ตอนที่ 40 เมฆมงคลเจ็ดสี ฝนทองชำระดวงวิญญาณ
ตอนที่ 40 เมฆมงคลเจ็ดสี ฝนทองชำระดวงวิญญาณ
ฉู่เสวียนเดินออกจากระยะของค่ายกลด้วยความพึงพอใจ แต่สัญชาตญาณบางอย่างก็ได้บอกให้เขาเงยหน้าขึ้นทันที ทันใดนั้นเขาก็ค้นพบว่าจู่ๆ เมฆมงคลเจ็ดสีก็มารวมตัวกันบนท้องฟ้า
เมฆมงคลเจ็ดสียังคงลอยฟุ้ง ก่อตัวเป็นมังกร ฟีนิกซ์ และสัตว์ในตำนานทั้งหลาย จากนั้นแสงสีทองอันเป็นมงคลก็ส่องสว่างไปทั่วผืนฟ้าทอลงมาที่ฉู่เสวียน จนทำให้ร่างของเขาอาบไปด้วยแสงอันเป็นมงคล ในตอนนี้เขารู้สึกว่าประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาได้ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง ร่างกายอิ่มเอมไปด้วยบารมี
ความสงสัยมากมายเกี่ยวกับเนื้อหาต่างๆใน "พระสูตรกลั่นโลหิตปีศาจ" ที่มีมานานได้รับการแก้ไขราวกับตรัสรู้อย่างทันท่วงที
หลังจากนั้นไม่นาน ฟ้าข้างบนก็เกิดเสียงดังขึ้นมาราวกับฟ้าร้องในฤดูใบไม้ผลิอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม บนท้องฟ้ากลับไม่มีวี่แววของพายุเลย แต่ไม่นานก็มีฝนตกลงมาปรอยๆ แม้แต่เม็ดฝนก็ยังเป็นสีทอง ราวกับว่ามันหลอมมาจากทองคำ
ฉู่เสวียนยืนนิ่งท่ามกลางสายฝนสีทอง หยาดฝนที่ตกลงมาได้ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว เขาจึงหลับตาแน่นและปล่อยให้ร่างกายซึมซับเม็ดฝนที่ตกลงมา แต่ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าจิตวิญญาณของเขาเติบโตขึ้นรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
ก่อนหน้านี้ เขาสามารถควบคุมศพหยินได้ถึง 10 ตัวในเวลาเดียวกัน แต่หากศพหยินเหล่านี้มีระดับที่สูงขึ้น จำนวนการควบคุมของเขาก็จะลดลง ยกตัวอย่างเช่น ที่ผ่านมาเขาสามารถควบคุมศพหยินระดับสูงได้เพียงสามตัวเท่านั้น เช่น เสี่ยวหลง เสี่ยวหู่ และเสี่ยวเป้า
หากตัวใดตัวหนึ่งในสามตัวนี้ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นนายพลศพ ซึ่งมีระดับเทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐาน เขาก็จะไม่สามารถควบคุมศพหยินตัวอื่น ๆ ได้อีกต่อไป
แต่ตอนนี้ดวงวิญญาณของเขาได้รับพลังจากเม็ดฝนสีทองนี้เข้าไป ซึ่งก็ทำให้เขาสามารถควบคุมศพหยินได้มากถึง 20 ตัวพร้อมกัน!
นั่นก็แปลว่า ถึงแม้เสี่ยวหลง เสี่ยวหู่ และเสี่ยวเป้าจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นนายพลศพ แต่เขาก็ยังคงมีความสามารถในการควบคุมศพหยินตัวอื่นๆที่เหลือได้อย่างอิสระ!
"เมฆมงคลเจ็ดสี ฝนสีทองชำระดวงวิญญาณ..."
หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่เสวียนก็ลืมตาขึ้นและประหลาดใจ
นี่เป็นผลบุญจากการฆ่าซอมบี้เกือบ 100,000 ตัวในคราวเดียว
เมื่อเทียบกับดอกไม้สีทองร่วงหล่นในครั้งที่แล้ว ที่ทำให้เขามีโชคลาภและอายุยืนยาว พรที่ได้มาจากนิมิตในคราวนี้ยิ่งใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด
เพราะว่าฝนสีทองชำระจิตวิญญาณนี้ จะทำให้จิตวิญญาณของเขายกระดับขึ้นมา
ต้องรู้ก่อนว่าสำหรับผู้บำเพ็ญที่อยู่ในช่วงสร้างรากฐานอย่างเขา แทบไม่มีวิธีใดที่จะพัฒนาจิตวิญญาณของตนเองได้เลย
แม้ว่านิกายอู๋จี๋จะมีเทคนิคที่เรียกว่า "การหลอมพระเจ้า" แต่แม้ว่าจะฝึกฝนในระดับสูงสุด มันก็ช่วยทำให้จิตวิญญาณของผู้บ่มเพาะแข็งแกร่งขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
จะเหมือนกับฝนสีทองชำระจิตวิญญาณนี้ได้อย่างไร ที่สามารถทำให้จิตวิญญาณของเขามีความแข็งแกร่งขึ้นมากว่าเดิมถึงสองเท่าได้ทันที!
ฉู่เสวียนก้มศีรษะลงและเห็นว่าแม้แต่วัชพืชที่อยู่ใต้เท้าของเขาก็ได้รับพรจากฝนสีทองชำระจิตวิญญาณด้วยจนมันกลายเป็นพืชที่มีใบสีขาวและเรืองแสงออกมา
“บางทีสักวันหนึ่ง เจ้าอาจจะสามารถแซงหน้ามนุษย์และกลายเป็นนักบุญได้” ฉู่เสวียนยิ้มเบา ๆ ก่อนจะควบคุมดาบบังเหินเทียนกัง และหันหลังกลับจากไป
หลังจากที่เขาจากไป จู่ๆ วัชพืชก็เริ่มต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงฝนสีทองที่เหลืออยู่ รากของวัชพืชกลายเป็นเชือกเหล็ก ส่วนใบได้กลายเป็นดาบ พวกมันได้ทำการต่อสู้กันอย่างต่อเนื่อง จนมีวัชพืชล้มตายไปเป็นแถบ
แม้แต่น้ำที่สาดกระเซ็นออกมาจากวัชพืช ก็ยังเป็นสีทอง และแล้วในที่สุด ก็มีผู้ชนะเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่รอดชีวิต มันถอนรากของมันออกจากพื้นดิน และจุ่มรากลงไปในน้ำหญ้าสีทองที่กระเซ็นตกตามพื้น ในไม่ช้า น้ำฝนสีทองที่เหลือทั้งหมดก็ถูกดูดซับเข้าไป ภายในไม่กี่นาที วัชพืชต้นนั้นก็ผลิดอกออกผลอย่างรวดเร็ว
ด้วยความบังเอิญ ก็ได้มีนกตัวหนึ่งที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า ได้มองลงมาเห็นผลไม้นั้น มันจึงบินโฉบลงมากินอย่างง่ายดาย นกไม่รู้ว่ามันบินไปได้ไกลแค่ไหน แต่ทว่าความเร็วของมันก็ได้ลดลงเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็ตกลงสู่พื้นและตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่มีใครรู้ว่าภายในร่างกายของมันกำลังมีต้นกล้าค่อยๆหยั่งรากและแตกหน่อ ก่อนจะเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว รูปร่างของมันไม่ต่างไปจากวัชพืชทั่วไป แต่เมื่อมีลมแรงพัดมา ก็อาจจะค้นพบว่าวัชพืชนี้ดูเหมือนจะมีเขี้ยวแหลมคม
...
บริษัทรักษาความปลอดภัยเฮยเฟิง
หลังจากกลับมาได้สองวัน ทุกอย่างก็กลับสู่สภาพเดิม
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังกังวลเล็กน้อยเมื่อมองออกไปที่หมอกหนาทึบนั้นในระยะไกล
พวกเขามักจะรู้สึกเสมอว่าวันหนึ่งหมอกนี้อาจแพร่กระจายออกมาและกลืนกินเมืองตงหูไปจนหมด
หวังหยงมักจะไปยืนอยู่บนดาดฟ้าเพื่อเฝ้ามองหมอกนั้นทุกวัน วันละสามครั้ง ทั้งเช้า เที่ยง และเย็น ไม่พลาดแม้แต่จังหวะเดียว ซึ่งในวันนี้เขาก็ได้เปิดการทำงานของ [สายตายาว] ตามปกติ แล้วมองไปที่บริเวณนั้น แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องตะลึง เพราะได้มีเมฆหลากสีอยู่เต็มท้องฟ้า เมฆเหล่านั้นได้รวมตัวกันเป็นรูปร่างของมังกร ฟีนิกซ์ ซึ่งมันมหัศจรรย์อย่างยิ่ง และยังมีฝนสีทองตกลงมาจากท้องฟ้าด้วย
ดวงตาของหวังหยงเบิกกว้าง ช่างเป็นนิมิตอันเป็นมงคลยิ่งนัก! ฉันโชคดีแค่ไหนที่ได้เห็นนิมิตเช่นนี้ครั้งหนึ่งในชีวิต? ไม่เพียงแต่เขาจะเห็นฉากนี้คนเดียวเท่านั้น แต่บางคนในบริษัทรักษาความปลอดภัยเฮยเฟิงที่ชอบตื่นเช้าก็เห็นฉากนี้จากระยะไกลเช่นกัน..มันน่าประหลาดใจอย่างยิ่ง
เมื่อมีการพูดต่อๆกันออกไปสิบคนร้อยคน ในไม่ช้าผู้คนส่วนใหญ่ก็ได้มารวมตัวกันบนดาดฟ้าอาคาร มองไปที่นั่นจากระยะไกล
"เกิดอะไรขึ้น?"
"ทำไมฉันถึงได้รู้สึกเหมือนว่ามันเป็นนิมิตมงคลจากสวรรค์ตามที่บันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์โบราณ"
"จะต้องมีเทพเจ้าลงมายังเมืองตงหูนี้เป็นแน่!"
"ทำไมเราไม่เข้าไปดูใกล้ๆ ล่ะ"
การสนทนาของผู้คนดังขึ้นมา จนบางคนที่รู้สึกตื่นเต้นถึงกลับเสนอว่าให้เข้าไปดูใกล้ๆ
“หุบปาก!” เสียงตำหนิดังมาจากด้านหลังของพวกเขา
คนที่เดินเข้ามาตัดผมสกีนเฮด ลำแขนทั้งสองข้างของเขาหนาพอๆกับต้นขาและมีร่างกายที่แข็งแรง ซึ่งเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากหวังกังเจี้ยน
“ฉันได้สั่งกำชับทุกคนก่อนที่จะกลับมายังบริษัทแล้วว่าห้ามเข้าไปใกล้บริเวณที่มีหมอกหนาเกิน 1 กิโลเมตร ไม่เข้าใจกันหรือไง?” หวังกังเจี้ยนมองตรงไปที่ฝูงชนและดุออกมา
ทุกคนต่างก็ก้มศีรษะลงด้วยความหวาดกลัวทันที แรงกดดันของผู้อยู่เหนือธรรมชาติขั้นที่ 2 นั้นทำให้พวกเขาไม่สามารถเงยหน้าขึ้นขึ้นมาได้เลย
“ใครก็ตามที่บอกว่าต้องการเข้าใกล้บริเวณหมอกอีก จะต้องถูกขังเป็นเวลาสามวัน!” หวังกังเจี้ยนตะโกนออกมา
“ครับ...” ชายหนุ่มทุกคนตอบรับด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“รีบแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเองได้แล้ว” หวังกังเจี้ยนโบกมือ
ฝูงชนรีบแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว
หวังหยงถอนหายใจเบา ๆ และมองไปที่หวังกังเจี้ยน "พี่ พี่คิดว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ดีหรือไม่ดี?"
หวังกังเจี้ยนพูดอย่างจริงจังว่า "มันคือเมฆมงคลเจ็ดสี ซึ่งน่าจะเป็นสัญญาณที่ดี สัญลักษณ์มงคลที่เกิดขึ้นนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับผู้บ่มเพาะคนนั้น จากนี้ไปสมาชิกในบริษัทของเราจะถูกควบคุมอย่างเข้มงวดมากขึ้น และไม่มีใครได้รับอนุญาติให้เข้าใกล้บริเวณนั้นเป็นอันขาด"
หวังกังเจี้ยนกล่าวต่อว่า "หากคนผู้นั้นเสียชีวิต มันยังเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การทำให้ผู้บ่มเพาะโกรธ คือเรื่องใหญ่แน่นอน "
หวังหยง, ถังจินชวน และซ่งต้ายี่ต่างก็พยักหน้าอย่างหนัก "ใช่"
...
สองเดือนผ่านไปในพริบตา
โรงแรมห่าวไท่
ฉู่เสวียนถอนหายใจออกมา พลางมองดูอาวุธเวทย์มนตร์ระดับกลางไร้ที่ติที่อยู่ตรงหน้าเขาและยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เขาไม่ได้นั่งฝึกฝนเคล็ดลับวิชาทุกวัน เนื่องจากว่าเอาเวลามาปรับแต่งอาวุธของเขา
การกลั่นอาวุธจะแตกต่างจากการกลั่นหลอมโอสถเล็กน้อย เพราะวัตถุดิบในการกลั่นหลอมโอสถส่วนใหญ่เป็นพืชสมุนไพร ในขณะที่วัสดุสร้างอาวุธส่วนใหญ่เป็นโลหะ โลหะส่วนใหญ่จะขัดขวางความคิดทางจิตวิญญาณ ดังนั้นการกลั่นอาวุธจึงยากกว่าการกลั่นหลอมโอสถ นี่คือสาเหตุที่ฉู่เสวียนเริ่มฝึกฝนตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อที่เขาจะได้สั่งสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ
แต่เห็นได้ชัดว่าพรที่เขาได้รับมาจากการทำบุญกุศลครั้งใหญ่ได้ช่วยเขาไว้อย่างมาก หลังจากล้มเหลวหลายครั้ง เขาก็สามารถกลั่นอาวุธเวทย์มนตร์เกรดต่ำได้อย่างชำนาญ และอัตราในการล้มเหลวของเขาก็ต่ำมาก ซึ่งมีเพียง 30% เท่านั้น
หลังจากการพยายามฝึกฝนกลั่นอาวุธเวทย์มนตร์เกรดต่ำไปประมาณหนึ่งเดือน ความล้มเหลวก็ลดลงเหลือ 10% ดังนั้นฉู่เสวียนจึงเริ่มลองกลั่นอาวุธเวทย์มนตร์ระดับกลาง
จนถึงตอนนี้ เขาสามารถกลั่นอาวุธเวทย์มนตร์ระดับกลางให้มีความล้มเหลวไม่เกิน 30% เท่านั้น
หากว่าที่นี่คือทวีปชางเสวียน การที่ฉู่เสวียนมีความสามารถในการกลั่นอาวุธได้ระดับนี้ ก็จะได้รับการพิจารณาว่าเป็นผู้กลั่นอาวุธที่มีฝีมือดี!
ฉู่เสวียนหยุดพักเพียงช่วงสั้น ๆ ก่อนจะเริ่มเตรียมวัสดุในการกลั่นหลอมอาวุธใหม่อีกครั้ง และครั้งนี้ก็ทำให้เขาก็รู้สึกเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน
เหล็กปีศาจหยิน, ไผ่กระดูกขาว และเถาวัลย์ที่ทำให้มึนเมา..วัสดุเหล่านี้คือสิ่งจำเป็นสำหรับการกลั่นเชือกยึดวิญญาณทั้งสิ้น ส่วนวิญญาณหยินอันทรงพลังนั้น ฉู่เสวียนยังหาไม่พบ
แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเชือกยึดวิญญาณก็คือขอแค่ได้กลั่นอาวุธเวทย์มนตร์นี้ขึ้นมาให้สำเร็จก่อน เพราะตราบใดที่มีอาวุธแล้ว การเลือกวิญญาณหยินเขามาสิงสู่ก็ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
เพราะฉู่เสวียนตั้งใจไว้ว่าเขาต้องการเอาวิญญาณของผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานหรือสัตว์อสูรช่วงสร้างรากฐานมาใส่ไว้ในนี้หลังจากที่เขาได้กลับไปยังทวีปชางเสวียนแล้ว ด้วยวิธีนี้ พลังของเชือกยึดวิญญาณก็จะแข็งแกร่งถึงที่สุด!
“เริ่มได้!” ฉู่เสวียนหายใจออกเบา ๆ และเริ่มปรับแต่งเชือกยึดวิญญาณ..อาวุธเวทย์มนตร์ระดับกลางชิ้นใหม่ของเขา