ทุกคนเปลี่ยนอาชีพ : แต่นักฝึกมังกรกากสุดงั้นเหรอ? ตอนที่ 69 บอสสุดแกร่ง ตู้ม หาย!
“อั๊ง!”
เสี่ยวเย่คำรามพร้อมสะบัดปีกบินขึ้นฟ้า
จากนั้นร่างของเสี่ยวเย่ก็เริ่มเปลี่ยนแปลง
จากที่มีเปลวเพลิงใต้เกล็ดของเสี่ยวเย่และส่องแสงตามลมหายใจ
แต่เมื่อกำลังจะเปลี่ยนเป็นร่างนักทำลาย เปลวเพลิงก็ได้หายไป
แต่ในตอนนี้ เกล็ดของเสี่ยวเย่เติบโตขึ้นปกคลุมร่างกายและส่องแสงสะท้อนที่เหมือนแสงสะท้อนจากเหล็กกล้า
ร่างของเสี่ยวเย่นั้นดูแข็งแกร่งกว่าเดิม มันขยายสองเท่าจากร่างเดิมและมีกล้ามเนื้อเต็มไปหมด
ดูเหมือนว่าภูเขาไฟที่เคยอยู่ภายในตัวนั้นถูกฝังกลบลงไป แต่มันทำหน้าที่เหมือนกับเตาเผาและเสริมพลังให้กับร่างใหม่ของเสี่ยวแย่และเพิ่มพลังระเบิดให้
ต่อมา แรงกดดันจากเสี่ยวเย่ได้เพิ่มขึ้นจากร่างต่อสู้ เสี่ยวเย่ดูเหมือนกับมังกรทำลายโลก แม้ว่าจะไม่มีเปลวเพลิงที่เป็นตัวแทนของพลังเวทย์ แต่พลังในร่างกายนั้นไม่ใช่สิ่งที่ใครจะเมินได้
เทียบกับร่างเดิมแล้ว ร่างใหม่ของเสี่ยวแย่นั้นเหมาะกับการต่อสู้ระยะประชิดอย่างมาก
แม้แต่ปีกยังถูกปกคลุมด้วยเกล็ดมังกรดำที่แข็งและคมเหมือนกับชั้นเกราะ
ตอนนี้ ทั้งร่างของเสี่ยวเย่นั้นดำเหมือนกับเหล็ก และถือว่าเป็นร่างนักทำลายอย่างเป็นทางการ
ในร่างนักทำลาย แม้ว่าค่าจิตของเสี่ยวเย่จะลดลงครึ่งหนึ่งเหลือเพียง 700 พลังของเพลิงลาวาจึงลดลงอย่างมาก
แต่ค่าความแกร่งของเสี่ยวเย่นั้นเพิ่มขึ้นจนน่ากลัวไปถึงสามพันหน่วย!
ค่าความแกร่งสามพันหน่วย มันหมายถึงอะไร?
แม้แต่นักดาบระดับสามหรือสี่ก็ไม่มีค่าความแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวแบบนั้น!
ไม่เพียงเท่านั้น สกิลของเสี่ยวเย่ยังเพิ่มขึ้นมาอีกสองสกิล นั่นคือ กระชากปฐพีและคำรามแห่งความกลัว
ยากที่จะจินตนาการถึงความทรงพลังของสกิลทั้งสอง กระชากปฐพีและคำรามแห่งความกลัวจะถูกใช้ด้วยค่าความแกร่งสามพันหน่วย
เสี่ยวเย่เปลี่ยนร่างกลางอากาศและร้องคำรามอีกครั้ง
เสียงคำรามดังกว่าเดิม มันเหมือนกับเสียงฟ้าร้อง
ลู่ฟานอยากจะเห็นความแข็งแกร่งของเสี่ยวเย่ในตอนนี้มานานแล้ว เขาชี้ไปที่ยักษ์ภูเขาอเมทิสสามตัวและสั่ง
“ไปเลยเสี่ยวเย่ ร่างนักทำลายของแกมันแข็งแกร่งแค่ไหนกัน”
“กรามกัด!”
เสี่ยวเย่สะบัดปีกดำอย่างบ้าคลั่ง สายลมพายุแรงพัดจนพื้นสะเทือน เห็นได้ถึงความทรงพลังนั้นเลย
ภายใต้พลังนี้ ความเร็วในการบินของเสี่ยวเย่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล มังกรบินด้วยความเร็วที่ขัดกับขนาดตัว และพริบตาเดียวก็ไปถึงยักษ์ตัวตรงกลาง
เสี่ยวเย่พุ่งเข้าใส่ยักษ์ภูเขาอเมทิสเสียงดังกระหึ่ม ยักษ์ภูเขาอเมทิสตัะวนั้นไม่มีเวลาแม้แต่จะตอบสนองก่อนที่จะแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ชิ้นเหล่านั้นกลายเป็นหินแตกนับไม่ถ้วนและกระเด็นหายไปด้วยแรงที่เหลืออยู่จากเสี่ยวเย่
พลังโจมตีที่แข็งแกร่งจนสังหารบอสระดับฝันร้ายเลเวล 20 ในพริบตา?!
แม้ว่าเขาจะคาดคิดผลลัพธ์ไว้แล้ว ลู่ฟานก็แอบตกใจเมื่อได้เห็นเสี่ยวเย่บดขยี้ยักษ์ภูเขาอเมทิสที่ขึ้นชื่อในเรื่องพลังป้องกันมหาศาลในทีเดียว
ค่าความแกร่งสามพันหน่วยนั้นยอดเยี่ยมมาก…
ในขณะเดียวกัน ลู่ฟานเองก็พบว่าค่าสถานะของเสี่ยวเย่ที่เปลี่ยนไป ทำให้ค่าสถานะผ่านการเชื่อมโยงสายโลหิตของเขาก็เปลี่ยนไปด้วย
ในตอนนี้เขามีค่าความแกร่งสูงถึง 370 หน่วยซึ่งมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า!
ด้วยค่าความแกร่งของลู่ฟานในตอนนี้ ย่อมไม่มีปัญหาที่เขาจะจัดการยักษ์ภูเขาอเมทิสด้วยตัวเอง
ในตอนที่ลู่ฟานอยากจะพุ่งเข้าไปใช้กรงเล็บมังกรจัดการกับยักษ์ภูเขาอเมทิส เขาก็เห็นเสี่ยวเย่ยืนบนพื้นชูร่างท่อนบนและตบพื้นด้วยขาหน้า
เสี่ยวเย่ในร่างนักทำลายนั้นไม่ได้มีอุ้งเท้าหน้าที่น่ารักเหมือนร่างเด็ก
อุ้งเท้าหน้าในตอนนี้หยาบกร้านแข็งแกร่ง เมื่ออุ้งเท้าตบพื้นแล้วพลังอันบ้าคลั่งก็ฉีกกระชากพื้นดินไป
รอยแยกเหมือนเหวนรกเกิดขึ้นบนผืนดินและกระจายไปทางร่างของยักษ์ภูเขาที่เหลืออีกสองตัวเหมือนกับสายฟ้า แค่พริบตาเดียวมันก็นำพาพลังนั้นพุ่งเข้าใส่ยักษ์ภูเขาอเมทิสทั้งสองตัว
นี่คือสกิลที่ได้มาจากการเปลี่ยนเป็นร่างนักทำลาย นั่นคือกระชากปฐพี มันสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อศัตรูและทำให้หยุดนิ่งด้วย
แต่ความอดทนของยักษ์ภูเขาอเมทิสนั้นดูจะทำอะไรกับพลังมหาศาลของสกิลกระชากปฐพีไม่ได้ หลังจากพลังปะทะร่างกาย ร่างใหญ่ของพวกมันก็แตกสลายไปเหมือนกับพื้นดิน
ผลของการทำให้ศัตรูหยุดนิ่งนั้นไม่เกิดขึ้น เพราะเสี่ยวเย่ฆ่าบอสทั้งสองตัวในสกิลเดียว แล้วพวกมันที่ตายไปแล้วจะเกิดสถานะหยุดนิ่งได้อย่างไร?
ความต่างของพลังทำให้การต่อสู้นี้จบลงอย่างรวดเร็ว
มันทำให้ลู่ฟานเศร้าใจมาก ยักษ์ภูเขาอเมทิสที่ขึ้นชื่อเรื่องการป้องกันที่มากจะกลายเป็นยักษ์ที่ทำจากกระดาษจากการสัมผัสเล็กน้อยนี้หรือ?
อย่างน้อยก็รอดจากกระชากปฐพีแล้วให้เขาทดสอบค่าความแกร่ง 370 หน่วยเป็นการปิดฉากก็ยังดี
และตอนนี้ บอสสุดแกร่งก็ได้จากไปแล้ว!