105 - ผูกสัมพันธ์
105 - ผูกสัมพันธ์
ฉินโม่หัวเราะอย่างซื่อๆ และกล่าวว่า "ข้าคงไม่โง่ถึงขนาดนั้นหรอก ข้าไม่บอกคนอื่น แต่ข้าจะบอกเฉพาะคนใกล้ชิดเท่านั้น!"
เกาซื่อเหลียนรู้สึกอบอุ่นในใจ "ตกลง ลุงจะรับเงินนี้ไว้ แล้วจะมอบของขวัญใหญ่ให้เจ้าในภายหลัง!"
"ของขวัญอะไรหรือ?" ฉินโม่ถามด้วยความอยากรู้
"บอกไม่ได้!"
เกาซื่อเหลียนเลี่ยงที่จะตอบ จากนั้นเรียกเหล่าขันทีน้อยที่ติดตามอยู่ด้านหลังเข้ามา "วันนี้ข้ามีความสุขอย่างมากข้าจึงอยากให้พวกเจ้ามีความสุขร่วมกัน ขันทีอย่างเรานั้นไร้ทายาท แต่พวกเจ้ามีครอบครัว เอาไปคนละห้าสิบตำลึง ส่งให้ครอบครัวของพวกเจ้า ให้พวกเขารับรู้ความสุขนี้ด้วย!"
เขาให้รางวัลเป็นเงินคนละแท่ง ตัวเขาคือขันทีที่ใกล้ชิดกับฮ่องเต้มากที่สุด แต่ละวันย่อมได้รับผลประโยชน์มากมายมหาศาล เขาไม่ได้สนใจเงินทองเหล่านี้ แต่การที่มีฉินโม่เป็นหลานชายทำให้เขามีความสุขอย่างมาก
"ขอบคุณกงกง ขอบคุณราชบุตรเขย!"
"อืม ความสัมพันธ์ระหว่างราชบุตรเขยกับพวกเรานั้นไม่ต้องพูดถึง หากพบราชบุตรเขยในภายหลัง จงให้ความดูแลด้วยใจ ใครก็ตามที่กล้าหยาบคาย ข้าจะไม่ปล่อยเอาไว้!" เกาซื่อเหลียนใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง ผลลัพธ์เป็นไปตามคาด
"กงกง ราชบุตรเขยดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ไม่เคยดูถูกพวกเราเลย ทุกครั้งที่พบกันราชบุตรเขยก็มีความสุภาพอย่างยิ่ง พูดตามตรง พวกเราที่อยู่ในวังต่างเคารพราชบุตรเขยเป็นอย่างมาก!"
เกาซื่อเหลียนพยักหน้า นี่คือเรื่องจริง ฉินโม่ไม่เคยดูถูกขันที ทั้งยังสุภาพมาก ต่อให้เป็นขันทีน้อยที่ไม่มีตำแหน่งหน้าที่การงานอะไรก็ตาม
ในราชวงศ์ต้าเฉียน ไม่มีใครเหมือนฉินโม่อีกแล้ว
"รู้แล้วก็ดี!"
หลังจากเกาซื่อเหลียนเตือนพวกเขาเล็กน้อย เขาจับมือฉินโม่และกล่าว "กินข้าวให้เสร็จเร็วๆ แล้วเตรียมรับราชโองการ!"
ฉินโม่พยักหน้า การผูกสัมพันธ์กับเกาซื่อเหลียนเป็นสิ่งจำเป็นมาก
นี่คือบุคคลที่มีสถานะยิ่งใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของราชวงศ์ต้าเฉียน
เป็นคนที่หลี่ซื่อหลงไว้วางใจที่สุด แม้แต่ไท่จื่อและฮองเฮาก็ยังต้องเกรงใจ
เขารู้ดีว่าการกระทำในวันนี้ของเขาประสบความสำเร็จ การมีบุคคลเช่นนี้เป็นญาติผู้ใหญ่และคอยเป่าหูฮ่องเต้จะทำให้สถานะของเขามีความมั่นคงมากขึ้น!
เมื่อมาถึงห้องโถงหลัก โต๊ะบูชาถูกตั้งไว้แล้ว ฉินโม่พาครอบครัวตระกูลฉินคุกเข่าลงกับพื้น
"ด้วยอำนาจที่ข้ารับมาจากสวรรค์ ขอประกาศว่าบุตรชายแห่งตระกูลฉิน ฉินโม่มีความชอบในการปลูกผักย้อนฤดูนับเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ยากจะหาใครเทียบได้ ข้าจึงขอแต่งตั้งให้เขารับตำแหน่งเป็นสหายเรียนหนังสือร่วมกับไท่จื่อพ่วงด้วยตำแหน่งอาจารย์แห่งสถาบันกว๋อจื่อเจี้ยน และดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้ากรมการเกษตร จบราชโองการ!"
อะไรนะ?
พี่เลี้ยงของไท่จื่อ อาจารย์สอนสถาบันกว๋อจื่อเจี้ยน และผู้ช่วยเจ้ากรมการเกษตร?
ให้เป็นเพื่อนอ่านหนังสือของไท่จื่อ มันไม่ใช่เรื่องที่ลำบากใจหรอกหรือ?
อาจารย์สอนสถาบันกว๋อจื่อเจี้ยน นั่นหมายถึงต้องไปที่กว๋อจื่อเจี้ยนทุกวันหรือ?
เขาอุตส่าห์หลบออกมาจากกว๋อจื่อเจี้ยนได้แล้วแท้ๆ ยังต้องกลับไปอีกหรือ?
ผู้ช่วยเจ้ากรมการเกษตรฟังจากชื่อแล้วก็รู้ว่าต้องทำอะไร
ตำแหน่งขุนนางขั้นเก้าเล็กๆ นี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับฉินโม่เลย!
"รับราชโองการสิ ราชบุตรเขย!"
"จะให้รับราชโองการอะไรล่ะ เพื่อนเรียนหนังสือของไท่จื่อเป็นงานที่ข้าต้องการที่ไหน ข้าไม่อยากไปนั่งอ่านหนังสือกับไท่จื่อทุกวัน น่าเบื่อขนาดนี้ใครจะทำลง!
กว๋อจื่อเจี้ยนข้าก็ไม่อยากไปแล้ว ยักรมการเกษตรยิ่งแล้วใหญ่ ท่านพ่อตาก็ใจร้ายเกินไปแล้ว ให้ข้าไปดูแลการปลูกพืชหรือ? เขาช่างทำได้ลงคอ!"
ครอบครัวตระกูลฉินที่ได้ฟังอยู่ เหงื่อแตกพลั่ก
เกาซื่อเหลียนรีบปิดปากฉินโม่ทันทีและกระซิบเบาๆ ว่า "บรรพบุรุษของข้า อย่าได้พูดอะไรมั่วซั่ว การต่อต้านราชโองการนั้นถือเป็นความผิดถึงขั้นประหารชีวิตทั้งตระกูล เจ้าฟังข้าก่อน นี่คือเรื่องดี รับรองอนาคตของเจ้าจะรุ่งเรืองอย่างแน่นอน!"
แม้ว่าจะเป็นบุตรชายขุนนางคุณูปการรั้งตำแหน่งกว๋อกงในอนาคต แต่นี่ก็เป็นเพียงบรรดาศักดิ์ไม่ได้มีตำแหน่งขุนนางอะไร มันเทียบไม่ได้กับตำแหน่งรองเจ้ากรมการเกษตร ซึ่งในอนาคตเห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้เตรียมที่จะให้เขาเป็นเสนาบดีกรมการเกษตรหรือไม่ก็เป็นอัครมหาเสนาบดีเลยด้วยซ้ำ
ฉินโม่เป็นเด็กน้อยอายุเพียงสิบแปดปีกลับไม่รู้อะไร นี่คือตำแหน่งที่ผู้คนจำนวนมากไปหาทั้งชีวิต!
หลังจากที่พูดอธิบายหลายครั้ง ฉินโม่ก็ยอมรับราชโองการด้วยความจำยอม
เมื่อเกาซื่อเหลียนประกาศราชโองการเสร็จ เขาก็กลับวังเพื่อรายงาน
ระหว่างทางเขาย้ำเตือนขันทีเล็กๆ ไม่ให้แพร่งพรายท่าทีของฉินโม่ออกไปยังเด็ดขาด
เมื่อกลับถึงวัง หลี่ซื่อหลงถามว่าทำไมถึงกลับช้าขนาดนี้
เกาซื่อเหลียนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้หลี่ซื่อหลงฟัง แน่นอนว่าเรื่องที่เขาและฉินโม่ผูกพันกันในฐานะลุงกับหลาน เขาเลือกที่จะไม่บอก
เพราะหากขันทีและขุนนางสมคบกัน ถือเป็นความผิดร้ายแรง
แม้ฉินโม่จะเป็นเพียงราชบุตรเขยแต่อย่าลืมว่า เบื้องหลังของฉินโม่ยังมีฉินเซียงหรู ซึ่งเป็นผู้นำของเราขุนนางฝ่ายทหาร
เมื่อหลี่ซื่อหลงรู้ว่าฉินโม่บังคับให้พวกเขาอยู่กินข้าวเช้า ก็อดที่จะส่ายหน้าและรู้สึกขบขันเล็กน้อย "เด็กคนนี้ถึงแม้จะดูซื่อ แต่เขาก็มีความจริงใจต่อข้า ข้าสัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์และความกตัญญู นับว่าเป็นสิ่งหายากนัก!"
เกาซื่อเหลียนยิ้มอย่างเงียบๆ ในสถานการณ์เช่นนี้ การนิ่งเงียบคือสิ่งที่ดีที่สุด
เมื่อหลี่ซื่อหลงถามว่าฉินโม่รับราชโองการด้วยความยินดีหรือไม่ เกาซื่อเหลียนก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
"ทำไม การประกาศราชโองการไม่ราบรื่นหรือ?"
"ฝ่าบาท ราชบุตรเขยฉินกล่าวว่าเขาไม่อยากเป็นเพื่อนอ่านหนังสือกับไท่จื่อ ไม่อยากไปที่กว๋อจื่อเจี้ยน และไม่อยากปลูกพืช อีกทั้งยังกล่าวว่าฝ่าบาททรงใจร้ายเกินไป เขาเพิ่งจะได้พักเพียงสองวันก็จะส่งไปเรียนหนังสืออีกแล้ว!"
หลี่ซื่อหลงคำรามด้วยความโกรธ "เจ้าเด็กคนนี้ มีพรสวรรค์แท้ๆ ข้าจะปล่อยให้เขาทำลายอนาคตของตัวเองได้อย่างไร แล้วยังกล้าพูดลับหลังข้าอีก น่าโมโหจริงๆ!"
เกาซื่อเหลียนแอบหัวเราะ ฝ่าบาทดูเหมือนจะโกรธ แต่คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยและเอ็นดูฉินโม่ เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาททรงถือว่าฉินโม่เป็นคนในครอบครัวไปแล้ว
"พรุ่งนี้หากเจ้าโง่ไม่ไปรายงานตัวที่กรมการเกษตร เจ้าต้องมาบอกข้าทันที ข้าจะตีเขาให้ตาย!"
หลี่ซื่อหลงฮึดฮัดด้วยความขุ่นเคือง
ในตอนกลางวัน ฉินโม่ได้รับจดหมายเชิญฉบับหนึ่ง เป็นเจ้าของบ้านเช่าเชิญให้เขาไปทานอาหารด้วย
"เชิญทางนี้เถอะ คุณชายฉิน"
พ่อบ้านนำทางเข้าไปข้างใน ไม่นานนัก พวกเขาก็มาถึงอาคารสูงแห่งหนึ่ง
อาคารสูงนี้มีถึงสี่ชั้น ที่นี่สามารถมองเห็นร้านฉินไห่ตี้เหลาได้พอดี
ต่อมา บ่าวรับใช้ได้ตั้งฉากบังลมกลางอาคารสูงขึ้นแถวหนึ่ง
ฉินโม่แปลกใจ "ทำแบบนี้ทำไม?"
บ่าวรับใช้ไม่ได้อธิบาย
ไม่นานอาหารและเครื่องดื่มก็ถูกนำมา เมื่อฉินโม่เห็น เขาเกือบจะเป็นลม เพราะอาหารนั้นมาจากร้านไห่ตี้เหลาของเขาเอง
มีหม้อไฟเล็กๆ กับกับข้าวไม่กี่อย่าง รวมถึงขนมหวาน และมีเหล้าขวดเล็กวางอยู่ข้างๆ ด้วย
สาวใช้ที่มีหน้าตางดงามสองคนคุกเข่าอยู่ข้างโต๊ะ หนึ่งคนอุ่นเหล้าให้ฉินโม่ ส่วนอีกคนก็ค่อยๆ เติมถ่านลงในเตาทองแดงอย่างระมัดระวัง
กลิ่นเหล้าและกลิ่นหอมของหม้อไฟผสมกันอย่างลงตัว
ในอาคารสูงยังติดตั้งเตาผิง ซึ่งเป็นของขวัญจากฉินโม่เอง
เตาผิงกำลังลุกไหม้ อากาศภายนอกหนาวเย็น แต่ภายในอาคารสูงกลับอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ
ฉินโม่ถอดเสื้อคลุมออกและนั่งบนเบาะนุ่ม
นี่แหละคือความหรูหราของบ้านเศรษฐีใหญ่ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าของบ้านนี้มีฐานะอย่างไร
ยิ่งเป็นเช่นนี้ เขาก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น
"คุณหนูของพวกเจ้า ชื่ออะไร บอกข้าได้หรือไม่?" ฉินโม่ถาม
สาวใช้ปิดปากเงียบ "คุณชายฉิน อย่าบีบคั้นพวกเราเลย นายหญิงของเราออกคำสั่งไว้แล้ว เราไม่สามารถบอกได้!"
"ช่างลึกลับเสียจริง!"
ฉินโม่พูดพึมพำ "ถ้าหากเจ้าตั้งใจเชิญข้ามาจริงๆ ทำไมต้องตั้งฉากบังลมด้วย หรือว่าข้าฉินโม่ไม่หล่อพอให้มอง?"
เพียงสิ้นคำ ก็มีเสียงดังจากหลังฉากบังลมทันที เป็นเสียงที่ไพเราะยิ่งกว่าไข่มุกตกลงวันจันทร์หยก "ต้องขอโทษราชบุตรเขย ข้าเป็นเพียงหญิงหม้ายไม่สะดวกที่จะนัดพบราชบุตรเขยเป็นการส่วนตัว อาหารในบ้านของข้าไม่อาจเทียบได้กับร้านไห่ตี้เหลาของเจ้าจึงได้แต่หยิบยืมดอกไม้ไหว้พระ ซื้อหาอาหารจากไห่ตี้เหลามาเลี้ยงราชบุตรเขยในวันนี้!"
ฉินโม่ถึงกับตกใจ "หญิงหม้าย? เจ้าของบ้านนี้เป็นหม้ายหรือ?"
………………