บทที่ 21 เส้นทางกลับบ้านที่ไม่ชอบมาพากล
เฟยเหนี่ยวสปอร์ต เผชิญกับวิกฤติการเงิน
หม่าเซิ่งหนาน ซื้อประกันชีวิตวงเงินสูง
เซี่ยเหมย มีแรงจูงใจในการฆ่าไป๋ปิง
ภาพหน้าผู้หญิงชรา...
ไป๋ปิง ไม่มีสัญญาณแห่งโชคชะตา
คนตายหรือ?
...
เสิ่นเฟยเขียนประเด็นเหล่านี้ลงไปอย่างเรียบง่าย และจ้องมองสมุดบันทึกของเขาอย่างใจลอย
ภายในสองวัน เขาได้บันทึกจุดสำคัญต่าง ๆ ของคดีไป๋ปิงไว้ทั้งหมด
แน่นอนว่าต้องมีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่ระหว่างจุดสำคัญเหล่านี้ที่จะเชื่อมโยงพวกมันเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ
แล้วเงื่อนงำนั้นจะเป็นอะไร?
เสิ่นเฟยคิดไม่ออกในทันที เขาจึงปิดสมุดบันทึกลง
“หัวหน้าเสิ่น ยังไม่ได้กินข้าวเย็นใช่ไหมครับ? ผมเลี้ยงข้าวมื้อนี้เอง!”
ลิ่วจึ จัดเตียงพับอย่างเรียบร้อยแล้ว เห็นเสิ่นเฟยเก็บสมุดบันทึก จึงเอ่ยชวนขึ้น
เสิ่นเฟยแค่นเสียงหัวเราะ “พูดดูดีอีกแล้ว คงหวังจะกินข้าวฟรีล่ะสิ?”
ลิ่วจึหัวเราะ “หัวหน้าเสิ่น รู้ทันผมจริง ๆ”
ท้องของเสิ่นเฟยเริ่มร้องด้วยความหิว เขาจึงลุกขึ้นและกล่าวว่า “ไปกันเถอะ ข้าง ๆ สถานีตำรวจมีร้านเกี๊ยวอร่อยอยู่ร้านหนึ่ง”
“ดีเลย!”
ลิ่วจึยิ้มกว้างทันที
ทั้งสองคนเดินออกจากสถานีตำรวจ เดินไปประมาณร้อยเมตรก็ถึงร้านเล็ก ๆ ชื่อ ร้านเกี๊ยวพี่ซิน
พวกเขาสั่งเกี๊ยวไส้หมูกับหอมใหญ่ กับอาหารผัดสองจาน และเหล้าขาวหนึ่งขวด
พวกเขานั่งกินและดื่มกันไปอย่างเพลิดเพลิน
หลังจากดื่มเหล้าขาวร้อน ๆ ไปไม่กี่แก้ว หน้าของลิ่วจึก็เริ่มแดง และเขาเริ่มพูดไม่หยุด
“หัวหน้าเสิ่น ผมไม่เคยรู้เลยว่าการเป็นตำรวจสืบสวนจะเหนื่อยขนาดนี้ ทำงานไม่มีวันไม่มีคืนเลยนะครับ”
เสิ่นเฟยยิ้มขื่น “ใช่ ถ้าไม่ปิดคดีได้ พวกเราก็ไม่มีโอกาสพักหรอก ทั้งหมดก็เพราะพวกชอบทำผิดกฎหมายอย่างนายไง”
ลิ่วจึหัวเราะเก้อ ๆ “หัวหน้าเสิ่น ผมคิดมาดีแล้วครับ จากนี้ไปผมจะเลิกทำเรื่องผิดกฎหมายแล้ว”
“ทำไม? จะเป็นคนดีแล้วหรือ?”
“ก็ทำนองนั้นครับ มีคำโบราณว่า ‘เดินริมแม่น้ำบ่อย ๆ ก็ต้องเปียกบ้าง’ ครั้งนี้ผมกลัวสุด ๆ ไปเลย คงไม่กล้าเดินกลางคืนอีกแล้ว”
เสิ่นเฟยพยักหน้า “ดีแล้ว ถ้ายังทำต่อไป สักวันจะต้องเจอเรื่องใหญ่ จนต้องติดคุกตลอดชีวิต”
แม้ว่าเสิ่นเฟยจะยุ่งกับงานและมีเพื่อนน้อย แต่ลิ่วจึกลับเป็นข้อยกเว้น แม้คนหนึ่งเป็นตำรวจ อีกคนเป็นโจร แต่พวกเขาก็มีเรื่องคุยกันมากมาย
ลิ่วจึยิ้ม “จริงครับ ชีวิตที่ต้องแอบ ๆ ซ่อน ๆ มันไม่มีความหมายเลย”
“ถ้านายคิดจะเปลี่ยนตัวเองจริง ๆ ฉันจะหางานให้นาย”
“ขอบคุณมากครับ หัวหน้าเสิ่น มาชนแก้วกัน!”
ลิ่วจึยกแก้วขึ้นอย่างดีใจ เสิ่นเฟยชนแก้วกับเขาแล้วดื่มหมดในคราวเดียว
ลิ่วจึพูด “หัวหน้าเสิ่น จริง ๆ แล้วคดีไป๋ปิงนี่ ผมว่าไม่ได้ซับซ้อนอะไร”
“นายมีความเห็นยังไง?” เสิ่นเฟยถามอย่างสนใจ
“น่าจะเป็นหม่าเซิ่งหนานที่ต้องการหลอกเอาเงินประกัน คนรวยบางคนภายนอกดูดี แต่ลับหลังทำเรื่องแย่ยิ่งกว่าเราอีก”
เสิ่นเฟยไม่แสดงความคิดเห็น แม้เขาจะเคยคิดเช่นนี้ แต่หลักฐานที่มีไม่สอดคล้องกัน การสันนิษฐานล้วน ๆ ไม่อาจใช้ในการตัดสินคดีได้
หลังจากดื่มกันจนมึนเมา ทั้งสองคนก็ออกจากร้านเกี๊ยว
เสิ่นเฟยพูด “ลิ่วจึ นายกลับไปเองนะ ฉันต้องกลับบ้านไปดูปลาที่เลี้ยงไว้ มันคงใกล้จะอดตายแล้ว”
ลิ่วจึพยักหน้า “ได้ครับ ถ้ามีเรื่องด่วนผมจะโทรหาคุณ”
เสิ่นเฟยเดินกลับบ้าน เขาอาศัยอยู่ไม่ไกลจากสถานีตำรวจ แค่สองช่วงถนนเท่านั้น
ระหว่างเดินกลับ เขารู้สึกว่าคืนนี้บรรยากาศดูแปลก ๆ
ขณะที่เขาเดินผ่านต้นไม้ริมทาง จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ เหมือนมีคนเดินตามมา
เขาหยุดและหันไปมอง แต่ไม่เห็นใคร มีเพียงไฟถนนบางดวงที่ดับลง
เสิ่นเฟยคิดว่าไฟคงเก่ามากและเสียเป็นเรื่องปกติ เขาจึงเดินต่อ
เมื่อใกล้ถึงประตูทางเข้าหมู่บ้าน เขาได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง คราวนี้เสียงอยู่ใกล้มาก
เขาค่อย ๆ เอื้อมมือไปจับปืนที่ซ่อนอยู่ใต้รักแร้ แต่พอดีมีคนเดินออกมาจากป้อมยาม
“หัวหน้าเสิ่น คืนนี้กลับบ้านหรือครับ?”
เป็นลุงจ้าวยามประจำหมู่บ้าน
เสิ่นเฟยถอนหายใจด้วยความโล่งใจ แต่ในวินาทีถัดมา ลุงจ้าวกลับทำหน้าตกใจ ชี้ไปที่ด้านหลังของเสิ่นเฟย
“หัวหน้าเสิ่น... ข้างหลังคุณ... มีคนตามมาด้วย!”
เสิ่นเฟยตกใจและหันกลับไปทันที พร้อมชักปืนออกมา แต่ด้านหลังเขา... ว่างเปล่า
เมื่อหันกลับมาอีกที ลุงจ้าวก็หายไปแล้ว มีเพียงลมหนาวพัดผ่านจนเสิ่นเฟยรู้สึกขนลุก
เขารีบวิ่งกลับบ้านทันที เปิดไฟทุกดวง แล้วนั่งหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่ง
เสิ่นเฟยคิดกับตัวเอง หรือว่าสิ่งประหลาดที่เกิดกับลิ่วจึจะเกิดขึ้นกับเขาด้วย?
หรือว่า... ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับไป๋ปิง จะต้องเจอกับสิ่งลี้ลับ?