ตอนที่แล้วบทที่ 238 สวี่เย่ยังสามารถทำเพลงซิมโฟนีได้หรือ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 240 นักร้องคนนี้ถูกกฎหมายแต่มีปัญหา

บทที่ 239 หากมีวันพรุ่งนี้ ขออวยพรให้เธอที่รัก


เวลา 20.00 น.

รายการ เพลงพเนจร ตอนที่ 4 ออกอากาศตรงเวลา

จ้าวฮุ่ยถิง รีบเปิดทีวีที่บ้านเพื่อรับชมผ่านแอปเพนกวินวิดีโอ

ปัจจุบันนี้ ทีวีในบ้านหลาย ๆ หลังเป็นทีวีอัจฉริยะ ซึ่งต้องติดตั้งแอปเหมือนกับโทรศัพท์มือถือ

สิ่งนี้ไม่ค่อยเป็นมิตรกับคนรุ่นพ่อแม่

พ่อของจ้าวฮุ่ยถิงก็ไม่ถนัดเรื่องพวกนี้ เวลาจะดูโทรทัศน์เขาก็แค่เปิดดูรายการโทรทัศน์ไปเรื่อย ๆ จนเจอแต่โฆษณาเต็มไปหมด

และที่น่าหงุดหงิดคือ บัญชีสมาชิกของแอปในทีวีกับโทรศัพท์มือถือยังใช้ร่วมกันไม่ได้อีกด้วย

โชคดีที่รายการ เพลงพเนจร สามารถรับชมได้แม้ไม่มีสมาชิก แค่ต้องดูโฆษณาสักหน่อยเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้รบกวนอะไรมากนัก

จ้าวฮุ่ยถิงนั่งดูโทรทัศน์บนโซฟาคนเดียว

ส่วนพ่อของเธอนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ เขาไม่ค่อยสนใจรายการวาไรตี้เท่าไหร่ เพียงแค่อยากฟังเพลงของสวี่เย่ที่ลูกสาวชอบเท่านั้น

พอถึงตอนที่สวี่เย่ปรากฏตัว จ้าวฮุ่ยถิงก็หัวเราะคิกคัก

พ่อของเธอมองไปที่ทีวีด้วยความสงสัย “หัวเราะอะไรเหรอ?”

จ้าวฮุ่ยถิงรีบตอบ “พ่อไม่คิดเหรอว่าตอนที่สวี่เย่ออกมาเขาตลกดี?”

ทุกวันนี้เพียงแค่สวี่เย่ปรากฏตัว ก็ทำให้หลายคนหัวเราะได้แล้ว

ทั้งที่เขาหล่อมาก แต่กลับไม่มีใครให้ความสนใจในความหล่อของเขาสักเท่าไหร่

พ่อของจ้าวฮุ่ยถิงมองไปที่สวี่เย่ในโทรทัศน์

“พ่อเมื่อก่อนก็ดูดีพอ ๆ กับเขานะ”

จ้าวฮุ่ยถิงร้องออกมาอย่างไม่เชื่อ และดูรายการต่อไป

พ่อของเธอก้มลงอ่านหนังสือต่อ แต่ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นจากในรายการ

“ทุกคน มองมาที่ฉัน!”

เสียงนี้ดังมากจนพ่อของเธอต้องเงยหน้าขึ้นมามองทีวี

ภาพที่เห็นคือสวี่เย่กำลังยืนอยู่กลางถนน คอยโบกรถและจัดการจราจร

“เจ้านี่มันบ้าจริง ๆ” พ่อของจ้าวฮุ่ยถิงพูดด้วยความทึ่ง

รายการนี้เห็นชัดว่าอัดสดจากข้างถนน ไม่ได้จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า

คนที่กล้าทำแบบนี้ ต้องมีอะไรสักอย่างไม่ปกติแน่ ๆ

จ้าวฮุ่ยถิงหัวเราะไม่หยุด “ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ เลยค่ะท่านผู้อำนวยการ!”

ต่อมา เมื่อสวี่เย่พูดว่า “จะให้ฉันนั่งดูนายใช้เงินซื้อของให้เราเฉย ๆ ได้ยังไง” จ้าวฮุ่ยถิงก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง

เธอใช้มือถือแชตกับเพื่อน ๆ ไปด้วยในขณะดูโทรทัศน์

เสียดายที่ทีวีส่งข้อความแชตสดไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเธอคงพิมพ์อะไรลงไปแล้ว

ในขณะที่ดูรายการ พ่อของจ้าวฮุ่ยถิงก็เริ่มละสายตาจากหนังสือและหันมาดูโทรทัศน์บ้าง

รายการนี้มันสนุกจริง ๆ

สวี่เย่เป็นคนที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

เมื่อถึงตอนที่สวี่เย่เล่าเรื่องที่เขาเกือบเสียชีวิต พ่อของจ้าวฮุ่ยถิงก็หัวเราะออกมาเช่นกัน

“เจ้าเด็กคนนี้คิดไม่เหมือนคนทั่วไปเลยสักนิด”

พ่อของจ้าวฮุ่ยถิงคิดว่ารายการนี้ดูแล้วไม่น่าเบื่อเลย

และเรื่องราวของหลิวจื้อหยวนก็เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับคนหนุ่มสาว

พ่อของจ้าวฮุ่ยถิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “อย่ามัวแต่หัวเราะฟังไปหัวเราะไปสิ ดูหลิวจื้อหยวนสิ ถึงเขาจะเป็นนักศึกษา แต่ก็ยังต้องทำงานหนักมากนะ พ่อบอกเลยว่าการเรียนเป็นสิ่งที่หยุดไม่ได้ ถึงหนูจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้วก็ยังต้องขยันต่อไป ถ้าอยากสบายในอนาคตก็ต้องพยายามให้มากตอนนี้”

จ้าวฮุ่ยถิงไม่ได้สนใจคำพูดของพ่อมากนัก จึงตอบเพียงว่า “หนูรู้แล้วค่ะ”

หลังจากนั้นไม่นาน หลิวจื้อหยวนเล่าเรื่องราวความรักที่ไม่สมหวังของเขา และสวี่เย่พูดขึ้นว่า “นายดูสามก๊กไหม? รู้จักโจโฉไหม?”

ในตอนที่ทีมงานตัดต่อกำลังเตรียมรายการ พวกเขาถามอวี๋เวยว่าควรตัดประโยคนี้ออกหรือไม่

อวี๋เวยจึงไปถามความเห็นของสวี่เย่

สวี่เย่ตอบกลับว่า “ตัดออก? ถ้าตัดออก ฉันพูดไปก็เปล่าประโยชน์สิ”

อวี๋เวยได้แต่พูดไม่ออก

“หมอนี่จะไม่อยู่ในวงการบันเทิงแล้วรึไง?”

สุดท้าย ประโยคนั้นก็ไม่ได้ถูกตัดออก

ฉากที่มาหลู่เอามือปิดปากสวี่เย่ก็ปรากฏในรายการเช่นกัน

จ้าวฮุ่ยถิงหันไปถามพ่อว่า “พ่อคะ พ่อบอกให้หนูตั้งใจเรียน แล้วทำไมตอนที่สวี่เย่พูดถึงโจโฉ มาหลู่ถึงปิดปากเขาล่ะ? โจโฉทำอะไรผิดเหรอ?”

พ่อของจ้าวฮุ่ยถิงหน้าเขียวทันทีและเริ่มพูดติดอ่าง

จะตอบยังไงดีล่ะ?

ในฐานะพ่อ จะบอกลูกสาวได้ยังไง?

สุดท้ายพ่อของเธอก็ตอบว่า “เด็ก ๆ อย่าถามมากนัก”

พ่อของเธอยิ่งไม่ตอบ จ้าวฮุ่ยถิงก็ยิ่งสงสัย

ช่วงนี้รายการพักโฆษณา จ้าวฮุ่ยถิงจึงหยิบมือถือขึ้นมาแชตกับเพื่อน ๆ

ไม่นานเธอก็ได้คำตอบ

ตอนนี้เธอเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายปีที่ 2 แล้ว อายุเท่านี้รู้มากพอสมควร

มีเพื่อนผู้ชายในกลุ่มที่อธิบายอย่างละเอียด

“ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ ผู้อำนวยการ!”

“โจโฉ: ข้าชอบภรรยาคนอื่น”

“แบบนี้ก็ออกอากาศได้เหรอ?”

จ้าวฮุ่ยถิงรู้สึกเขินเล็กน้อย เธอเดาว่าพ่อของเธอคงรู้แต่ไม่กล้าบอก

“ผู้อำนวยการนี่ทำเรื่องวุ่นวายเก่งจริง ๆ!” จ้าวฮุ่ยถิงคิดในใจ

จากนั้นรายการก็ดำเนินไปสู่ช่วงการสังเกตของกลุ่มอื่น ๆ เมื่อสิ้นสุดลงก็เข้าสู่ช่วงร้องเพลง

จ้าวฮุ่ยถิงตั้งใจดูนักร้องแต่ละคนที่ขึ้นแสดง

เธอไม่ได้ชอบนักร้องเหล่านั้นเป็นพิเศษ แต่ดูเพื่อที่จะได้ไปคุยกับเพื่อน ๆ ในห้องแชต

เวลาที่ทุกคนพูดถึงสวี่เย่ว่าเก่งแค่ไหน เธอจะได้พูดเสริมว่าทำไมเขาถึงเก่ง

นักร้องสามคนแรกทำได้ดีมาก

ส่วนพ่อของเธอก็หันมาดูช่วงเพลงด้วย

มีนักร้องหญิงสองคนที่สวยมาก ใส่ชุดกระโปรงและรองเท้าส้นสูง โชว์เรียวขาขาว ๆ

ถึงจะไม่ได้ฟังเพลง แต่แค่ดูไปก็เพลินตา

ผู้ชายก็เหมือนกันหมดแหละ

พอถึงคราวที่มาหลู่ขึ้นแสดง จ้าวฮุ่ยถิงก็หันไปบอกพ่อว่า

“เพลงที่หนูเปิดให้พ่อฟังตอนกลางวัน เพลง พันธมิตรอกหัก เขาร้องกับสวี่เย่และตงอวี้คุนนี่แหละค่ะ”

พ่อของเธอพยักหน้า “หมอนี่ใช้ได้เลย”

หากจ้าวฮุ่ยถิงเปิดฟังก์ชันแชตสด เธอคงเห็นข้อความที่ทุกคนพิมพ์กันว่า “ยินดีต้อนรับวงมาหลู่!”

หลังจากจบเพลง แรงดึงดูด จ้าวฮุ่ยถิงก็อึ้งไป

“เพราะมาก! เพราะจริง ๆ!”

ไม่ใช่แค่ผู้ชายที่ถวิลหาความรัก ผู้หญิงก็เช่นกัน

สาวน้อยมัธยมปลายเห็นผู้ชายที่ชอบก็ใจเต้นได้เหมือนกัน

ความรู้สึกในวัยเยาว์ มันดีจริง ๆ

หลังจากนั้นพอถึงคิวของเฉิงเทียนเล่ยขึ้นแสดง พ่อของจ้าวฮุ่ยถิงก็พูดขึ้นว่า “คนนี้พ่อรู้จัก เฉิงเทียนเล่ย พ่อก็รู้จักเพลงของเขาหลายเพลงนะ สวี่เย่จะชนะเขาได้เหรอ?”

จ้าวฮุ่ยถิงรีบพูดว่า “ต้องชนะอยู่แล้ว!”

หลังจากเฉิงเทียนเล่ยแสดงจบ พ่อของจ้าวฮุ่ยถิงก็หัวเราะ “สมกับที่เป็นนักร้องระดับตำนาน ร้องได้ดีจริง ๆ สวี่เย่จะชนะได้เหรอ ยากมากเลยนะ”

ในเวลานี้ ผู้ชมส่วนใหญ่ที่ดูรายการก็มีความคิดแบบเดียวกัน

เฉิงเทียนเล่ยมีความสามารถที่ไม่ธรรมดาเลย

ตอนนี้ทุกคนยิ่งเฝ้ารอการแสดงของสวี่เย่

เมื่อสวี่เย่ถือกีต้าร์ขึ้นเวที จ้าวฮุ่ยถิงก็ตะโกนออกมา

พ่อของเธอพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “อย่าตื่นเต้นไปหน่อยเลย ก็แค่เล่นกีต้าร์ ทำตัวนิ่ง ๆ หน่อย”

ไม่นานนักเสียงเพลงก็ดังขึ้น

“นั่นคือฉัน...”

เมื่อสวี่เย่ร้องท่อนสุดท้ายว่า “หากมีวันพรุ่งนี้ ขออวยพรให้เธอที่รัก” เพลงก็จบลง

ตัวหนังสือบนหน้าจอก็ปรากฏขึ้น

จ้าวฮุ่ยถิงยิ้มกว้างและพูดว่า “เพราะมาก! อยู่ดี ๆ ก็เริ่มเห็นว่าสวี่เย่หล่อแล้วสิ!”

เธอหันไปมองพ่อของเธอ

แต่เธอกลับพบว่าพ่อที่มักทำหน้าตึงอยู่เสมอ ตอนนี้กลับมีน้ำตาคลออยู่ในดวงตา

“พ่อคะ เป็นอะไรไป?” จ้าวฮุ่ยถิงถาม

คนในวัยต่างกัน เมื่อฟังเพลง เด็กหนุ่มชรา ก็ย่อมมีความรู้สึกที่แตกต่างกันไป

จ้าวฮุ่ยถิงเข้าใจเพียงแค่ผิวเผิน

เธอเข้าใจเพียงแค่ความรู้สึกโหยหาวัยเยาว์

แต่เธอยังอยู่ในช่วงวัยเยาว์ ทำให้เธอไม่สามารถรู้สึกได้มากนัก

ส่วนพ่อของเธอนั้นต่างออกไป

บางสิ่งต้องสูญเสียไปแล้วถึงจะรู้จักคุณค่าที่แท้จริง

เช่น วัยเยาว์

เช่นวันที่เขาลืมที่จะจูงมือใครคนนั้นไว้

พ่อของจ้าวฮุ่ยถิงรีบตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอก ตาแค่คันนิดหน่อย พ่อเผลอไปขยี้น่ะ”

เขารีบหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดตา

แต่ไม่ว่าจะเช็ดแค่ไหน ดวงตาก็ยังคงแดงอยู่ดี

พ่อของเธอวางทิชชู่ลงและพูดขึ้นเบา ๆ ว่า “เฉิงเทียนเล่ยแพ้แล้ว”

พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นไปห้องน้ำ

เขาคือ เด็กหนุ่มชรา แต่เขาก็เป็นพ่อคนเช่นกัน

ผู้ชายจะเป็นเด็กหนุ่มไปจนตาย

แต่เมื่อเด็กหนุ่มคนนี้กลายเป็นพ่อ เขาย่อมมีภาระหน้าที่หลายอย่างที่ต้องแบกรับ

เขาไม่อยากให้ลูกสาวเห็นด้านอ่อนแอของเขา

เมื่อเข้ามาในห้องน้ำแล้ว พ่อของเธอก็เปิดก๊อกน้ำล้างหน้า

เขามองดูใบหน้าของตัวเองในกระจก

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เส้นผมทั้งสองข้างเริ่มมีสีขาวแซมแล้ว

หลังจากล้างหน้าเสร็จ เขาเดินเข้าไปในห้องทำงาน เปิดตู้หนังสือและหยิบสมุดบันทึกเก่า ๆ เล่มหนึ่งออกมา

เมื่อเปิดสมุดบันทึกเล่มนั้นออกมา ข้างในเต็มไปด้วยบทความที่เขาเขียนด้วยลายมือ

มีทั้งบทความสั้น บทความเชิงบรรยาย และบทกวี

ครั้งหนึ่งพ่อของจ้าวฮุ่ยถิงก็เคยเป็นคนหนุ่มสายศิลป์ ความฝันของเขาคือการเป็นนักเขียน

เมื่อเห็นตัวอักษรที่เริ่มเลือนลางไปตามกาลเวลา เขาเปิดไปที่หน้าว่างหน้าสุดท้ายของสมุดบันทึก

ครั้งสุดท้ายที่เขาเขียนลงในสมุดเล่มนี้ คือเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตั้งแต่ลูกสาวของเขาเกิดมา เขาก็ไม่ได้เขียนอะไรอีกเลย

แต่ครั้งนี้ หลังจากได้ฟังเพลง เด็กหนุ่มชรา เขาก็รู้สึกอยากจะหยิบปากกาขึ้นมาเขียนอีกครั้ง

ถึงเวลาที่เขาจะต้องบอกลาความฝันในอดีตแล้ว

เขาหยิบปากกาออกมาและเขียนท่อนหนึ่งของเพลง เด็กหนุ่มชรา ลงไป

“หากมีวันพรุ่งนี้ ขออวยพรให้เธอที่รัก”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด