ตอนที่แล้วบทที่ 53 ผู้บำเพ็ญแห่งสำนักขงจื๊อ 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 55 ปลาคู่หยินหยาง 

บทที่ 54 ภาพสีหน้า 


บริเวณทางทิศเหนือของทะเลสาบชิงเสี้ยวก็มีน้ำท่วมเช่นกัน

แต่น้ำเหล่านั้นไม่ได้ไหลมายังฝั่งทะเลสาบชิงเสี้ยวจึงไม่ส่งผลกระทบต่อคันกั้นน้ำและค่ายกลยันต์ที่นี่

เมื่อคิดถึงเสียงดังสนั่นก่อนหน้านี้เล่ยจวินคาดว่าเซียมซีระดับต่ำสุดที่บอกว่า"ทางตันทางทิศเหนือ"น่าจะไม่ได้เป็นการซุ่มโจมตีจากคนของตระกูลหลินแต่เป็นภัยพิบัติขนาดใหญ่ที่ยากจะต้านทานได้

ฟางเยว่โบกมือจบการสนทนาและให้ฟางหมิงหยวนกับคนอื่นๆรวมถึงหลู่เจาเชิงไปหลบภัยชั่วคราว

เขายังคงยืนอยู่บนคันกั้นน้ำของทะเลสาบชิงเสี้ยวมองไปทางทิศเหนือ

แต่ไม่มีภัยพิบัติหรือคนจากตระกูลหลินปรากฏตัว

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนจู่ๆก็มีชายหนุ่มในชุดผู้บำเพ็ญสีม่วงปรากฏตัวเหนือทะเลสาบแขวนสวรรค์โดยมีเมฆขาวลอยอยู่รอบตัว

เมื่อเขามาถึงบรรยากาศรอบข้างก็เปลี่ยนไปท้องฟ้าเริ่มปลอดโปร่งฝนหยุดตกลมพัดอย่างอ่อนโยนทุกอย่างดูสงบและมีความสุข

เขาโบกมือเบาๆทะเลสาบแขวนสวรรค์ก็ค่อยๆลดระดับลงน้ำที่เคยไหลบ่าอย่างรุนแรงก็หยุดไหลและพลังวิญญาณที่ปั่นป่วนก็สงบลง

ในพริบตาเดียวทะเลสาบชิงเสี้ยวก็กลับมาสงบเงียบเหมือนในอดีต

“ท่านคือผู้บำเพ็ญอวี้หลีจื่อแห่งภูเขาหลงหูใช่หรือไม่? ข้าน้อยฟางเยว่จากตระกูลฟางแห่งจิงเซียงขอคารวะ”

ฟางเยว่ยืดตัวตรงและทักทายอย่างนอบน้อม

ส่วนฟางหมิงหยวนตาโตมองไปยังภูเขาที่พังทลายซึ่งเผยให้เห็นเล่ยจวินและหลัวฮ่าวหรานปรากฏตัวหลังจากทะเลสาบแขวนสวรรค์สงบลง

เล่ยจวินที่ได้ยินคนอื่นเรียกชื่อ์อาจารย์ของตัวเองก็รู้สึกไม่คุ้นเคยเขาแทบจะจำไม่ได้เลยว่าคือใคร...จนกระทั่งรีบเก็บดวงตาทองคำหลบคลื่นน้ำแล้วกล่าวคารวะว่า“อาจารย์”

ผู้ที่มาไม่ใช่ใครอื่นนั่นก็คือหยวนโม่ไป๋

เขามาพร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่นเช่นเดิมและทักทายฟางเยว่ว่า

“ที่แท้ก็คือบุตรแห่งตระกูลฟางแห่งจิงเซียงว่ากันว่าเจ้าเป็นยอดฝีมือ สมคำล่ำลือจริงๆ”

ฟางเยว่กล่าวอย่างนอบน้อม

“ข้าน้อยไม่กล้าท่านผู้บำเพ็ญเรียกข้าว่าต้วนเฟิงเถิด”

เขาหันไปแนะนำฟางหมิงหยวน

“นี่คือน้องชายข้าฟางหมิงหยวน”

หยวนโม่ไป๋ยังคงยิ้มอยู่

“คุณชายหมิงหยวนเองก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน จากที่เจอเมื่อปีที่แล้วปีนี้เจ้าดูโดดเด่นกว่าเดิมมาก”

ฟางหมิงหยวนที่เก็บอารมณ์เรียบร้อยแล้วก็ตอบอย่างสุภาพ

“หมิงหยวนขอคารวะท่านผู้บำเพ็ญ ขอให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรงและมีอายุยืนยาว”

หลังจากทักทายแขกภายนอกแล้วหยวนโม่ไป๋จึงทักทายหลู่เจาเชิงก่อนจะหันไปหาเล่ยจวิน

“ดูเหมือนเจ้าจะผ่านเรื่องวุ่นวายมาพอสมควร”

เล่ยจวินตอบ

“ข้ายังสบายดีแต่ศิษย์พี่หลัวบาดเจ็บหนักและอาจารย์หลู่ก็เหน็ดเหนื่อยไม่น้อย”

หยวนโม่ไป๋เรียกเล่ยจวินมาพูดคุยก่อนจะโบกมือเบาๆและบินขึ้นไปหาหลัวฮ่าวหรานที่ยังคงพักฟื้นอยู่โดยไม่ต้องการรบกวนการพักผ่อนของเขา

เล่ยจวินเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังโดยคร่าวๆ

“คนของตระกูลหลิน...”หยวนโม่ไป๋ส่ายหัวเบาๆ

“ที่ภูเขาทางทิศเหนือมีบางคนเสียชีวิต”

เล่ยจวินกล่าวว่า

“ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินเสียงดังมาจากทางทิศเหนือ”

หยวนโม่ไป๋ถอนหายใจเบาๆ

“พูดให้ถูกต้องก็คือมันเกี่ยวข้องกับข้าบางส่วนข้าไม่ได้สังหารพวกเขาโดยตรง แต่เพราะข้าพวกเขาจึงต้องตาย”

แสดงว่าภัยพิบัติทางทิศเหนือไม่ได้เป็นเพียงภัยธรรมชาติแต่ยังเกิดจากฝีมือของอาจารย์ข้าเองด้วย...

เล่ยจวินรู้สึกสงสัย

แม้แต่ฟางหมิงหยวนก็เงี่ยหูฟัง

“ก่อนหน้านี้ข้าออกไปเพราะมีนัดประลอง”

หยวนโม่ไป๋อธิบายสั้นๆว่า

“ข้าพยายามควบคุมสถานที่และทิศทางของการต่อสู้เพื่อไม่ให้กระทบถึงภูเขาชิงเสี้ยวดังนั้นข้าจึงจัดการต่อสู้ในเขตภูเขาร้าง”

“แต่ไม่ได้คาดคิดว่าพลังการต่อสู้จะส่งผลกระทบไปถึงคนของตระกูลหลินถึงแม้ข้าจะไม่ได้เป็นคนลงมือเอง...”

นั่นหมายความว่าคู่ต่อสู้ของท่านอาจารย์ต่างหากที่ทำให้คนของตระกูลหลินที่ซุ่มโจมตีทางทิศเหนือเสียชีวิต

พวกเขาตั้งใจจะซุ่มโจมตีศิษย์ที่มีพลังสองถึงสามชั้นฟ้าอย่างเล่ยจวิน

แต่พวกเขาไม่รู้ว่ามีผู้เชี่ยวชาญกำลังต่อสู้กันอยู่ในภูเขาร้าง...

เล่ยจวินพยายามกลั้นไม่ให้หัวเราะออกมา

เขาฝึกฝนอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้หัวเราะในสถานการณ์เช่นนี้

หยวนโม่ไป๋เล่าเรื่องเพียงคร่าวๆก่อนจะหันไปพูดกับหลู่เจาเชิงว่า

“พี่หลู่ค่ายกลยันต์ของทะเลสาบชิงเสี้ยวไม่มีปัญหาแล้ว ที่นี่ไม่เหมาะที่จะต้อนรับแขกขอเชิญคุณชายทั้งสองไปพักที่สำนักชิงเสี้ยว”

ฟางเยว่ตอบว่า

“เช่นนั้นข้าขอรบกวนท่านด้วย”

สำนักเทียนซือกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ชัดเจน

ศัตรูอย่างตระกูลหลินแห่งเจียงโจวก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งพวกเขาเริ่มทดลองการกระทำเบื้องต้น

นอกจากการยุยงให้ตระกูลตงแห่งแม่น้ำชิงหลานก่อปัญหาแล้วตระกูลหลินเองก็ส่งคนมาสอดแนมในเขตเทือกเขาอวิ๋นเซียว

ผลสุดท้ายพวกเขาต้องสูญเสียอย่างใหญ่หลวง

ฟางเยว่ช่วยเพียงแค่ฉินเทาและขับไล่คนของตระกูลหลินจากทางตะวันตกเท่านั้น

แต่ทางเหนือและทางทะเลสาบชิงเสี้ยวทั้งสองฝ่ายกลับถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง

ความขัดแย้งระหว่างตระกูลหลินแห่งเจียงโจวกับสำนักเทียนซือใกล้จะทวีความรุนแรงและนี่เพิ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น

ระหว่างทางกลับไปสำนักชิงเสี้ยวหยวนโม่ไป๋กล่าวกับเล่ยจวินว่า

“น้ำท่วมในเขตเทือกเขาอวิ๋นเซียวรุนแรงมาก แต่ข้าติดภารกิจอื่นจึงไม่ได้มาช่วยได้ทันเวลาสำนักเรากับสำนักจื่อเสี้ยวได้ส่งคนมาช่วยแล้ว”

แม้พวกเขาอาจไม่ทันช่วยน้ำท่วม

แต่การต่อสู้กับตระกูลหลินและตระกูลตงเพิ่งจะเริ่มขึ้น

คนที่มาจากสำนักของเราก็เป็นคนคุ้นเคยเช่นกัน

เนื่องจากภารกิจเบื้องต้นคือการจัดการน้ำท่วมจึงไม่ได้ส่งคนมามากนัก

ผู้นำทีมคือศิษย์ผู้รับตำราศักดิ์สิทธิ์บุตรชายคนโตของผู้อาวุโสจื่อหยาง...หลี่เซวียน

หนึ่งในศิษย์ที่มากับเขาคือฉวี่หย่งผู้ที่เคยไปสำนักย่อยเสวียนหยางกับเล่ยจวิน

เมื่อมาถึงสำนักชิงเสี้ยวทุกคนทักทายกันอย่างสุภาพและหลี่เซวียนก็ไม่ได้แปลกใจมากนักเมื่อได้ยินข่าวของตระกูลหลินแห่งเจียงโจว

เพราะพวกเขาเป็นศัตรูคู่แค้นกันมานานและรู้จักกันเป็นอย่างดี

หลี่เซวียนถามหยวนโม่ไป๋

“อาจารย์อาเราควรทำอย่างไรต่อไป...”

หยวนโม่ไป๋ตอบด้วยน้ำเสียงสงบ

“ตระกูลหลินอาจมีแผนสำรอง แต่เราไม่ต้องรีบร้อนขอเพียงอยู่ในเทือกเขาอวิ๋นเซียวอีกสักพักและส่งรายงานเรื่องนี้กลับไปยังสำนักโดยเร็วรวมถึงคุ้มครองศิษย์ที่บาดเจ็บกลับไปพักฟื้นที่สำนัก”

“นอกจากนี้ยังมีคุณชายตระกูลฟางทั้งสองที่มาพักที่นี่ เราควรเจรจากับพวกเขาเพื่อให้แน่ชัดถึงท่าทีของตระกูลฟาง”

หลี่เซวียนและศิษย์คนอื่นๆต่างเห็นด้วย

ส่วนเรื่องของฉินเทา

เขายืนรออยู่หน้าวิหารด้วยความรู้สึกสำนึกผิดและหวาดกลัว

แม้หลี่เซวียนและฟางเยว่จะไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก แต่พวกเขาก็รู้จักกันมานาน

หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวที่ฉินเทาถูกตระกูลหลินจับกุม หลี่เซวียนถอนหายใจยาว

“น่าเสียดายจริงๆ”

เขาหันไปมองหยวนโม่ไป๋และหลู่เจาเชิง

“ในเมื่อเขาเป็นศิษย์ของสำนักจื่อเสี้ยว ควรส่งตัวเขากลับไปให้สำนักตัดสินโทษ”

ทั้งหยวนโม่ไป๋และหลู่เจาเชิงต่างพยักหน้าเห็นด้วย

“แบบนี้ดีแล้ว”

ฉินเทาพอจะมีความหวังขึ้นบ้าง แต่แล้วก็ได้ยินหลี่เซวียนสั่งให้ศิษย์ของสำนักเทียนซือส่งตัวเขากลับไปที่สำนักจื่อเสี้ยวและรอการตัดสิน

ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาคงไม่สามารถหวังพึ่งความสัมพันธ์หรือความช่วยเหลือจากคนที่คุ้นเคยได้อีกฉินเทาจึงรู้สึกสิ้นหวังทันที

ทั้งหมดนี้เป็นการจัดการที่ปกติ

สิ่งที่ไม่ปกติคือการที่ทุกคนเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ทะเลสาบชิงเสี้ยวอย่างละเอียดให้คนอื่นฟัง

เมื่อหลี่เซวียนได้ยินเรื่องที่เล่ยจวินและพวกต่อสู้กับคนของตระกูลตงเขาก็หันมามองเล่ยจวินด้วยความประหลาดใจ

จากนั้นเขาก็หันไปจ้องฉวี่หย่งอย่างกะทันหัน

ฉวี่หย่งตกใจยิ่งกว่า จนตาแทบจะถลนออกจากเบ้า

เมื่อหลี่เซวียนจ้องมองเช่นนั้นฉวี่หย่งรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว

เล่ยจวินยังคงยืนอยู่อย่างสงบนิ่งทำเหมือนไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าทั้งสองคน

แต่แล้วเล่ยจวินก็เริ่มคิดถึงคำเตือนของศิษย์พี่ใหญ่สวี่หยวนเจินจึงเริ่มสร้างภาพในหัว

ภาพแรกหลี่เซวียนและฉวี่หย่งยืนเคียงข้างกันมองด้วยความตกตะลึง

อืมภาพนี้จะตั้งชื่อว่า“ตกตะลึง”

ภาพที่สองหลี่เซวียนหันไปจ้องฉวี่หย่งด้วยความโกรธขณะที่ฉวี่หย่งแสดงความรู้สึกน้อยใจ

อืมภาพนี้จะตั้งชื่อว่า“น้อยใจ”

(บทจบ)

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด