ทุกคนเปลี่ยนอาชีพ : แต่นักฝึกมังกรกากสุดงั้นเหรอ? ตอนที่ 66 ก็แค่ใช้เพลิงลาวาไม่ใช่เหรอ?
คำพูดของฉินชางไห่ทำให้เฉียนเซี่ยงเงียบไป
สำหรับฉินชางไห่ พวกเขาทั้งสองเป็นเพื่อนรวมชั้นกัน พวกเขารู้จักอาจารย์ของตัวเองดี
แม้จะมีหลายคนที่เคยสอนฉินชางไห่ แต่มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ฉินชางไห่เรียกว่าอาจารย์อยู่เสมอ
และคนผู้นั้นก็มีตำแหน่งที่สำคัญในหลงตู้
ที่สำคัญไปกว่านั้น คนผู้นั้นยังเป็นหนึ่งในตัวแทนของสำนักคุณธรรมอีก
ไม่ผิดแน่ ถ้าหากฉินชางไห่ลงมือ ถ้าคนผู้นั้นเห็นการต่อสู้อันไร้เทียมทานของลู่ฟาน และเรื่องที่ลู่ฟานตบองค์หญิงไท่จี๋ยังเป็นการทำเพื่อป้องกันตัวและเพื่อรักษาเกียรติยศของอาณาจักรมังกร ชายคนนี้จะต้องเข้าข้างลู่ฟานต่อให้ต้องทำร้ายหน้าตาของอาณาจักรไท่จี๋ก็ตาม
แม้แต่หัวหน้าของเฉียนเซี่ยง เขาก็อาจจะฟังคำพูดของคนผู้นั้นและอาจจะส่งผลต่ออาชีพของเขาก็ได้
เฉียนเซี่ยงเห็นอนาคตได้เลยว่าหัวหน้าของเขาประเมินเรื่องที่ลู่ฟานทำร้ายองค์หญิงไท่จี๋ผิดไป
พลังของลู่ฟานและแนวทางของฉินชางไห่จะต้องเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้แน่!
เฉียนเซี่ยงคิดอยู่นาน เขาส่ายหน้าและยิ้มอย่างขมขื่น เขายกเก้าอี้ที่ล้มลงและนั่ง เขาพูดช้า ๆ
“ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะซับซ้อนเกินกว่าที่ผมคิด”
“ผมรู้สึกเศร้ากับการทำงานให้สำนักสงบสุขมานานแล้ว ท่านอยากจะทำอะไรก็ทำ ผมจะกลับหลงตู้คนเดียว”
เมื่อได้ฟัง ฉินชางไห่รู้ว่าเฉียนเซี่ยงเลิกล้มความคิดที่จะพาลู่ฟานกลับหลงตู้แล้ว เขายิ้มออก
ส่วนเรื่องที่เฉียนเซี่ยงจะรายงานกลับไปนั้น ฉินชางไห่ไม่จำเป็นต้องกังวลฃ
เพราะเฉียนเซี่ยงอาจจะไม่จำเป็นต้องกลับไปที่หลงตู้ คนที่เขาต้องรายงานก็อาจจะไม่อยู่ในตำแหน่งงานของตัวเองแล้ว…
ในตอนนี้ ลู่ฟานไต่หอคอยมาจนถึงชั้นที่ยี่สิบด้วยพลังมหาศาลของเขา
เขามีอยู่ 80,000 คะแนนแล้ว เขาเหนือกว่าหงอู๋ที่อยู่ที่สอง
ตอนนี้หงอู๋ไปถึงชั้นที่ 37 แล้ว และความเร็วของเขาก็ลดลง ดูเหมือนว่าเมื่อหอคอยสูงขึ้น เขาจะเจอกับอุปสรรคที่มากขึ้น
แต่ลู่ฟานนั้นต่างออกไป ไม่ว่าเขาจะเจอกับมอนสเตอร์แบบไหน เขาก็จัดการมันได้โดยที่ไม่เสียเวลามากขึ้นเลย
ซึ่งไม่มีใครคิดเลยว่าลู่ฟานจะตามหงอู๋ไม่ทันด้วยความเร็วอันบ้าคลั่งนี้
นี่มันไม่น่าเชื่อได้เลย เพราะความยากที่ลู่ฟานเลือกคือระดับฝันร้าย!
ความเร็วในการผ่านระดับฝันร้ายนั้นเร็วกว่าคนอื่นที่เลือกระดับยาก เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?!
ในชั้นที่ 20 ลู่ฟานได้เจอกับบอสตัวแรกของหอคอย นั่นคือนักบวชความมืด
มันคือบอสเลเวล 15 และยังมีกึ่งบอสเลเวล 15 อีกสิบตัวล้อมรอบ พวกมันคืออัศวินความมืด
ลู่ฟานค่อนข้างคุ้นเคยกับพวกมัน มอนสเตอร์พวกนี้มาจากดันเจียนทางเดินความมืด เดิมทีเลเวลของมอนสเตอร์พวกนี้จะอยู่ที่ 30 แต่เมื่อพวกมันถูกใช้ในการสอบ เลเวลและค่าสถานะของพวกมันจึงถูกลดลงมาที่ 15
แต่การต่อสู้ของบอสนั้นไม่ได้อ่อนลงไป
ในดันเจียนทางเดินความมืด บอสตัวสุดท้ายนั้นจะถูกนำโดยนักบวชความมืดและอัศวินความมืดสิบตัว
นักบวชความมืดนั้นเป็นบอสสายเสริมพลังที่มีพลังสาปศัตรูและเสริมพลังให้กึ่งบอสทั้งสิบที่ติดตามมัน
นอกจากนั้น สกิลที่ยากที่สุดคือสกิลที่เรียกว่ากลืนกินความมืด ซึ่งมันจะดึงตัวเองและผู้ติดตามเข้าสู่ความมืด ทำให้ต้านทานการโจมตีกายภาพเป็นเวลา 15 วินาที
ในช่วงเวลานี้จะมีแค่การโจมตีเวทย์เท่านั้นที่โจมตีร่างกายของมันได้ ถ้าหากเป็นการโจมตีกายภาพ มันจะทะลุผ่านตัวและทำอะไรมันไม่ได้เลย
เหล่าผู้อำนวยการข้างนอกเห็นลู่ฟานมาถึงระดับนี้และคิดว่าการสอบปีนี้ยากจริง บอสตัวแรกก็เป็นนักบวชความมืดแล้ว มันไม่เป็นมิตรกับอาชีพสายโจมตีกายภาพเลย
ลู่ฟานกับมังกรดำนั้นอาศัยการโจมตีด้วยค่าความแกร่งที่สูงสุดยอดในการฆ่ามอนสเตอร์ในพริบตามาโดยตลอด ในระดับนี้ พวกเขาอาจจะต้องเจอกับอุปสรรคก็ได้
อย่างน้อยในสิบห้าวินาทีที่นักบวชความมืดใช้กลืนกินความมืด ลู่ฟานกับมังกรของลู่ฟานจะทำอะไรมันไม่ได้เลย จริงไหม?
แต่ใครจะไปรู้เล่าว่าพวกเขายังประเมินลู่ฟานและเสี่ยวเย่ต่ำเกินไปมาโดยตลอด
หลังจากได้เห็นว่าศัตรูคือนักบวชความมืด ลู่ฟานก็ขี้เกียจเสียเวลา
“เพลิงลาวา!”
เมื่อลู่ฟานสั่ง เสี่ยวเย่อ้าปากและพ่นเพลิงลาวาอย่างบ้าคลั่งใส่นักบวชความมืดและอัศวินความมืดทั้งหมด
แค่พริบตาเดียว การต่อสู้บอสก็จบก่อนที่มันจะเริ่มขึ้น
ล้อกันเล่นงั้นหรือ? ขนาดวิญญาณแค้นที่เป็นบอสเลเวล 30 ยังโดนเพลิงลาวาของเสี่ยวเย่ละลายได้ แล้วบอสเลเวลแค่ 15 จะไปทำอะไรเพลิงลาวานั่นได้ล่ะ?
ตั้งแต่ต้นจนจบ นักบวชความมืดไม่แม้แต่จะได้ใช้สกิลสักสกิลเดียว ไม่ต้องพูดถึงกลืนกินความมืดเลย มันกลายเป็นค่าประสบการณ์ก้อนใหญ่ให้ลู่ฟานกับเสี่ยวเย่ไปแล้ว
หลังจากฆ่าบอสกับสมุนบอส แสงสีทองส่องประกายบนตจัวลู่ฟานและเสี่ยวเย่พร้อมกัน คนหนึ่งคนกับมังกรเลเวลเพิ่มขึ้นพร้อมกัน!