ตอนที่แล้วบทที่ 522: จากนี้ไปไม่มีวากิว! แทนที่โดยสมบูรณ์!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 524: เศรษฐีลึกลับ! พวกเธอน่ะอวดดีเกินไปแล้ว!

บทที่ 523: การตอบโต้สุดชีวิตของของวากิว! ฆ่าเนื้อชิงหลินเหรอ?


ประเทศพลาสเตอร์

ฟาร์มยานางิยามะ

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยอารมณ์โดดเดี่ยว

หลังจากที่ยานางิยามะยาชิโระฆ่าตัวตายไปแล้วนั้นฟาร์มวากิวของเจ้าตัวก็ซบเซาลงไปเลย  วากิวที่นี่เกือบจะตายเพราะโรคเลือดแข็งตัวที่อุณหภูมิสูง

ยิ่งกว่านั้นคือยานางิยามะยาชิโระได้เอาทรัพย์สินทั้งหมดของตนไปจ้างนักฆ่า  ทำให้ฟาร์มล้มละลายลงไปโดยสิ้นเชิง  พนักงานทั้งหมดก็หนีไปแล้วซึ่งจะเหลือก็แต่ผู้ช่วยเดิมเท่านั้นที่จะช่วยยานางิยามะยาชิโระจัดการเรื่องติดตามผล

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ฟาร์มของยานางิยามะยาชิโระจะเปิดให้บริการ

ผู้ช่วยเห็นชายวัยกลางคนจึงเดินเข้าไปทัก “สวัสดีครับคุณไฮบาระ”

ไฮบาระยามาชิตะ  ชายคนนี้เป็นหนึ่งในนักชิมที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศพลาสเตอร์แห่งนี้  ซึ่งถือครองอุตสาหกรรมอาหารขนาดใหญ่ในประเทศนี้อยู่

อีกฝ่ายมีอิทธิพลในการส่งเสริมเนื้อวากิวของประเทศนี้เป็นอย่างมาก  และยังเป็นเพื่อนสนิทกับเถ้าแก่ผู้ล่วงลับอย่างยานางิยามะยาชิโระด้วย

ไฮบาระยามาชิตะมองดูผู้ช่วยก่อนจะพยักหน้าแล้วถอนหายใจ “เฮ่อ~  ฟาร์มของเพื่อนเก่ากะลังจะปิดฉันก็ต้องมาดูล่ะนะ  น่าเศร้าจริง ๆ”

ผู้ช่วยพูดด้วยความโมโห “ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้ประเทศตงฟางนั่น  พวกมันไม่ยอมสนับสนุนด้านยารักษาให้เรา  ถ้าพวกมันยอมสนัมสนุนล่ะก็ทั้งเราทั้งอุตสาหกรรมปศุสัตว์ของประเทศเราจะไม่เป็นแบบนี้แน่”

“ที่เลวที่สุดคือพอพวกมันรู้ว่าวากิวชุดสุดท้ายของเราติดเชื้อ  พวกมันก็สั่งลดการผลิตยารักษาทันที  ทำให้ตอนนี้เราไม่เหลือทางเลือกอื่นนอกจากซื้อต่อยาจากประเทศอื่นมาใช้”

เมื่อไฮบาระยามาชิตะได้ยินดังนั้นก็โมโห “เออ  พวกแม่งสมควรตายจริง ๆ ไอ้พวกสัตว์นรกที่ไม่เหลือความเป็นคน”

ไฮบาระนั้นกังวลในเรื่องของอุตสาหกรรมวากิวอย่างมาก

เจ้าตัวได้เข้าร่วมงานเทศกาลอาหารนานาชาติและได้ช่วยโปรโมตเนื้อวากิวของประเทศตนมาตั้งแต่เด็กแล้ว

หลังจากเผยแพร่มานานกว่า 30 ปีในที่สุดเนื้อวากิวก็กลายเป็นความภาคภูมิใจของบรรดานักชิมทั้งหลายในประเทศของตน

เมื่อใดก็ตามที่พูดคุยกันถึงเรื่องวากิว  นักชิมเหล่านี้ก็จะกลายเป็นจุดสนใจในเทศกาลอาหารนานาชาติระดับไฮเอนด์

แต่ตอนนี้ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นแค่อดีตไปแล้ว

ตอนนี้เองได้มีผู้หญิงรูปร่างดีคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา  ตอนวิ่งนั้นหน้าอกตู้ม ๆ ก็เด้งขึ้นเด้งลงอย่างแรงไปด้วย  เมื่อมาหยุดตรงหน้าไฮบาระเธอก็ได้รายงานว่า “คุณไฮบาระคะ  แย่แล้วค่ะ  มีคนส่งคำเชิญให้คุณไปเข้าร่วมเทศกาลอาหาร”

ไฮบาระขมวดคิ้วมุ่น “แล้วมันแย่ตรงไหนกะอีแค่ไปร่วมงานเทศกาลอาหาร  หรือว่าฉันได้รับบัตรเชิญน้อยไปรึไง”

ผู้หญิงหุ่นดีตอบด้วยน้ำเสียงกังวล “แต่มันเป็นจดหมายเชิญจากประเทศตงฟางนั่นน่ะสิคะ  พวกมันบอกจะเปลี่ยนชื่อวากิวเป็นชิงหลินหนิว  เห็นว่าเพราะเนื้อชิงหลินอร่อยกว่าวากิว  แถมยังเชิญนักชิมจากประเทศอื่น ๆ นอกจะคุณด้วยค่ะ”

“หน่านี้!” สีหน้าของไฮบาระจากที่โมโหอยู่แล้วตอนนี้เปลี่ยนเป็นเคียดแค้น

ไอ้ประเทศตงฟางเชี่ยนี่นอกจากไม่ยอมให้ยารักษาแล้วยังไม่พอ  หลังจากที่วากิวของตนติดโรคระบาดไอ้บ้านไร่ชิงหลินนั่นมันยังมาทำแบบนี้อีกเนี่ยนะ

ต้องถามให้โง่มั้ยเนี่ยว่าพวกมันเล็งอะไรเอาไว้

ไม่บอกก็รู้ว่าพวกมันต้องเล็งตำแหน่งสถานะเนื้อวัวระดับไฮเอนด์ของโลกของประเทศตนอยู่

อย่างที่บอกว่ากว่าวากิวจะได้สถานะนี้มานั้นต้องผ่านความพยายามอย่างหนักมากว่า 30 ปี

แล้วตอนนี้ไอ้พวกเวรนั่นคือกะจะเหยียบหัววากิวขึ้นไปแทนที่ซะงั้น

“จะปล่อยให้พวกแม่งทำสำเร็จไม่ได้”

ไฮบาระตะคอก “พวกมันอยากพิสูจน์ว่าวากิวของตัวเองดีกว่าในเทศกาลอาหารนั่นใช่มั้ย  งั้นกูจะเอาอันที่ดีกว่าไปตบหน้าพวกมันแบบเจ็บ ๆ ให้เลย”

ผู้ช่วยของยานางิยามะยาชิโระก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น  แต่หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นก็รีพูดเตือน “แต่ว่านะครับคุณไฮบาระ  ไอ้บ้านไร่ชิงหลินนั่นก่อนหน้านี้มันได้เอาเนื้อที่คุณภาพดีกว่าของเราออกมาด้วย  แถมตอนนี้เราก็ไม่มีเนื้อวากิวที่จะเอาออกไปแข่งกับพวกมันนะครับ”

ไฮบาระบาระตอบเสียงเย็น “พวกมันไม่มีทางมีวากิวหินอ่อนที่ดีกว่าของเราหรอก  การที่พวกมันกล้าทำแบบนี้ก็เพราะรู้ว่าเราไม่มีเนื้อวากิวในตอนนี้  แล้วขนาดเราเองยังไม่มีแล้วพวกมันจะไปมีได้ยังไง”

“แต่พวกมันเหมือนจะลืมไปแล้วล่ะมั้งว่าในโลกนี้ไม่ใช่แค่ประเทศเราเท่านั้นที่มีเนื้อวากิว  แต่ยังมีอัสเตเลีย (ไม่ใช่ออสเตรเลียนะ  จริงจี๊ง~) ด้วย  เนื้อวากิวของพวกนั้นโดยทั่วไปก็คล้าย ๆ กับของเรา  แถมยังมีวากิวกลายพันธุ์อีกต่างหาก”

“ใช่วากิวของตระกูลริสต์รึเปล่าครับ” ผู้ช่วยของยานางิยามะยาชิโระถาม

หากพูดถึงประวัติศาสตร์ความอร่อยของเนื้อวากิวแล้ว  ประเทศไหนที่ผลิตเนื้อวากิวที่อร่อยที่สุดในประวัติศาสตร์นั้น  ประเทศพลาสเตอร์ของตนก็ไม่กล้าบอกเหมือนกันว่าเนื้อวากิวหินอ่อนของตนเป็นนัมเบอร์วัน

เนื่องจากเนื้อวากิวหินอ่อนของอัสเตเลียไม่ได้ด้อยไปกว่าเนื้อของพวกตนเลย  เพียงแต่ทางอัสเตเลียพึ่งจะนำเสนอวากิวของประเทศตัวเองได้ไม่นาน  อีกทั้งผลผลินเมื่อเทียบกับของพวกตนแล้วยังห่างไกลกันนักก็เท่านั้น  ก็เลยไม่สามารถสั่นคลอนชื่อเสียงของเนื้อวากิวของประเทศพลาสเตอร์ขอตนได้

อย่างไรก็ตาม  ตระกูลริสต์ของอัสเตเลียยังมีวากิวกลายพันธุ์อยู่อีก 2 ตัว

โดยเจ้า 2 ตัวนี้จู่ ๆ ก็กลายพันธุ์ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ  หนึ่งในนั้นโดนเชือดไปแล้วซึ่งผลคือคุณภาพของเนื้อออกมาดีกว่าเนื้อวากิวเกรดที่ยอดเยี่ยมที่สุดก่อนหน้านั้นซะอีก

เพียงแต่ว่าวากิวกลายพันธุ์ดังกล่าวกลับไม่สามารถขยายพันธุ์ได้เลย  ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นหมัน  แต่เป็นเพราะรุ่นลูกหลานที่เกิดมากลับเป็นแค่วากิวธรรมดาเท่านั้น

ไม่อย่างนั้นล่ะก็เนื้อวากิวของอัสเตเลียคงเข้ามาแทนที่วากิวของประเทศพลาสเตอร์ไปนานแล้ว

“อืม  นั่นแหละ” ไฮบาระพยักหน้า  ตราบใดที่สามารถได้เนื้อวากิวกลายพันธุ์จากตระกูลริสต์มาล่ะก็  รับรองว่ามันจะทำให้บ้านไร่ชิงหลินหงายเงิบไปเลยอย่างแน่นอน

ผู้ช่วยของยานางิยามะยาชิโระขมวดคิ้วแน่น “ว่าแต่ตระกูลริสต์จะยอมเหรอครับ”

“ไม่เกี่ยวกับว่ายอมหรือไม่ยอม  มันเกี่ยวกับว่าเงินเยอพอหรือไม่พอต่างหาก”

ไฮบาระพูดอย่างเย็นชาแล้วสั่งเลขาสาวสวยหุ่นดีว่า “จองตั๋วเครื่องบินไปอัสเตเลียให้หน่อย”

เลขาสาวพยักหน้าทันที

แววตาของไฮบาระยามาชิตะเต็มไปด้วยความแน่วแน่  ต่อให้ตนจะต้องยอมเสียทรัพย์สินบางส่วนของตระกูลให้แก่ตระกูลริสต์ก็ตาม  แต่ขอแค่ได้เนื้อวากิวกลายพันธุ์นั่นมาก็ถือว่าคุ้ม

เพราะอุตสาหกรรมเนื้อวากิวนี้มีความหมายพิเศษต่อชีวิตของตนนั่นเอง

ในขณะเดียวกันนักชิมคนอื่น ๆ ต่างก็ได้รับคำเชิญดังกล่าวนี้แล้วเช่นกัน

เนื้อวากิวเป็นวัตถุดิบสำคัญในอาหารเลิศรสแน่ ๆ อยู่แล้ว  ดังนั้นหลังจากที่ทราบรายละเอียดของสถานการณ์แล้วเหล่านักชิมทั้งหลายจึงให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก

ทุกคนต่างก็สงสัยว่าเนื้อชิงหลินจากบ้านไร่ชิงหลินนั้นดีกว่าเนื้อวากิวจริง ๆ รึเปล่า

ยิ่งไปกว่านั้นคือทุกคนเคยกินเนื้อวากิวกันมาแล้ว  ดังนั้นขอเพียงได้กินเนื้อชิงหลินดูล่ะก็รับรองว่าสามารถบอกได้ทันทีเลยว่าอันไหนอร่อยกว่ากัน

ถ้าห่วยกว่าล่ะก็รับรองเลยว่าจะประกาศให้ทั้งโลกได้รู้  ซึ่งทุกคนต่างก็เข้มงวดกันเรื่องอาหารเป็นอย่างยิ่ง  ดังนั้นจะไม่ยอมให้มีการโกงเกิดขึ้นเด็ดขาด

............................................................................................

ฉินหลินที่อยู่ที่คฤหาสน์ชิงหลินนั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย  สี่วันต่อมาเขาได้ไปที่ฟาร์มชิงหลินเพราะคืนต่อมาจะเป็นค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรสแล้ว

ตอนนี้ตัวแทนจากบ้านไร่ชิงหลินและอำเภอโหยวเฉิงกำลังจัดการเรื่องพ่อครัวและนักท่องเที่ยวที่ได้เข้าร่วมในค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรส

ซึ่งต้องจัดเตรียมหลังจากเทศกาลอาหารสิ้นสุดในวันพรุ่งนี้แล้วรอค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรส

เมื่อฉินหลินมาถึงฟาร์มชิงหลินวากิวก็ถูกเชือดไปแล้ว

เนื้อวากิวถูกตัดออกมาทั้งหมด  อวัยวะภายในถูกชำแหละเรียบร้อย

เห็นได้ว่าทักษะของคนขายเนื้อนั้นดีมาก

เนื้อวากิวทั้งหมดได้รับการจัดการอย่างประณีต

ท้ายที่สุดแล้วนี่เป็นเนื้อวากิวชุดแรกที่ถูกเชือด  และคนที่ได้รับการว่าจ้างมาก็เป็นคนขายเนื้อที่เก่งที่สุดในอำเภอโหยวเฉิง

เนื้อวากิวนี้ได้มาจากเกม  ดังนั้นส่วนหนึ่งของเนื้อจึงเป็นเนื้อวากิวหินอ่อนเลเวล 2

โดยเนื้อส่วนนี้จะใช้สำหรับค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรส

“สวัสดีครับเถ้าแก่” หยางตงเห็นฉินหลินมาหาก็เดินเข้ามาทัก

วากิวบรีดเดอร์ทั้งหลายที่เห็นเองก็เข้ามาทักด้วยเช่นกัน

แม้ว่าฉินหลินจะรู้ถึงคุณภาพของเนื้อวากิวจากเกมอยู่แล้วก็ตาม  แต่เขาก็ยังคงถามอยู่ว่า “คุณภาพเนื้อเป็นไงมั่ง”

หนึ่งในบรีดเดอร์รีบตอบ “ครับ  เราบอกได้เลยว่าในวัวตัวนี้มีเนื้อตรงไหนบ้างที่ดีกว่าตรงอื่น  อย่างตรงนี้เป็นลายหินอ่อนอยู่ถัดจากเส้นเอ็นซึ่งตรงอื่นสู้ไม่ได้”

พูดไปพลางชี้จุดที่ว่าไปพลาง

ฉินหลินพยักหน้า  ด้วยทักษะการทำอาหารจากเนื้อวัวที่มีอยู่ทำให้ตัวเขาเองมีความสามารถสูงมากพอที่จะแยกแยะเนื้อเลเวล 1 กับเลเวล 2 ออกได้เพียงแค่จับ ๆ กด ๆ ดูเท่านั้น

หลังจากที่เช็กเนื้อเสร็จแล้วฉินหลินก็ได้กลับไปที่คฤหาสน์

วันรุ่งขึ้นเป็นวันของเทศกาลอาหารวันสุดท้าย

ในวันนี้ยังมีโควต้าให้เข้าสู่ค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรสเหลืออีกมากมาย

แน่นอนว่าบ้านไร่ชิงหลินได้ควบคุมจำนวนดังกล่าวเอาไว้ด้วยความจงใจ  เหตุก็เพื่อป้องกันไม่ให้โควต้าทั้งหมดโดนเอาไปหมดตั้งแต่วันแรก ๆ ไม่อย่างนั้นมันจะทำให้ในช่วงหลัง ๆ ของงานสูญเสียคุณค่าไป

จึงทำให้แม้จะถึงวันสุดท้ายแล้วก็ตามโควต้าก็ยังไม่เต็ม

การดำเนินการแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติ  พูดได้ว่าไม่ว่าจะกิจกรรมใด ๆ ไม่ว่าจะส่วนตัวหรือทางการก็ตาม  แต่ถ้าหากเป็นการดำเนินกิจกรรมประเภทนี้แล้วล่ะก็การดำเนินการดังกล่าวเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้โดยไม่มีข้อยกเว้น

ซึ่งการดำเนินการนี้ไม่ได้ถือว่าขัดต่อหลักการของความเป็นธรรม  เพียงแต่เป็นการควบคุมกระบวนการโดยรวมไว้ในระดับหนึ่งเท่านั้น

ในอำเภอ  หน้าร้านกวงปิ่งแห่งหนึ่ง  เฉิ่นตงกำลังวิดพื้นเหงื่อซกโดยที่ยังมีกวงปิ่งชิ้นหนึ่งคาบคาปากอยู่

กวงปิ่งเป็นขนมกินเล่นของอำเภอโหยวเฉิง  รสชาติและเนื้อสัมผัสค่อนข้างดี

แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมเถ้าแก่ถึงอยากให้คนอื่นคาบกวงปิ่งวิดพื้นนักหนา

เอาตรง ๆ คือการวิดพื้นนั้นไม่ยาก  แต่การวิดพื้นโดยที่คาบอะไรบางอย่างไว้ในปากนั้นยากกว่าปกติ

เพราะเมื่อทำแบบนี้แล้วจะไม่สามารถหายใจทางปากได้  ทำได้เพียงแค่หายใจทางจมูกเท่านั้น

ซึ่งโดยปกติแล้วเมื่อคนเราเหนื่อยล้าก็จะอาศัยการหายใจทางปากกันทั้งนั้น  เป็นเหมือนจิตใต้สำนึก

ดังนั้นผู้ที่ทำภารกิจนี้จึงมักจะทำกวงปิ่งหล่นโดยไม่รู้ตัวทำให้ทำภารกิจไม่สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม  สำหรับเฉิ่นตงแล้วงานนี้แม้จะยากแต่ก็ดีกว่าต้องทำภารกิจอื่นเช่นจูบกับแฟน  อุ้มแฟน  หรือให้แฟนขี่หลัง

สำหรับเขาแล้วภารกิจเหล่านั้นยากกว่าเยอะและยังเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้เลยด้วย

ในที่สุดเฉิ่นตงก็วิดพื้นได้มากพอที่จะเคลียร์ภารกิจนี้

เขาหยิบมือถือออกมาสแกนสุ่มตั๋วทันที

แล้วก็มีข้อความแจ้งเตือนเด้งขึ้นมา [ขอแสดงความยินดี  คุณได้รับเศษตั๋วเข้างานค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรสส่วนที่ 3]

เมื่อเฉิ่นตงเห็นข้อความแจ้งเตือนนี้เข้าก็ตาลุกวาว  เพราะเขาได้ใช้เงินไปกับงานเทศกาลนี้ทุกวันเรียกได้ว่าหมดไปหลายพัน

ซึ่งสิ่งที่เขาขาดคือตั๋วส่วนที่ 3 พอดีเลย  ส่วนอื่น ๆ นั้นเขาได้ซ้ำมาเยอะแล้ว

ที่สำคัญคือมีคนอยากจะซื้อต่อหรือแลกส่วนที่ตัวเองขาด  แต่ก็ต้องช้ำใจเมื่อพบว่าไม่มีวิธีในการแลกเปลี่ยนซื้อขายดังกล่าวอยู่

ผู้ที่ได้ชิ้นซ้ำ ๆ กันโดยไม่ครบซักทีก็คือเสียเปล่าไปเลย

ตอนนี้เขาแค่ต้องกดรวมตั๋วทั้ง 5 ส่วนในมือถือเข้าด้วยกันเพื่อกลายเป็นคิวอาร์โคดเข้าสู่ค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรส

เมื่อถึงเวลานั้นแค่นำคิวอาร์โคดดังกล่าวไปสแกนที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่ทางเข้างานก็สามารถเข้างานได้

ซึ่งการรวมตั๋วครั้งนี้จึงเป็นที่น่าตื่นเต้นต่อเฉิ่นตง

ทว่าวินาทีต่อมากลับมีแจ้งเตือนเด้งว่า [ขออภัย  สิทธิ์เข้าสู่ค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรสเต็มแล้ว]

“???” ความตื่นเต้นบนใบหน้าของเฉิ่นตงกลายเป็นความหมองคล้ำไปเลยทันที

เขารีบตรวจสอบทันทีและพบว่าตั๋วใบสุดท้ายมีคนเอาไปเมื่อ 2 วินาทีก่อน

ก็คือเขาช้ากว่าคนอื่น 2 วินาที

“เวรเอ๊ยยยยยยย...” เฉิ่นตงเกาหัวด้วยความโมโห

เชี่ยอะไรวะเนี่ยยยยยยยยย...

แล้วในที่สุดเขาก็ตกผลึกว่าครั้งต่อไปที่จะมางานเทศกาลอาหารของบ้านไร่ชิงหลินก่อนอื่นเลยคือต้องมีแฟนก่อน  เพราะงานนี้มันเป็นศัตรูกับคนโสดมากเกินไปแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะภารกิจที่ต้องมีแฟนก่อนถึงจะทำสำเร็จมันเยอะเกินไปล่ะก็  ป่านนี้เขาคงได้ตั๋วเข้าสู่ค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรสได้สำเร็จไปแล้ว

เมื่อสิทธิ์เข้างานค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรสเต็มแล้วก็แปลว่างานเทศกาลอาหารได้สิ้นสุดลงแล้ว

พรุ่งนี้ถนนส่วนพิเศษจะเริ่มทำความสะอาด  กุ๊กหรือเชฟจากภายนอกจะไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งแผงต่อ

เพราะถนนสายนี้จำเป็นต้องเปิดให้รถวิ่งสัญจรต่อ

หลังจากที่ตัวแทนจากบ้านไร่ชิงหลินและอำเภอโหยวเฉิงนับจำนวนกุ๊กกับนักท่องเที่ยวที่มีสิทธิ์เข้างานค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรสเสร็จแล้วก็ได้ทำการเตรียมการอื่น ๆ ต่อเช่นกัน

............................................................................................

บ้านไร่ชิงหลิน

หลินหลานจื่อจัดเตรียมทุกอย่างและรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องลงในเอกสารแล้วส่งไปที่ห้องทำงานของฉินหลิน “นี่เป็นการเตรียมการของค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรสค่ะ  เนื่องจากมีการเชิญนักชิมเพิ่มเติมเข้ามาเราจึงต้องมีการเตรียมคณะกรรมกาตัดสินพิเศษ”

“พื้นที่ที่ผู้ตัดสินอยู่จะแตกต่างจากพื้นที่ที่เชฟกับนักท่องเที่ยวอยู่  มีการแบ่งแยกอย่างชัดเจน  นอกจากการทำอาหารเลิศรสให้นักท่องเที่ยวได้ชิมและให้นักท่องเที่ยวให้คะแนนแล้ว  ทางเชฟยังต้องเตรียมอาหารเลิศรสให้นักชิมเหล่านี้เป็นพิเศษและให้เหล่านักชิมเป็นผู้ให้คะแนนด้วยค่ะ!”

“คลที่ได้รับคะแนนสูงสุดจากทั้งนักชิมและนักท่องเที่ยวจะได้อันดับหนึ่งและไล่เรียงกันลงไป”

“อืม!” ฉินหลินพยักหน้า

การเชิญนักชิมเหล่านี้เป็นการตัดสินใจอย่างกะทันหันอันเนื่องมาจากมีข่าวว่าวากิวที่ประเทศพลาสเตอร์กำลังจะสูญพันธุ์  อย่างไรก็ตาม  นี่ก็ทำให้มูลค่าของสามอันดับแรกในค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรสเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง

หลังจากที่ฉินหลินอ่านเสร็จเขาก็เซ็นชื่อลงในเอกสารแผน

ขณะที่ทางบ้านไร่ชิงหลินกำลังจัดเตรียมงานค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรสอยู่นั้น  เหล่าบรรดานักชิมทั้งหลายที่ได้รับเชิญต่างก็มาถึงอำเภอโหยวเฉิงกันหมดแล้ว

เนื่องจากพวกเขาได้รับเชิญมาดังนั้นเหล่านักชิมเหล่านี้จึงถูกจัดให้พักอยู่ที่ห้องบ่าวสาวของบ้านไร่ชิงหลินไปเลย

ห้องบ่าวสาวเบอร์ 1-10 ที่กันไว้ยามฉุกเฉินมาโดยตลอดได้ถูกนำมาใช้จนหมด

นอกจากนี้ก็ยังมีห้องบ่าวสาวห้องอื่น ๆ ที่ถูกกันไว้เพิ่ม

ไฮบาระยามาชิตะก็เป็นหนึ่งในผู้ได้รับเชิญ  เมื่อเจ้าตัวมาถึงเขตเมืองหมิงแล้วก็รีบออกเดินทางพร้อมกันกับนักชิมจากประเทศพลาสเตอร์เหมือนกันอีกคนที่ชื่ออิโนะชิตะทาโร่

สีหน้าของไฮบาระนั้นมืดหม่นอยู่ตลอดเวลาเพราะได้รู้จากอิโนะชิตะว่านักชิมของประเทศพลาสเตอร์คนอื่น ๆ เองก็ได้รับเชิญมาเหมือนกัน

อีกฝ่ายมันช่างใจบาปหยาบช้าหาที่เปรียบมิได้เลยจริง ๆ

“เฮ่อ~”

อิโนชิตะถอนหายใจ “คุณไฮบาระ  คราวนี้จุดประสงค์ของทางนั้นก็เห็นชัด ๆ นะ  ถ้าไม่อยากยืนยันคุณภาพเนื้อที่ว่านั่นล่ะก็ผมเองก็ไม่อยากมาทำเรื่องน่าลำบากใจแบบนี้หรอกครับ”

เห็นได้ชัดว่าทุกคนต่างรู้แผนของสุมาเจียวอย่างบ้านไร่ชิงหลิน  แล้วมีหรือที่พวกตนจะไม่รู้

ไฮบาระมองไปที่กล่องแช่แข็งพิเศษที่เท้าของตนก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “อืม  ทุกคนต่างก็มองแผนของพวกมันออก  แต่พวกมันคิดจริง ๆ เหรอว่าวากิวของเราเป็นแค่ลูกแกะรอเชือด  พวกมันน่าคิดผิดไปไกลแล้ว”

“คราวนี้ฉันจะทำให้พวกมันได้รู้ว่าการตอบโต้อย่างสุดกำลังของวากิวมันเป็นยังไง  พวกมันจะต้องเจอกับบิ๊กเซอร์ไพรส์ที่จินตนาการไม่ออกแน่”

ต่อให้วากิวของประเทศเราสูญพันธุ์ก็ไม่เป็นไร  ขอเพียงชื่อเสียงยังอยู่ล่ะก็เราสามารถนำวากิวจากอัสเตเลียมาเพาะพันธุ์ใหม่ได้  และจะมีโอกาสฟื้นฟูความรุ่งโรจน์อย่างในอดีตเมื่อไหร่ก็ได้

ทว่าหากคราวนี้พวกมันแย่งเกียรติและสถานะของวากิวไปได้ล่ะก็  ที่ทำมาทั้งหมดจะกลายเป็นเพียงผายลม

เพื่อที่จะได้เนื้อวากิวในกล่องนี้มาถึงกับต้องมอบทรัพย์สินส่วนใหญ่ของตระกูลให้กับตระกูลริสต์กันเลยทีเดียว

อุตส่าห์จ่ายราคาแพงถึงเพียงนี้แล้วย่อมต้องไม่ยอมให้พวกมันทำสำเร็จได้เด็ดขาด

การตอบโต้อย่างสุดชีวิตนี้จะทำให้พวกมันต้องหงายเงิบ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด