิงถอนหายใจอย่างโล่งอก เขายืนขึ้นจากบันไดพลางถาม “ท่านเฉินปลอดภัยดีหรือไม่? แล้วอาจารย์ของข้าล่ะ?”

เฉินซือเจี๋ยพยักหน้า “ข้าไม่เป็นไร ศัตรูหลักของสำนักเซวียนเทียนถูกกำจัดหมดแล้ว”

“แต่ยังมีบางส่วนที่หนีไปได้ ข้าส่งทหารส่วนใหญ่ไปตามล่า ข้ากลัวว่ายังมีพวกเหลืออยู่ในที่นี้ ข้าแนะนำให้เจ้าถอยไปพร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรเสีย”

จ้าวซิงที่เพิ่งปลดเถาวัลย์ออกจากขาได้ชะงัก เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของจ้าวซิงก็ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหยุดการเคลื่อนไหวทันที

"เจ้าไม่เชื่อใจข้าหรือ?"

เฉินซือเจี๋ยมองด้วยสายตาเย็นชา

จ้าวซิงหลับตาลง สูดลมหายใจลึก ๆ จากนั้นเขาค่อย ๆ ถอยหลังกลับไป ปิดหูของตนเองด้วยลมเย็นที่ห่อหุ้มร่างกาย แล้วถอยกลับไปจนถึงโต๊ะ

เขาเอื้อมมือไปสำรวจ และพบว่า…

โคมไฟวิญญาณที่จุดไว้นั้นดับลงเสียแล้ว

‘เฉินซือเจี๋ย’ ที่ยืนอยู่นอกลานบ้านเผยสีหน้าแปลกใจ เสียงหนึ่งดังขึ้นในจิตใจของจ้าวซิง: “ข้าพลาดตรงไหนงั้นหรือ?”

“เฉินซือเจี๋ยตัวจริง จะไม่เรียกตนเองว่า ‘ข้า’ ในสถานการณ์ส่วนตัวแบบนี้” จ้าวซิงลืมตาขึ้นมาและกล่าวเสียงเรียบ “เจ้านี่ช่างกล้าหาญจริง ๆ ถึงขนาดไม่ยอมหนีไป เจ้าไม่กลัวเทพผู้ครองทะเลสาบตะวันออก แล้วเจ้าไม่กลัวเจ้าเมืองหนานหยางหรือ?”

ในใจของจ้าวซิงเองก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เพราะเขาคาดไม่ถึงว่าเงาวิญญาณของเซวียนเทียนเลือดจะมายังที่นี่ด้วยตัวเอง

ตามหลักแล้ว เมื่อขั้นแรกของวิญญาณเงามืดเข้าสู่ฝันจบลง และขั้นที่สองของการจับตัวเสร็จสิ้น ทุกคนควรจะหนีไปตามแผน

แต่ไม่คาดคิดว่าเรื่องราวจะพลิกผันเช่นนี้

“เทพผู้ครองทะเลสาบตะวันออกถูกข้าถ่วงเอาไว้แล้ว” ‘เฉินซือเจี๋ย’ กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “แต่วิญญาณร่างนี้ของข้าคงหนีไม่รอดแล้ว เจ้าพูดถูก ข้าไม่กลัวเทพผู้ครองทะเลสาบตะวันออก แต่ข้ากลัวเจ้าเมืองหนานหยาง”

“ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะส่งคนมาได้จริง ๆ ในเมื่อข้าหนีไม่รอด ก็เลยมาหาเจ้า”

“ข้าเป็นแค่เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตร เจ้ามาหาข้าทำไมกัน? หนีไปเถอะ ลองหนีดูก่อนเถอะ เผื่อเจ้าจะหนีได้!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า” เซวียนเทียนเลือดหัวเราะเสียงดัง เขามองออกว่าจ้าวซิงกำลังหวาดกลัว

กลัว… นั่นแหละคือสิ่งที่ข้าต้องการ

เขากำลังจะกล่าวอะไรเพิ่มเติม แต่ทันใดนั้นก็มีแสงทองวูบหนึ่งปรากฏขึ้นจากระยะไกล พร้อมกับเสียงตะโกนดังลั่น:

“จ้าวซิง! อย่าเปิดประตู!”

เซวียนเทียนเลือดมองจ้าวซิงเป็นครั้งสุดท้าย “สหายเซียน ไว้พบกันใหม่”

เสียง ฮึ่ม ดังขึ้น พร้อมกับเปลวไฟลุกท่วมร่าง เขาทำลายวิญญาณร่างนี้ของตนเองลงโดยไม่ลังเล

ในขณะเดียวกัน เฉินซือเจี๋ยตัวจริงก็มาถึงทันเวลา ส่วนเทพผู้ครองทะเลสาบตะวันออกก็กลับเข้าสู่ร่างวิญญาณของตนในรูปปั้น

ฟึ่บ!

เฉินซือเจี๋ยกระโดดข้ามกำแพงเข้ามาในลานบ้าน

ในเมื่อจ้าวซิงเคยเชิญเขาเข้ามาโดยตรง ทำให้เขาสามารถผ่านเข้ามาได้โดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ ซึ่งนั่นพิสูจน์ได้ว่าเฉินซือเจี๋ยตรงหน้านี้เป็นตัวจริง

"เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?" เฉินซือเจี๋ยถาม

“ข้าไม่เป็นไร” จ้าวซิงส่ายหัว “เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?”

"เป็นวิญญาณเงามืดของเซวียนเทียนเลือด" เฉินซือเจี๋ยตอบสั้น ๆ "แต่ตอนนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว"

จ้าวซิงพยักหน้า แต่ยังคงมีคำพูดหนึ่งของเซวียนเทียนเลือดที่ก้องอยู่ในใจ

“สหายเซียน” … เขาหมายความว่าอะไร?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด