บทที่ 65: หลุดปากพูดออกมา
ขณะนี้มู่ไป๋ไป่เกิดความคิดว่าจะปล่อยให้เจ้าส้มวิ่งบุกเข้าไปในประตูเรือนหลักของลี่เฟย แล้วเธอจะแกล้งทำเป็นไล่ตามมันไปเพื่อเป็นการพาให้มู่เทียนฉงติดตามเข้าไปที่นั่น
แม้ว่าเจ้าส้มจะรู้สึกไม่เห็นด้วยกับแผนการของเด็กหญิง แต่ในช่วงเวลานี้คงไม่มีวิธีการใดที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว มันจึงทำได้เพียงแค่ทำตามสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเท่านั้น
ด้วยประการฉะนี้ เจ้าส้มจึงแสร้งทำเป็นโมโหขึ้นมา
นางกำนัลในตำหนักชิงเหอไม่คาดคิดว่าแมวจะทำลายความสงบสุขทุกอย่างลง ก่อนที่พวกนางจะทันได้ตอบโต้ พวกนางก็ได้ยินมู่ไป๋ไป่ตะโกนลั่นว่า “เจ้าส้ม!” จากนั้นก็กระโดดลงจากเก้าอี้และไล่ตามมันไป
ซึ่งทิศทางที่พุ่งไปก็คือเรือนหลักของลี่เฟยนั่นเอง
“องค์หญิงหก!” เหล่านางกำนัลในตำหนักต่างก็พยายามเข้าไปขวางพวกเธอทีละคน แต่เด็กหญิงทั้งตัวเล็กและว่องไว เธอกับเจ้าส้มจึงหลุดรอดจากมือพวกนางไปได้ในไม่ช้า จากนั้นก็ปะทะกับทุกคนพร้อมกับเปิดประตูห้องนอนของลี่เฟยเสียงดังโครมคราม
ท่ามกลางบรรยากาศที่วุ่นวาย จะสามารถมองเห็นร่างของมนุษย์ที่นอนอยู่บนเตียงได้อย่างเลือนราง แต่อีกฝ่ายดูเหมือนคนหมดสติไร้ซึ่งปฏิกิริยาใด ๆ ต่อบุคคลที่พรวดพราดเข้ามาในห้องอย่างกะทันหัน
พอมู่ไป๋ไป่เห็นดังนั้น เธอก็ตัดสินใจก่อนจะกระซิบกับแมวตัวโตว่า “เจ้าส้ม กระโดดลงไปบนเตียง”
แมวส้มเข้าใจทันทีจึงกระโดดขึ้นสูง และตรงไปยังส่วนในสุดของห้อง แต่คราวนี้มันล้มเหลวเพราะมีมือใหญ่มาคว้าหลังคอของมันเอาไว้แน่น
“แง้ววว!” เจ้าส้มรู้สึกถึงรัศมีที่อันตรายแต่คุ้นเคย พร้อมกับส่งเสียงร้องออกมาอย่างเศร้าสร้อย “มู่ไป๋ไป่ ข้าถูกมู่เทียนฉงคนโง่จับตัวไว้!”
แน่นอนว่าเด็กหญิงก็เห็นภาพนั้นเต็มสองตา จึงแอบมองมันด้วยความสงสารในใจและรีบกล่าวขอบคุณผู้เป็นพ่อ “โชคดีที่ท่านพ่อเก่งกาจถึงจับเจ้าส้มเอาไว้ได้ ไม่เช่นนั้นมันคงจะไปรบกวนการพักผ่อนของลี่เฟย”
“แต่ว่าท่านพ่อ ไป๋ไป่ดูเหมือนจะวุ่นวายเกินไป มันจะไม่เป็นการเสียมารยาทหรอกหรือที่เราบุกเข้ามาในห้องบรรทมของลี่เฟยเช่นนี้”
มู่เทียนฉงยื่นแมวอ้วนให้กับอันกงกงที่ติดตามเขาเข้ามา จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วขณะเหลือบมอง ‘ลี่เฟย’ ที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงไม่ยอมขยับ “เป็นเจ้าแมวนี่ต่างหากที่วุ่นวาย ไม่ใช่ความผิดของไป๋ไป่”
“จริงหรือ?” เด็กน้อยกะพริบตาถามอย่างไร้เดียงสา “ถ้าเช่นนั้น ทำไมลี่เฟยถึงยังไม่ลุกขึ้นมาทักทายไป๋ไป่กับท่านพ่อล่ะ?”
มู่ไป๋ไป่พูดจบแล้วก็วิ่งไปที่เตียงด้วยขาสั้น ๆ ก่อนจะคุกเข่าโค้งคำนับคนตรงหน้าอย่างนอบน้อม “คารวะลี่เฟย ไป๋ไป่มาที่นี่เพื่อขอโทษท่านโดยเฉพาะ”
“ไป๋ไป่รู้สึกไม่สบายใจมากเพราะในงานฉลองวันเกิดของลี่เฟยไป๋ไป่ทำให้ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด วันนี้ไป๋ไป่ถือโอกาสมาขอโทษลี่เฟยต่อหน้าเพคะ”
“ลี่เฟยเป็นผู้ใหญ่ที่มีเมตตา อย่าได้ถือสาไป๋ไป่เลยนะเพคะ”
คำพูดของคนตัวเล็กไพเราะมากซึ่งทำให้มู่เทียนฉงรู้สึกทั้งพึงพอใจและสงสารในเวลาเดียวกัน แต่คนบนเตียงกลับยังคงนิ่งเงียบไม่ขยับ
ตอนนี้มู่ไป๋ไป่ยังคงคุกเข่าอยู่ข้างเตียง สำหรับฮ่องเต้หนุ่มมัน คล้ายกับว่าลี่เฟยจงใจละเลยบุตรสาวของตน เขาจึงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที เขาเปิดม่านแล้วก้าวเข้าไปถามเสียงเย็นว่า “องค์หญิงหกกำลังขอโทษเจ้าอยู่ เจ้าไม่มีอะไรจะพูดหน่อยหรือ?”
แม้แต่ตัวเขายังไม่เคยคิดจะปล่อยให้เด็กคนนี้คุกเข่าอยู่บนพื้นเป็นเวลานาน ลี่เฟยเป็นใครถึงกล้าทำเช่นนี้?
แล้วในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบผิดปกติ มู่ไป๋ไป่สามารถมองเห็นคนที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มได้อย่างชัดเจน และสิ่งที่เธอเห็น มู่เทียนฉงก็มองเห็นเช่นกัน
ประกอบกับการแสดงออกที่ผิดธรรมชาติของนางกำนัลในตำหนักตอนนี้ ชายหนุ่มก็เข้าใจได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ ก่อนที่เขาจะโน้มตัวเข้าไปยกผ้าห่มขึ้น
คนที่นอนอยู่บนเตียงสวมเสื้อผ้าของลี่เฟย ผมของนางถูกเกล้ามวยแบบเดียวกับลี่เฟย ถ้าไม่ใช่เพราะใบหน้าและรูปร่างนั้น แม้แต่มู่เทียนฉงก็ไม่สามารถสังเกตถึงความแตกต่างระหว่างทั้ง 2 ได้ว่าคนไหนตัวจริงคนไหนตัวปลอม
มู่ไป๋ไป่รู้สึกลิงโลดอยู่ในใจ แล้วรีบสุมไฟเข้ากองเพลิง เธอแสร้ง ทำเป็นแปลกใจ พร้อมกับส่งเสียงในลำคอซึ่งไม่ได้ดังหรือเบาเกินไปจนไม่มีคนได้ยิน “นาง… นางไม่ใช่ลี่เฟย ทำไมนางถึงนอนอยู่บนเตียงของลี่เฟยและยังสวมเสื้อผ้าของลี่เฟยอีก?”
ใบหน้าของฮ่องเต้หนุ่มเปลี่ยนเป็นถมึงทึงอีกครั้ง ดวงตาคมดุของเขามีประกายเยือกเย็นแล่นผ่านทำให้ไม่มีใครกล้ามองไปที่เขาโดยตรง
“ลี่เฟยอยู่ที่ไหน?” มู่เทียนฉงถามขึ้นมาอย่างเย็นชาพร้อมกับแผ่แรงกดดันมหาศาลจนส่งผลให้นางกำนัลและขันทีในตำหนักทุกคนต้องคุกเข่าก้มหน้านิ่ง
มู่ไป๋ไป่อดไม่ได้ที่จะรอให้นางกำนัลอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับลี่เฟย แต่ในขณะนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีกลิ่นหอมกรุ่นพัดโชยมา ตามด้วยหญิงสาวที่สวมชุดงดงามเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย
“ถวายบังคมฝ่าบาท” เนื่องจากลี่เฟยรีบร้อนเลยทำให้ฤทธิ์ยายังไม่ถูกขจัดไปจนสิ้น ใบหน้าของนางจึงแดงก่ำผิดปกติ ในขณะที่นางกล่าวว่า “หม่อมฉันมาต้อนรับพระองค์ล่าช้า โปรดยกโทษให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”
“...” มู่ไป๋ไป่ถึงกับนิ่งอึ้งไปเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาแก้สถานการณ์ได้ทันเวลา
“เกิดอะไรขึ้น?” มู่เทียนฉงถามขณะเหลือบตามองสตรีที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น
“ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันนึกสนุกก็เลยแอบไปแช่บ่อน้ำร้อนในอุทยานหลวง” หญิงสาวใช้ข้อแก้ตัวที่นางคิดไว้ระหว่างทาง “หม่อมฉันเพลิดเพลินมากจนกระทั่งลืมเวลาไป สักพักเฟิงหลิงก็ได้มาแจ้งข่าวว่าฝ่าบาทเสด็จ หม่อมฉันก็เลยรีบกลับมาทันทีเพคะ”
“ฝ่าบาททรงลงโทษหม่อมฉันเถิดเพคะ”
“เจ้าไปที่บ่อน้ำร้อนมาอย่างนั้นหรือ?” ฮ่องเต้หนุ่มขมวดคิ้ว ในขณะที่สายตามองสำรวจลี่เฟย เมื่อเขาเห็นว่าตัวนางมีความชื้นอยู่เล็กน้อย เขาก็เริ่มเชื่อคำพูดนางขึ้นมาบ้าง
และท่าทางนั้นทำให้มู่ไป๋ไป่เริ่มวิตกกังวล ผู้หญิงคนนี้ช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก นางสามารถขจัดความสงสัยของท่านพ่อได้ด้วยคำพูดไม่กี่คำ
“ในเมื่อลี่เฟยเพียงแค่ไปแช่บ่อน้ำร้อน ทำไมถึงต้องมีคนที่แต่งตัวเหมือนท่านนอนอยู่บนเตียงของท่านด้วยล่ะ?” เด็กหญิงรู้สึกสงสัยจึงเอ่ยถามออกไปตามตรง ก่อนที่เธอจะหันไปยิ้มให้ผู้เป็นพ่ออย่างน่ารัก “หรือว่าลี่เฟยกำลังเล่นอะไรที่น่าสนใจอยู่อย่างนั้นหรือเพคะ?”
คำพูดของคนตัวเล็กส่งผลให้ใบหน้าของมู่เทียนฉงที่เพิ่งจะดีขึ้นมืดลงอีกครั้ง
ส่วนลี่เฟยที่เห็นทุกอย่างก็แอบสาปแช่งมู่ไป๋ไป่อยู่ในใจ ก่อนจะกัดฟันพูดว่า “หม่อมฉันไม่เข้าใจที่องค์หญิงหกพูด หม่อมฉันเองก็รู้สึกสับสนเช่นกัน ก่อนที่หม่อมฉันจะไปแช่ตัวที่บ่อน้ำร้อนก็ได้แจ้งคนในตำหนักไปแล้ว หม่อมฉันไม่ทราบว่าเหตุใดนางถึงทำเช่นนี้”
“คงเป็นเพราะนางกำนัลชั้นต่ำคนนี้อยากจะแกล้งหม่อมฉันด้วยเจตนาไม่ดี”
หญิงสาวพูดพร้อมกับทำสีหน้าหวาดกลัว จากนั้นนางก็เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขนของมู่เทียนฉง ซึ่งการเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ราบรื่นและเป็นธรรมชาติจนมู่ไป๋ไป่ตกตะลึง
วันนี้เธอได้รู้ซึ้งแล้วว่าการที่เพียงอ้าปากก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้นั้นเป็นอย่างไร
ลี่เฟยคนนี้พูดโกหกได้ลื่นไหลมากจริง ๆ เพียงแค่ต้องการปกป้องตัวเองก็สามารถโยนความผิดให้คนอื่นได้ทั้งสิ้น
เด็กหญิงยังคงไม่ยอมแพ้และหันไปถามนางกำนัลในตำหนักที่กำลังนั่งตัวสั่นอยู่บนเตียงว่า “นี่ เจ้าจงใจแกล้งปลอมตัวเป็นลี่เฟยหรือไม่?”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าการทำเช่นนี้ถือว่าเป็นความผิดโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูง”
มู่ไป๋ไป่ได้บอกเป็นนัยกับนางกำนัลคนนั้นไปแล้ว เธอได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะเปิดโปงคำโกหกของลี่เฟย
อย่างไรก็ตาม เธอไม่รู้ว่านางกำนัลต่ำต้อยคนนี้ได้รับประโยชน์อะไรจากลี่เฟยหรือไม่ หลังจากที่นางได้ยินคำพูดของเธอ นางไม่เพียงแค่ไม่ปฏิเสธเท่านั้น แต่ยังยอมรับออกมาตามตรงอีกด้วย
พอคนตัวเล็กเห็นดังนี้ เธอก็พูดไม่ออก
“ไร้สาระ” มู่เทียนฉงเอ่ยขึ้นพร้อมกับผลักลี่เฟยออกจากอ้อมแขนด้วยสีหน้าเย็นชา “ภายในตำหนักชิงเหอเจ้าเป็นคนดูแล ทุกคนอยู่ภายใต้การปกครองของเจ้าไม่ใช่หรือ ทำไมแม้แต่นางกำนัลตัวเล็ก ๆ ก็ยังกล้าหมิ่นเบื้องสูง?”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ลี่เฟยนี่ก็ตัวลื่นอย่างกับปลาไหล จะจับก็หลุดมือไปได้ทุกที คราวนี้ไป๋ไป่กับท่านพ่อจะทำยังไงหนอ