บทที่ 523: การตอบโต้สุดชีวิตของของวากิว! ฆ่าเนื้อชิงหลินเหรอ?
ประเทศพลาสเตอร์
ฟาร์มยานางิยามะ
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยอารมณ์โดดเดี่ยว
หลังจากที่ยานางิยามะยาชิโระฆ่าตัวตายไปแล้วนั้นฟาร์มวากิวของเจ้าตัวก็ซบเซาลงไปเลย วากิวที่นี่เกือบจะตายเพราะโรคเลือดแข็งตัวที่อุณหภูมิสูง
ยิ่งกว่านั้นคือยานางิยามะยาชิโระได้เอาทรัพย์สินทั้งหมดของตนไปจ้างนักฆ่า ทำให้ฟาร์มล้มละลายลงไปโดยสิ้นเชิง พนักงานทั้งหมดก็หนีไปแล้วซึ่งจะเหลือก็แต่ผู้ช่วยเดิมเท่านั้นที่จะช่วยยานางิยามะยาชิโระจัดการเรื่องติดตามผล
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ฟาร์มของยานางิยามะยาชิโระจะเปิดให้บริการ
ผู้ช่วยเห็นชายวัยกลางคนจึงเดินเข้าไปทัก “สวัสดีครับคุณไฮบาระ”
ไฮบาระยามาชิตะ ชายคนนี้เป็นหนึ่งในนักชิมที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศพลาสเตอร์แห่งนี้ ซึ่งถือครองอุตสาหกรรมอาหารขนาดใหญ่ในประเทศนี้อยู่
อีกฝ่ายมีอิทธิพลในการส่งเสริมเนื้อวากิวของประเทศนี้เป็นอย่างมาก และยังเป็นเพื่อนสนิทกับเถ้าแก่ผู้ล่วงลับอย่างยานางิยามะยาชิโระด้วย
ไฮบาระยามาชิตะมองดูผู้ช่วยก่อนจะพยักหน้าแล้วถอนหายใจ “เฮ่อ~ ฟาร์มของเพื่อนเก่ากะลังจะปิดฉันก็ต้องมาดูล่ะนะ น่าเศร้าจริง ๆ”
ผู้ช่วยพูดด้วยความโมโห “ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้ประเทศตงฟางนั่น พวกมันไม่ยอมสนับสนุนด้านยารักษาให้เรา ถ้าพวกมันยอมสนัมสนุนล่ะก็ทั้งเราทั้งอุตสาหกรรมปศุสัตว์ของประเทศเราจะไม่เป็นแบบนี้แน่”
“ที่เลวที่สุดคือพอพวกมันรู้ว่าวากิวชุดสุดท้ายของเราติดเชื้อ พวกมันก็สั่งลดการผลิตยารักษาทันที ทำให้ตอนนี้เราไม่เหลือทางเลือกอื่นนอกจากซื้อต่อยาจากประเทศอื่นมาใช้”
เมื่อไฮบาระยามาชิตะได้ยินดังนั้นก็โมโห “เออ พวกแม่งสมควรตายจริง ๆ ไอ้พวกสัตว์นรกที่ไม่เหลือความเป็นคน”
ไฮบาระนั้นกังวลในเรื่องของอุตสาหกรรมวากิวอย่างมาก
เจ้าตัวได้เข้าร่วมงานเทศกาลอาหารนานาชาติและได้ช่วยโปรโมตเนื้อวากิวของประเทศตนมาตั้งแต่เด็กแล้ว
หลังจากเผยแพร่มานานกว่า 30 ปีในที่สุดเนื้อวากิวก็กลายเป็นความภาคภูมิใจของบรรดานักชิมทั้งหลายในประเทศของตน
เมื่อใดก็ตามที่พูดคุยกันถึงเรื่องวากิว นักชิมเหล่านี้ก็จะกลายเป็นจุดสนใจในเทศกาลอาหารนานาชาติระดับไฮเอนด์
แต่ตอนนี้ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นแค่อดีตไปแล้ว
ตอนนี้เองได้มีผู้หญิงรูปร่างดีคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา ตอนวิ่งนั้นหน้าอกตู้ม ๆ ก็เด้งขึ้นเด้งลงอย่างแรงไปด้วย เมื่อมาหยุดตรงหน้าไฮบาระเธอก็ได้รายงานว่า “คุณไฮบาระคะ แย่แล้วค่ะ มีคนส่งคำเชิญให้คุณไปเข้าร่วมเทศกาลอาหาร”
ไฮบาระขมวดคิ้วมุ่น “แล้วมันแย่ตรงไหนกะอีแค่ไปร่วมงานเทศกาลอาหาร หรือว่าฉันได้รับบัตรเชิญน้อยไปรึไง”
ผู้หญิงหุ่นดีตอบด้วยน้ำเสียงกังวล “แต่มันเป็นจดหมายเชิญจากประเทศตงฟางนั่นน่ะสิคะ พวกมันบอกจะเปลี่ยนชื่อวากิวเป็นชิงหลินหนิว เห็นว่าเพราะเนื้อชิงหลินอร่อยกว่าวากิว แถมยังเชิญนักชิมจากประเทศอื่น ๆ นอกจะคุณด้วยค่ะ”
“หน่านี้!” สีหน้าของไฮบาระจากที่โมโหอยู่แล้วตอนนี้เปลี่ยนเป็นเคียดแค้น
ไอ้ประเทศตงฟางเชี่ยนี่นอกจากไม่ยอมให้ยารักษาแล้วยังไม่พอ หลังจากที่วากิวของตนติดโรคระบาดไอ้บ้านไร่ชิงหลินนั่นมันยังมาทำแบบนี้อีกเนี่ยนะ
ต้องถามให้โง่มั้ยเนี่ยว่าพวกมันเล็งอะไรเอาไว้
ไม่บอกก็รู้ว่าพวกมันต้องเล็งตำแหน่งสถานะเนื้อวัวระดับไฮเอนด์ของโลกของประเทศตนอยู่
อย่างที่บอกว่ากว่าวากิวจะได้สถานะนี้มานั้นต้องผ่านความพยายามอย่างหนักมากว่า 30 ปี
แล้วตอนนี้ไอ้พวกเวรนั่นคือกะจะเหยียบหัววากิวขึ้นไปแทนที่ซะงั้น
“จะปล่อยให้พวกแม่งทำสำเร็จไม่ได้”
ไฮบาระตะคอก “พวกมันอยากพิสูจน์ว่าวากิวของตัวเองดีกว่าในเทศกาลอาหารนั่นใช่มั้ย งั้นกูจะเอาอันที่ดีกว่าไปตบหน้าพวกมันแบบเจ็บ ๆ ให้เลย”
ผู้ช่วยของยานางิยามะยาชิโระก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นก็รีพูดเตือน “แต่ว่านะครับคุณไฮบาระ ไอ้บ้านไร่ชิงหลินนั่นก่อนหน้านี้มันได้เอาเนื้อที่คุณภาพดีกว่าของเราออกมาด้วย แถมตอนนี้เราก็ไม่มีเนื้อวากิวที่จะเอาออกไปแข่งกับพวกมันนะครับ”
ไฮบาระบาระตอบเสียงเย็น “พวกมันไม่มีทางมีวากิวหินอ่อนที่ดีกว่าของเราหรอก การที่พวกมันกล้าทำแบบนี้ก็เพราะรู้ว่าเราไม่มีเนื้อวากิวในตอนนี้ แล้วขนาดเราเองยังไม่มีแล้วพวกมันจะไปมีได้ยังไง”
“แต่พวกมันเหมือนจะลืมไปแล้วล่ะมั้งว่าในโลกนี้ไม่ใช่แค่ประเทศเราเท่านั้นที่มีเนื้อวากิว แต่ยังมีอัสเตเลีย (ไม่ใช่ออสเตรเลียนะ จริงจี๊ง~) ด้วย เนื้อวากิวของพวกนั้นโดยทั่วไปก็คล้าย ๆ กับของเรา แถมยังมีวากิวกลายพันธุ์อีกต่างหาก”
“ใช่วากิวของตระกูลริสต์รึเปล่าครับ” ผู้ช่วยของยานางิยามะยาชิโระถาม
หากพูดถึงประวัติศาสตร์ความอร่อยของเนื้อวากิวแล้ว ประเทศไหนที่ผลิตเนื้อวากิวที่อร่อยที่สุดในประวัติศาสตร์นั้น ประเทศพลาสเตอร์ของตนก็ไม่กล้าบอกเหมือนกันว่าเนื้อวากิวหินอ่อนของตนเป็นนัมเบอร์วัน
เนื่องจากเนื้อวากิวหินอ่อนของอัสเตเลียไม่ได้ด้อยไปกว่าเนื้อของพวกตนเลย เพียงแต่ทางอัสเตเลียพึ่งจะนำเสนอวากิวของประเทศตัวเองได้ไม่นาน อีกทั้งผลผลินเมื่อเทียบกับของพวกตนแล้วยังห่างไกลกันนักก็เท่านั้น ก็เลยไม่สามารถสั่นคลอนชื่อเสียงของเนื้อวากิวของประเทศพลาสเตอร์ขอตนได้
อย่างไรก็ตาม ตระกูลริสต์ของอัสเตเลียยังมีวากิวกลายพันธุ์อยู่อีก 2 ตัว
โดยเจ้า 2 ตัวนี้จู่ ๆ ก็กลายพันธุ์ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ หนึ่งในนั้นโดนเชือดไปแล้วซึ่งผลคือคุณภาพของเนื้อออกมาดีกว่าเนื้อวากิวเกรดที่ยอดเยี่ยมที่สุดก่อนหน้านั้นซะอีก
เพียงแต่ว่าวากิวกลายพันธุ์ดังกล่าวกลับไม่สามารถขยายพันธุ์ได้เลย ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นหมัน แต่เป็นเพราะรุ่นลูกหลานที่เกิดมากลับเป็นแค่วากิวธรรมดาเท่านั้น
ไม่อย่างนั้นล่ะก็เนื้อวากิวของอัสเตเลียคงเข้ามาแทนที่วากิวของประเทศพลาสเตอร์ไปนานแล้ว
“อืม นั่นแหละ” ไฮบาระพยักหน้า ตราบใดที่สามารถได้เนื้อวากิวกลายพันธุ์จากตระกูลริสต์มาล่ะก็ รับรองว่ามันจะทำให้บ้านไร่ชิงหลินหงายเงิบไปเลยอย่างแน่นอน
ผู้ช่วยของยานางิยามะยาชิโระขมวดคิ้วแน่น “ว่าแต่ตระกูลริสต์จะยอมเหรอครับ”
“ไม่เกี่ยวกับว่ายอมหรือไม่ยอม มันเกี่ยวกับว่าเงินเยอพอหรือไม่พอต่างหาก”
ไฮบาระพูดอย่างเย็นชาแล้วสั่งเลขาสาวสวยหุ่นดีว่า “จองตั๋วเครื่องบินไปอัสเตเลียให้หน่อย”
เลขาสาวพยักหน้าทันที
แววตาของไฮบาระยามาชิตะเต็มไปด้วยความแน่วแน่ ต่อให้ตนจะต้องยอมเสียทรัพย์สินบางส่วนของตระกูลให้แก่ตระกูลริสต์ก็ตาม แต่ขอแค่ได้เนื้อวากิวกลายพันธุ์นั่นมาก็ถือว่าคุ้ม
เพราะอุตสาหกรรมเนื้อวากิวนี้มีความหมายพิเศษต่อชีวิตของตนนั่นเอง
ในขณะเดียวกันนักชิมคนอื่น ๆ ต่างก็ได้รับคำเชิญดังกล่าวนี้แล้วเช่นกัน
เนื้อวากิวเป็นวัตถุดิบสำคัญในอาหารเลิศรสแน่ ๆ อยู่แล้ว ดังนั้นหลังจากที่ทราบรายละเอียดของสถานการณ์แล้วเหล่านักชิมทั้งหลายจึงให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก
ทุกคนต่างก็สงสัยว่าเนื้อชิงหลินจากบ้านไร่ชิงหลินนั้นดีกว่าเนื้อวากิวจริง ๆ รึเปล่า
ยิ่งไปกว่านั้นคือทุกคนเคยกินเนื้อวากิวกันมาแล้ว ดังนั้นขอเพียงได้กินเนื้อชิงหลินดูล่ะก็รับรองว่าสามารถบอกได้ทันทีเลยว่าอันไหนอร่อยกว่ากัน
ถ้าห่วยกว่าล่ะก็รับรองเลยว่าจะประกาศให้ทั้งโลกได้รู้ ซึ่งทุกคนต่างก็เข้มงวดกันเรื่องอาหารเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจะไม่ยอมให้มีการโกงเกิดขึ้นเด็ดขาด
............................................................................................
ฉินหลินที่อยู่ที่คฤหาสน์ชิงหลินนั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย สี่วันต่อมาเขาได้ไปที่ฟาร์มชิงหลินเพราะคืนต่อมาจะเป็นค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรสแล้ว
ตอนนี้ตัวแทนจากบ้านไร่ชิงหลินและอำเภอโหยวเฉิงกำลังจัดการเรื่องพ่อครัวและนักท่องเที่ยวที่ได้เข้าร่วมในค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรส
ซึ่งต้องจัดเตรียมหลังจากเทศกาลอาหารสิ้นสุดในวันพรุ่งนี้แล้วรอค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรส
เมื่อฉินหลินมาถึงฟาร์มชิงหลินวากิวก็ถูกเชือดไปแล้ว
เนื้อวากิวถูกตัดออกมาทั้งหมด อวัยวะภายในถูกชำแหละเรียบร้อย
เห็นได้ว่าทักษะของคนขายเนื้อนั้นดีมาก
เนื้อวากิวทั้งหมดได้รับการจัดการอย่างประณีต
ท้ายที่สุดแล้วนี่เป็นเนื้อวากิวชุดแรกที่ถูกเชือด และคนที่ได้รับการว่าจ้างมาก็เป็นคนขายเนื้อที่เก่งที่สุดในอำเภอโหยวเฉิง
เนื้อวากิวนี้ได้มาจากเกม ดังนั้นส่วนหนึ่งของเนื้อจึงเป็นเนื้อวากิวหินอ่อนเลเวล 2
โดยเนื้อส่วนนี้จะใช้สำหรับค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรส
“สวัสดีครับเถ้าแก่” หยางตงเห็นฉินหลินมาหาก็เดินเข้ามาทัก
วากิวบรีดเดอร์ทั้งหลายที่เห็นเองก็เข้ามาทักด้วยเช่นกัน
แม้ว่าฉินหลินจะรู้ถึงคุณภาพของเนื้อวากิวจากเกมอยู่แล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังคงถามอยู่ว่า “คุณภาพเนื้อเป็นไงมั่ง”
หนึ่งในบรีดเดอร์รีบตอบ “ครับ เราบอกได้เลยว่าในวัวตัวนี้มีเนื้อตรงไหนบ้างที่ดีกว่าตรงอื่น อย่างตรงนี้เป็นลายหินอ่อนอยู่ถัดจากเส้นเอ็นซึ่งตรงอื่นสู้ไม่ได้”
พูดไปพลางชี้จุดที่ว่าไปพลาง
ฉินหลินพยักหน้า ด้วยทักษะการทำอาหารจากเนื้อวัวที่มีอยู่ทำให้ตัวเขาเองมีความสามารถสูงมากพอที่จะแยกแยะเนื้อเลเวล 1 กับเลเวล 2 ออกได้เพียงแค่จับ ๆ กด ๆ ดูเท่านั้น
หลังจากที่เช็กเนื้อเสร็จแล้วฉินหลินก็ได้กลับไปที่คฤหาสน์
วันรุ่งขึ้นเป็นวันของเทศกาลอาหารวันสุดท้าย
ในวันนี้ยังมีโควต้าให้เข้าสู่ค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรสเหลืออีกมากมาย
แน่นอนว่าบ้านไร่ชิงหลินได้ควบคุมจำนวนดังกล่าวเอาไว้ด้วยความจงใจ เหตุก็เพื่อป้องกันไม่ให้โควต้าทั้งหมดโดนเอาไปหมดตั้งแต่วันแรก ๆ ไม่อย่างนั้นมันจะทำให้ในช่วงหลัง ๆ ของงานสูญเสียคุณค่าไป
จึงทำให้แม้จะถึงวันสุดท้ายแล้วก็ตามโควต้าก็ยังไม่เต็ม
การดำเนินการแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติ พูดได้ว่าไม่ว่าจะกิจกรรมใด ๆ ไม่ว่าจะส่วนตัวหรือทางการก็ตาม แต่ถ้าหากเป็นการดำเนินกิจกรรมประเภทนี้แล้วล่ะก็การดำเนินการดังกล่าวเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้โดยไม่มีข้อยกเว้น
ซึ่งการดำเนินการนี้ไม่ได้ถือว่าขัดต่อหลักการของความเป็นธรรม เพียงแต่เป็นการควบคุมกระบวนการโดยรวมไว้ในระดับหนึ่งเท่านั้น
ในอำเภอ หน้าร้านกวงปิ่งแห่งหนึ่ง เฉิ่นตงกำลังวิดพื้นเหงื่อซกโดยที่ยังมีกวงปิ่งชิ้นหนึ่งคาบคาปากอยู่
กวงปิ่งเป็นขนมกินเล่นของอำเภอโหยวเฉิง รสชาติและเนื้อสัมผัสค่อนข้างดี
แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมเถ้าแก่ถึงอยากให้คนอื่นคาบกวงปิ่งวิดพื้นนักหนา
เอาตรง ๆ คือการวิดพื้นนั้นไม่ยาก แต่การวิดพื้นโดยที่คาบอะไรบางอย่างไว้ในปากนั้นยากกว่าปกติ
เพราะเมื่อทำแบบนี้แล้วจะไม่สามารถหายใจทางปากได้ ทำได้เพียงแค่หายใจทางจมูกเท่านั้น
ซึ่งโดยปกติแล้วเมื่อคนเราเหนื่อยล้าก็จะอาศัยการหายใจทางปากกันทั้งนั้น เป็นเหมือนจิตใต้สำนึก
ดังนั้นผู้ที่ทำภารกิจนี้จึงมักจะทำกวงปิ่งหล่นโดยไม่รู้ตัวทำให้ทำภารกิจไม่สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม สำหรับเฉิ่นตงแล้วงานนี้แม้จะยากแต่ก็ดีกว่าต้องทำภารกิจอื่นเช่นจูบกับแฟน อุ้มแฟน หรือให้แฟนขี่หลัง
สำหรับเขาแล้วภารกิจเหล่านั้นยากกว่าเยอะและยังเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้เลยด้วย
ในที่สุดเฉิ่นตงก็วิดพื้นได้มากพอที่จะเคลียร์ภารกิจนี้
เขาหยิบมือถือออกมาสแกนสุ่มตั๋วทันที
แล้วก็มีข้อความแจ้งเตือนเด้งขึ้นมา [ขอแสดงความยินดี คุณได้รับเศษตั๋วเข้างานค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรสส่วนที่ 3]
เมื่อเฉิ่นตงเห็นข้อความแจ้งเตือนนี้เข้าก็ตาลุกวาว เพราะเขาได้ใช้เงินไปกับงานเทศกาลนี้ทุกวันเรียกได้ว่าหมดไปหลายพัน
ซึ่งสิ่งที่เขาขาดคือตั๋วส่วนที่ 3 พอดีเลย ส่วนอื่น ๆ นั้นเขาได้ซ้ำมาเยอะแล้ว
ที่สำคัญคือมีคนอยากจะซื้อต่อหรือแลกส่วนที่ตัวเองขาด แต่ก็ต้องช้ำใจเมื่อพบว่าไม่มีวิธีในการแลกเปลี่ยนซื้อขายดังกล่าวอยู่
ผู้ที่ได้ชิ้นซ้ำ ๆ กันโดยไม่ครบซักทีก็คือเสียเปล่าไปเลย
ตอนนี้เขาแค่ต้องกดรวมตั๋วทั้ง 5 ส่วนในมือถือเข้าด้วยกันเพื่อกลายเป็นคิวอาร์โคดเข้าสู่ค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรส
เมื่อถึงเวลานั้นแค่นำคิวอาร์โคดดังกล่าวไปสแกนที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่ทางเข้างานก็สามารถเข้างานได้
ซึ่งการรวมตั๋วครั้งนี้จึงเป็นที่น่าตื่นเต้นต่อเฉิ่นตง
ทว่าวินาทีต่อมากลับมีแจ้งเตือนเด้งว่า [ขออภัย สิทธิ์เข้าสู่ค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรสเต็มแล้ว]
“???” ความตื่นเต้นบนใบหน้าของเฉิ่นตงกลายเป็นความหมองคล้ำไปเลยทันที
เขารีบตรวจสอบทันทีและพบว่าตั๋วใบสุดท้ายมีคนเอาไปเมื่อ 2 วินาทีก่อน
ก็คือเขาช้ากว่าคนอื่น 2 วินาที
“เวรเอ๊ยยยยยยย...” เฉิ่นตงเกาหัวด้วยความโมโห
เชี่ยอะไรวะเนี่ยยยยยยยยย...
แล้วในที่สุดเขาก็ตกผลึกว่าครั้งต่อไปที่จะมางานเทศกาลอาหารของบ้านไร่ชิงหลินก่อนอื่นเลยคือต้องมีแฟนก่อน เพราะงานนี้มันเป็นศัตรูกับคนโสดมากเกินไปแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะภารกิจที่ต้องมีแฟนก่อนถึงจะทำสำเร็จมันเยอะเกินไปล่ะก็ ป่านนี้เขาคงได้ตั๋วเข้าสู่ค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรสได้สำเร็จไปแล้ว
เมื่อสิทธิ์เข้างานค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรสเต็มแล้วก็แปลว่างานเทศกาลอาหารได้สิ้นสุดลงแล้ว
พรุ่งนี้ถนนส่วนพิเศษจะเริ่มทำความสะอาด กุ๊กหรือเชฟจากภายนอกจะไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งแผงต่อ
เพราะถนนสายนี้จำเป็นต้องเปิดให้รถวิ่งสัญจรต่อ
หลังจากที่ตัวแทนจากบ้านไร่ชิงหลินและอำเภอโหยวเฉิงนับจำนวนกุ๊กกับนักท่องเที่ยวที่มีสิทธิ์เข้างานค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรสเสร็จแล้วก็ได้ทำการเตรียมการอื่น ๆ ต่อเช่นกัน
............................................................................................
บ้านไร่ชิงหลิน
หลินหลานจื่อจัดเตรียมทุกอย่างและรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องลงในเอกสารแล้วส่งไปที่ห้องทำงานของฉินหลิน “นี่เป็นการเตรียมการของค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรสค่ะ เนื่องจากมีการเชิญนักชิมเพิ่มเติมเข้ามาเราจึงต้องมีการเตรียมคณะกรรมกาตัดสินพิเศษ”
“พื้นที่ที่ผู้ตัดสินอยู่จะแตกต่างจากพื้นที่ที่เชฟกับนักท่องเที่ยวอยู่ มีการแบ่งแยกอย่างชัดเจน นอกจากการทำอาหารเลิศรสให้นักท่องเที่ยวได้ชิมและให้นักท่องเที่ยวให้คะแนนแล้ว ทางเชฟยังต้องเตรียมอาหารเลิศรสให้นักชิมเหล่านี้เป็นพิเศษและให้เหล่านักชิมเป็นผู้ให้คะแนนด้วยค่ะ!”
“คลที่ได้รับคะแนนสูงสุดจากทั้งนักชิมและนักท่องเที่ยวจะได้อันดับหนึ่งและไล่เรียงกันลงไป”
“อืม!” ฉินหลินพยักหน้า
การเชิญนักชิมเหล่านี้เป็นการตัดสินใจอย่างกะทันหันอันเนื่องมาจากมีข่าวว่าวากิวที่ประเทศพลาสเตอร์กำลังจะสูญพันธุ์ อย่างไรก็ตาม นี่ก็ทำให้มูลค่าของสามอันดับแรกในค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรสเพิ่มขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
หลังจากที่ฉินหลินอ่านเสร็จเขาก็เซ็นชื่อลงในเอกสารแผน
ขณะที่ทางบ้านไร่ชิงหลินกำลังจัดเตรียมงานค่ำคืนแห่งอาหารเลิศรสอยู่นั้น เหล่าบรรดานักชิมทั้งหลายที่ได้รับเชิญต่างก็มาถึงอำเภอโหยวเฉิงกันหมดแล้ว
เนื่องจากพวกเขาได้รับเชิญมาดังนั้นเหล่านักชิมเหล่านี้จึงถูกจัดให้พักอยู่ที่ห้องบ่าวสาวของบ้านไร่ชิงหลินไปเลย
ห้องบ่าวสาวเบอร์ 1-10 ที่กันไว้ยามฉุกเฉินมาโดยตลอดได้ถูกนำมาใช้จนหมด
นอกจากนี้ก็ยังมีห้องบ่าวสาวห้องอื่น ๆ ที่ถูกกันไว้เพิ่ม
ไฮบาระยามาชิตะก็เป็นหนึ่งในผู้ได้รับเชิญ เมื่อเจ้าตัวมาถึงเขตเมืองหมิงแล้วก็รีบออกเดินทางพร้อมกันกับนักชิมจากประเทศพลาสเตอร์เหมือนกันอีกคนที่ชื่ออิโนะชิตะทาโร่
สีหน้าของไฮบาระนั้นมืดหม่นอยู่ตลอดเวลาเพราะได้รู้จากอิโนะชิตะว่านักชิมของประเทศพลาสเตอร์คนอื่น ๆ เองก็ได้รับเชิญมาเหมือนกัน
อีกฝ่ายมันช่างใจบาปหยาบช้าหาที่เปรียบมิได้เลยจริง ๆ
“เฮ่อ~”
อิโนชิตะถอนหายใจ “คุณไฮบาระ คราวนี้จุดประสงค์ของทางนั้นก็เห็นชัด ๆ นะ ถ้าไม่อยากยืนยันคุณภาพเนื้อที่ว่านั่นล่ะก็ผมเองก็ไม่อยากมาทำเรื่องน่าลำบากใจแบบนี้หรอกครับ”
เห็นได้ชัดว่าทุกคนต่างรู้แผนของสุมาเจียวอย่างบ้านไร่ชิงหลิน แล้วมีหรือที่พวกตนจะไม่รู้
ไฮบาระมองไปที่กล่องแช่แข็งพิเศษที่เท้าของตนก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “อืม ทุกคนต่างก็มองแผนของพวกมันออก แต่พวกมันคิดจริง ๆ เหรอว่าวากิวของเราเป็นแค่ลูกแกะรอเชือด พวกมันน่าคิดผิดไปไกลแล้ว”
“คราวนี้ฉันจะทำให้พวกมันได้รู้ว่าการตอบโต้อย่างสุดกำลังของวากิวมันเป็นยังไง พวกมันจะต้องเจอกับบิ๊กเซอร์ไพรส์ที่จินตนาการไม่ออกแน่”
ต่อให้วากิวของประเทศเราสูญพันธุ์ก็ไม่เป็นไร ขอเพียงชื่อเสียงยังอยู่ล่ะก็เราสามารถนำวากิวจากอัสเตเลียมาเพาะพันธุ์ใหม่ได้ และจะมีโอกาสฟื้นฟูความรุ่งโรจน์อย่างในอดีตเมื่อไหร่ก็ได้
ทว่าหากคราวนี้พวกมันแย่งเกียรติและสถานะของวากิวไปได้ล่ะก็ ที่ทำมาทั้งหมดจะกลายเป็นเพียงผายลม
เพื่อที่จะได้เนื้อวากิวในกล่องนี้มาถึงกับต้องมอบทรัพย์สินส่วนใหญ่ของตระกูลให้กับตระกูลริสต์กันเลยทีเดียว
อุตส่าห์จ่ายราคาแพงถึงเพียงนี้แล้วย่อมต้องไม่ยอมให้พวกมันทำสำเร็จได้เด็ดขาด
การตอบโต้อย่างสุดชีวิตนี้จะทำให้พวกมันต้องหงายเงิบ