บทที่ 244: การกลั่นแกล้งคุณเสินเป็นเรื่องเหมาะสมจริงๆ หรือ?
“โม่นยูซวง (บุกอบกรอบ) คืออะไรเหรอ?” หลัวอี้หางถามขึ้น
เคอจื่อถงตอบว่า “ก็ขนมขบเคี้ยวเผ็ดๆ น่ะค่ะ บุกผลิตที่เจิ้นป่ามีปริมาณมาก พวกคุณก็มีพริกอยู่แล้ว สามารถซื้อมาเพื่อทำโม่นยูซวงได้ค่ะ”
เธอยังคิดถึงรายได้จากโรงงานทำเส้นอยู่ หลัวอี้หางพยักหน้า “เป็นไอเดียที่ดีนะ”
แล้วเขาก็หันไปถามเจียงวา “เจียงวา โรงงานของเราผลิตโม่นยูซวงได้ไหม?”
เจียงวาตอบว่า “ของทานเล่นในบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กต้องวิจัยสูตรใหม่ๆ นะ แต่เรื่องการผลิตทำได้แน่นอน เพิ่มสายการผลิตได้เลย”
หลัวอี้หางพยักหน้าและกล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่รีบ ว่ากันอีกทีละกัน ตอนนี้เรื่องเร่งด่วนคือผมวางแผนที่จะผลิตถุงยาสำหรับแช่เท้า ซึ่งต้องใช้เวลาและการจัดการเอกสารขออนุญาตค่อนข้างเยอะ ส่วนคุณสมบัติของโรงงานโอเคย์คครอบคลุมครบถ้วน”
“ถุงยาสำหรับแช่เท้า? นี่มันก้าวกระโดดไปหน่อยไหมคะ... โรงงานอาหารจะผลิตถุงยาแช่เท้าได้หรือ?”
ทุกคนต่างถามคำถามขึ้นมาพร้อมๆ กัน แต่แต่ละคนก็สนใจประเด็นต่างกันไป
หลัวอี้หางตอบคำถามของหลิวเพี่ยวเลี่ยงก่อนว่า “ผมมีวัตถุดิบไป๋จือที่สุกแล้ว ต้องนำมาผลิตเป็นสินค้าให้ได้”
จากนั้นเขาตอบคำถามเคอจื่อถงว่า “โรงงานอาหารทำไม่ได้ แต่ถ้าเราซื้อมาแล้วเราก็จะเพิ่มหน่วยผลิตสินค้าด้านการดูแลสุขภาพเข้าไป”
และสุดท้ายเขาตอบเจียงวา “นอกจากใบอนุญาตทั่วไปแล้ว ก็ยังต้องมีใบอนุญาตประกอบการยาและการรับรอง SC”
เจียงวาคิดอยู่สักพักและกล่าวเสริมว่า “ใบอนุญาตประกอบการยาน่าจะต้องให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาตรวจสอบ และคุณเสินมีทุกอย่างครบ เขาทำเรื่องขออนุญาตแบบครอบคลุมไว้หมดแล้ว”
ใบอนุญาตครอบคลุมนั้นเหมือนกับตอนที่ทำใบอนุญาตการประกอบการซึ่งสามารถขออนุญาตได้ทุกประเภทไม่ว่าจะใช้หรือไม่ใช้ เผื่อในอนาคตที่อาจจะมีการใช้งาน
เมื่อคุณเสินขอกู้เงินเจ็ดล้านเพื่อปรับปรุงโรงงาน เขาทำเรื่องขออนุญาตที่สามารถทำได้ทั้งหมด รวมถึงการผลิตเครื่องสำอางค์ด้วย
โรงงานที่เขาอัปเกรดจึงตรงตามมาตรฐานสูงสุดทุกประการ มีความพร้อมต่อการใช้งาน และไม่ต้องเสียเวลามาทำเอกสารใหม่อีกภายหลัง เขาเป็นคนที่มองการณ์ไกลจริงๆ
——
หลังจากตกลงกันในเรื่องทิศทางแล้ว สิ่งที่เหลือคือขั้นตอนปฏิบัติ
“เจียงวา เล่าให้ทุกคนฟังทีว่าในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาคุณทราบข้อมูลอะไรบ้างนอกจากการกู้เงินจากธนาคาร แล้วเขายังติดหนี้อะไรอีกไหม? แล้วหุ้นส่วนของโรงงานเขามีกี่คน?”
เจียงวาทำเสียงเคลียร์ลำคอแล้วตอบว่า “เขายืมเงินเล็กๆ น้อยๆ จากญาติๆ ประมาณหลายหมื่น เมื่อสองสามเดือนก่อนเขาใช้เงินยืมจากญาติเพื่อจ่ายค่าแรงให้กับพนักงาน โรงงานของเขามีเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินซึ่งเป็นญาติเขา พูดถึงเรื่องนี้บอกว่า คุณเสินต้องยืมเงินจากญาติเพื่อจ่ายเงินเดือนพนักงาน”
หลัวอี้หางพอใจเมื่อได้ยินว่าการกู้ยืมมีเพียงแค่จากญาติสนิท แถมไม่มีการจำนองซ้ำซ้อน
“ส่วนเรื่องหุ้นส่วน คุณเสินเป็นเจ้าของคนเดียว โดยมีหุ้นส่วนเล็กๆ ซึ่งเป็นภรรยาของเขา ถือหุ้นอยู่ 1%”
หลัวอี้หางผงกศีรษะและกล่าวเสริมว่า “ดีมาก”
เจียงวาพูดถึงปัญหาที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือเรื่องคน เขาได้สอดส่องข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการภายในของโรงงานโอวเคย์ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เขารู้ว่าใครทำงานดี ใครกินคอมมิชชั่น ใครเป็นพนักงานที่ไว้ใจได้และควรเก็บไว้
“คุณเสินไล่พนักงานบางคนออกแล้ว แต่ก็ยังมีบางคนที่ทำงานไม่ดีเราคงต้องปรับปรุง”
เจียงวาพูดต่อไปว่า “ส่วนเจ้าหน้าที่การเงินคนนี้ เธอเป็นญาติของคุณเสินและมีความสามารถ แต่เธอก็ยังเป็นคนชอบพูดมาก เธอเป็นคนที่ให้ข้อมูลกับพวกเรา แต่ก็น่าจะปล่อยให้เธอออกไปเองและมอบเงินชดเชยที่ดีให้”
จากนั้นหลัวอี้หางกล่าวต่อ “การจัดการของคนเหล่านี้สามารถทำให้เรียบร้อยหลังจากซื้อกิจการได้ ส่วนราคาซื้อนั้นจะอยู่ที่ราวๆ หนึ่งล้านหยวนต้นๆ ด้วยการคิดมูลค่าทรัพย์สินปัจจุบันของโรงงานโอวเคย์ซึ่งลดลงเหลือเพียงเก้าล้านหยวน และหนี้เจ็ดล้านหยวน”
เจียงวาและหลัวอี้หางหันไปมองหลิวเพี่ยวเลี่ยงพร้อมกัน
หลิวเพี่ยวเลี่ยงชี้ที่ตัวเอง “ผมเหรอ?”
ทั้งสองพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่แล้ว นายไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน พอดีเลย”
หลัวอี้หางอธิบายว่าหากหลิวเพี่ยวเลี่ยงไปติดต่อโดยตรงกับโอวเคย์ก็จะไม่ทำให้ฝ่ายนั้นเอะใจ ควรมีตัวกลางในการเข้าซื้อโรงงานเพื่อให้การเจรจาง่ายขึ้น พวกเขาจะสามารถพูดคุยเงื่อนไขต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
ทุกคนในที่ประชุมพยักหน้ารับ และยังคงติดตามแผนงานอย่างใกล้ชิด
ซื่อเจวียนยกมือขึ้นแล้วกล่าวว่า “ฉันก็อยากไปด้วย!”
หลัวอี้หางหัวเราะและถามว่า “เธอจะไปทำอะไร?”
ซื่อเจวียนตอบอย่างมั่นใจว่า “หลิวเพี่ยวเลี่ยงเป็นเจ้านาย เคอจื่อถงเป็นผู้ช่วย ส่วนฉันจะเป็นคนขับรถและบอดี้การ์ด ต้องครบเครื่องถึงจะดูเป็นเจ้านายใหญ่แบบในละครทีวี!”
สิ่งที่เธอสนใจคือการกลั่นแกล้งครั้งนี้มันช่างสนุกจริงๆ
(จบบท)###